องค์ประกอบห้องนอนเด็ก
พื้นห้องเด็ก
การตกแต่งพื้น ช่วยพรางข้อบกพร่องของห้อง ได้เช่นกัน เช่น ลายทแยงมุม ทำให้ห้องรู้สึกกว้างขึ้น แต่ถ้าห้อง มีรูปร่าง ไม่ปกติ ให้หลีกเลี่ยงพื้นลายตาราง หรือลายสลับสีกัน หรือลายทางยาว เพราะจะเน้น ความไม่ปกติยิ่งขึ้น เด็กมักจะ ชอบนั่งบนพื้น เพราะฉะนั้นพื้นห้องเด็ก ควรจะนุ่มสบาย และทำความสะอาดง่าย เพราะการรักษา ความสะอาด ของพื้นเป็นเรื่องสำคัญยิ่งสำหรับ ห้องเด็ก โดยเฉพาะเด็ก ที่ยังคลานกับพื้น อาจจะเอานิ้วใส่ปากได้ นอกจากนี้พื้น ยังเป็นที่เล่นของเด็ก จึงควรอำนวย ความสะดวก ในการเล่นด้วย คือเรียบ สามารถวาง ของเล่นต่าง ๆ ได้ และควรจะเก็บเสียงได้ดีเวลาคุณเดินเข้าไปดูลูก ตอนกลางคืน ลูกจะได้ไม่ตื่น เช่น พรมไวนิล พรมไม้ก๊อก
ม่านหน้าต่าง
ม่านจะช่วยบังแสง ที่รบกวน การนอนของเด็ก และเป็นของตกแต่งที่ทำให้ห้อง ดูสวยงาม ได้อีกอย่างหนึ่ง ม่านมีอยู่หลายรูปแบบ เช่น ม่านแบบที่รวบสองข้าง แบบธรรมดา ควรยาวแค่ระดับขอบหน้าต่าง ไม่ควรยาวถึงพื้น เพราะเด็กอาจ ดึงเล่น และ จะสกปรกได้ง่าย
พื้นไม้ ที่ใช้พรมผืนเล็ก ปูเป็นส่วน ๆ การปูพรมทั้งห้อง ไม่เหมาะกับ ห้องเด็ก เพราะถึงจะนุ่ม เก็บเสียง แต่ก็เก็บฝุ่น ดูแลยาก บางทีก็นุ่มเกินไป สำหรับการเล่น ของเล่น บางอย่างบนพื้น ถ้าจะเลือกพรม ควรเลือก พรมทอจากใยสังเคราะห์ ที่แข็งแรงทนทาน และทำความสะอาดง่ายซึ่งปัจจุบัน มีให้เลือกหลายชนิด
ส่วน Venetian Blind หรือมู่ลี่ ม่านแบบนี้จะมีลักษณะ เป็นบานเกล็ดสำหรับเปิดปิด ให้รับแสงได้ตามต้องการหรือจะรูดขึ้นไปหมดก็ได้ จึงประหยัดพื้นที่ ส่วนมาก ทำด้วย ไม้หรือโลหะ เดี๋ยวนี้มีแบบ พลาสติกและพีวีซีด้วย เป็นม่านที่แข็งแรง ทนทาน ใช้งานได้นาน แต่ก็มีข้อเสียคือ เมื่อเปิดไฟ ตอนกลางคืนข้างนอก จะมองเห็นเข้ามาข้างในได้ ควรหาม่านคลุมทับ อีกชั้นหนึ่ง นอกจากนี้ยังทำ ความสะอาด ค่อนข้างยากด้วย
Roman Blinds หรือ ม่านผ้าที่เปิดปิดด้วยการรูดขึ้นลง เป็นจีบอยู่ด้านบน เป็นอีกแบบหนึ่ง ที่เหมาะ กับห้องเด็กเพราะประหยัดที่ และใช้ผ้าน้อยกว่า ม่านธรรมดา ทำความสะอาดได้ด้วยการซัก
แสงไฟในห้องเด็ก
แสงไฟใน ห้องเด็ก ควรเป็นแสงที่สว่างพอแต่ไม่มาก จนแสบตา ไม่ควรใช้ไฟที่ห้อยลงมา จากเพดานตรงกลางห้อง เพราะนอกจาก แสงจะแข็งแล้ว มันยังส่องแยงตาเด็ก เวลานอนอยู่ในเตียงหรือเปลด้วย แต่ถ้าไฟที่บ้านคุณ เป็นแบบนี้อยู่แล้ว และไม่สามารถ เปลี่ยนได้ ให้เลือกแบบ ที่มีที่ครอบดวงไฟ เพื่อทำให้แสงฟุ้ง กระจายไปมากที่สุด เท่าที่จะทำได้ ไฟผนังเป็นไฟที่เหมาะกว่า โดยเฉพาะ แบบที่ส่องแสงขึ้นข้างบน กระทบเพดาน แล้วสะท้อนแสง ลงมาข้างล่างอีกทีหนึ่ง ทำให้ได้แสดงไฟที่นุ่มนวลขึ้น ควรใช้แบบที่มี โคมบังหลอดไฟไว้ข้างใน เพื่อที่เด็ก จะได้ไม่ต้องจ้องมอง แสงจากหลอดไฟโดยตรง ให้เสียสายตา ควรมีสักสองจุด เพื่อที่จะได้แสงสว่าง ที่เพียงพอสำหรับทั้งห้อง หรืออาจจะใช้สปอตไลท์ 2-3 อัน ติดบนราว ซึ่งสามารถปรับมุมให้แสงส่องเข้าที่ผนัง แล้วสะท้อนออกมาอีกที เพื่อลดความจ้าของแสงลง เช่นเดียวกับดาวน์ไลท์ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดี แต่อย่าติดดาวน์ไลท์ เหนือที่นอน ของเด็ก ไม่อย่างนั้นมันจะส่องแยงตาแกตลอดเวลาเลยทีเดียว และไม่ว่าจะใช้ไฟชนิดใดก็ตาม คุณควรใช้ดิมเมอร์ แทนสวิทซ์ไฟธรรมดา ซึ่งทำให้คุณสามารถเลือกปรับ ความเข้มข้นของแสงตามที่ต้องการได้ เช่นเวลาที่เข้าดู ลูกกลางดึก หรืออาจใช้ดิมเมอร์หรี่ไฟ เพื่อใช้เป็นไฟเปิด ในห้องตอนกลางคืนก็ได้ จะได้สะดวกเวลาเข้ามาดูแลเด็ก และเวลาเด็กโตขึ้น เด็กจะได้ไม่กลัวเวลาตื่นขึ้นมากลางดึก นอกจากนี้ควรมีไฟเฉพาะจุดสำหรับกิจกรรมต่าง ๆ ด้วย ในตอนที่ลูกยังเล็ก กิจกรรมหลัก ๆ จะเป็นการทำงาน ของคุณแม่ คือเปลี่ยนผ้าอ้อมหรือแต่งตัวให้ลูก ควรจัดให้มี แสงสว่างพอที่จะทำงานได้สะดวก แต่อย่าใช้หลอด ที่วัตต์สูงมากไป เพราะจะทำให้เด็กแสบตา และควรอยู่ ในระยะที่เด็กเอื้อมไม่ถึง สปอตไลท์ติดกำแพง ดูจะเหมาะที่สุด เพราะเด็กเอื้อมไม่ถึง และต่อมา เมื่อเด็กโตขึ้น ยังปรับใช้เป็นไฟโต๊ะทำงานของเด็ก ได้ด้วย
บางครั้งคุณอาจจะต้องอ่านนิทานให้ลูกฟังเวลานอนเพราะฉะนั้น ควรมีแสงไฟข้างเตียงไว้ด้วย และควรอยู่สูงพอที่เด็กจะเอื้อมไม่ถึง เช่น สปอตไลท์ติดกำแพง ยังไม่ควรใช้โคมไฟแบบตั้งพื้น จนกว่าเด็กจะโต ถึงระดับหนึ่ง เพราะเด็กอาจคลานและดึงสายไฟจนโคมล้มลงมาได้ และไม่ว่าจะเป็น แสงไฟอะไรก็ตาม สิ่งแรกที่คุณต้องคำนึงถึง สำหรับห้องเด็กก็คือความปลอดภัย เช่น ปลั๊กไฟในห้องเด็ก ควรเป็นแบบที่ปิดได้ และต้องอยู่ห่างในระยะที่เด็กเอื้อมไม่ถึง เป็นต้น