เฟอร์นิเจอร์ห้องนอนเด็ก
เครื่องเรือน ควรคำนึงเสมอว่าเด็กจะต้องเติบโตขึ้น เครื่องเรือนในห้องเด็กจึง ควรเป็นแบบที่ต้องเปลี่ยนแปลงได้เสมอ เพื่อให้สัมพันธ์กับตัวและวัยของเด็ก ที่เพิ่มขึ้น เครื่องเรือนของเด็กควรมีสดใส และที่สำคัญคือต้องไม่เป็นอันตรายต่อเด็ก เครื่องเรือนที่สำคัญในห้องเด็กมีดังนี้
เตียงนอน
การเลือกเตียงสำหรับลูกควรเลือกชนิด ที่แข็งแรง และปลอดภัย ถ้าลูกยังเล็ก เลือกเตียงแบบที่มี ลูกกรงโดยรอบ (Cot) เพื่อกันไม่ให้เด็กตกเตียง ลูกกรง ควรจะสูงอย่างน้อย 59.5ซม. และใช้ลูกกรงแนวตั้ง เพื่อที่เด็กจะได้ไม่ใช้เป็นบันได ปีนออกมาได้ ระยะห่าง ระหว่างลูกกรงแต่ละซี่ไม่ควรน้อยกว่า 25 ซม. หรือ 1 นิ้ว และไม่มากกว่า 6 ซม. หรือ 2 นิ้ว เพื่อที่เด็กจะได้ไม่ยื่น ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย เข้าไปติดอยู่ ในระหว่าง ลูกกรงได้ และเตียงเด็กส่วนมากจะมีด้านที่ปรับขึ้นลงได้ เพื่อความสะดวก ในการทำเตียงและอุ้มเด็กเข้าออก ตัวล็อกลูกกรงนี้ต้องแข็งแรง และแน่นหนาพอที่เด็กจะ ไม่กดมันลงไปได้เอง เมื่อเด็กโตขึ้น จนไม่ต้องนอน เตียงแบบนี้แล้ว อาจดัดแปลง มันเป็นโซฟา สำหรับพักผ่อนก็ได้
ที่นอน
ไม่ควรให้เด็กนอนที่นอนเก่า เพราะนอกจาก จะไม่ถูกสุข ลักษณะแล้ว ที่นอนเก่ายังมักจะเสียรูปแล้ว ทำให้รูปร่างของเด็กที่กำลังโตเสียได้ เพราะเด็กจะเติบโต มากที่สุดเวลาที่แกนอนหลับ ควรซื้อที่นอนที่ดีที่สุดให้ลูก
ควรเลือกเที่นอนให้มีความกว้างอย่างน้อย 100 ซม. เพราะเด็ก มักจะนอนดิ้นมากกว่าผู้ใหญ่ การเลือก ที่นอน นิ่ม หรือแข็งนั้น ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของคน ที่นอนคนที่น้ำหนักมาก ต้องการที่นอนแข็ง ๆ ซึ่งสามารถ รับน้ำหนักได้ดี และคนที่เบากว่า ก็ต้องการเตียง ที่นุ่มกว่า เพราะฉะนั้นอย่าเลือก เตียงที่แข็งเกินไป สำหรับเด็กเล็ก ๆ เวลาซื้อที่นอนให้ลูก ให้พาแกไปด้วย แล้วให้ลองนอนดู จากนั้นสอดมือเข้าไปโดยคว่ำฝ่ามือลง ใต้ชายกระเบน เหน็บ ถ้ามีช่องว่าง แสดงว่าเตียงแข็งเกินไป หรือถ้าสอดมือเข้าไปลำบาก ก็แสดงว่ามันนิ่มไป แต่ถ้าสอดมือเข้าไปได้ โดยไม่มี ช่องว่าง ก็แสดงว่าที่นอนนั้น เหมาะสม ดีแล้ว และเพื่อช่วย ยืดอายุ การใช้งาน ของที่นอน อย่าให้ลูกกระโดดเล่น บนเตียง เป็นอันขาด .
เฟอร์นิเจอร์อื่น ๆ และที่เก็บของ
เฟอร์นิเจอร์ใน ห้องเด็ก แต่ละวัยจะมีความพิเศษ แตกต่างกันไป อย่างเช่น ในยามที่ลูกยังดูแลตัวเองไม่ได้ ผู้ที่จะมีส่วนใน การใช้ ห้องเด็ก มากที่สุดก็คือ แม่หรือ ผู้ดูแลเด็ก ดังนั้นควรจัด เฟอร์นิเจอร์ ที่จะเอื้อประโยชน์ ให้กับคุณแม่ด้วย เช่น พื้นที่สำหรับดูแล เปลี่ยนผ้าอ้อม หรือแต่งตัวให้ลูก ซึ่งควรมี ตู้เก็บของจำเป็นอยู่ใกล้มือ เพื่อความสะดวก ของคุณแม่ ซึ่งพื้นที่นี้สามารถปรับเปลี่ยน เป็นโต๊ะเขียนหนังสือ หรือโต๊ะเครื่องแป้งของลูกได้ เมื่อแกโตขึ้น เพราะฉะนั้น ควรเลือกเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง ของลูกได้ เมื่อแกโตขึ้น เพราะฉะนั้นควรเลือกเป็นโต๊ะ หรือตู้เตี้ยที่เว้นช่องล่าง เพื่อความสะดวก ในการใช้งาน ต่อไปในอนาคต และนอกจากพื้นที่สำหรับดูแล เปลี่ยนผ้าอ้อมแล้ว ควรเตรียม เก้าอี้นั่งสบายไว้สักตัว เลือกแบบที่รองรับหลัง ได้อย่างเต็มที่ สำหรับเป็นที่นั่ง เวลาให้นมลูก
นอกจากเตียงนอน ที่ต้องเปลี่ยนเมื่อลูกโตขึ้นแล้ว เฟอร์นิเจอร์ อย่างอื่นควรปรับเปลี่ยนได้ เช่น ตู้เสื้อผ้าเด็ก ตอนแรกเกิดนั้น เสื้อผ้าเด็ก มักจะใช้พับมากกว่าแขวน ดังนั้นลิ้นชักจะสำคัญกว่า ราวแขวนเสื้อ ตู้เสื้อผ้า ของเด็ก จึงควรจะใช้ราว แบบที่ปรับระดับได้ หรือถอดออกได้ โดยคุณอาจเสริม ลิ้นชักแบบตะแกรงลวดเข้าไปชั่วคราว เมื่อเด็กไตขึ้นก็ถอดออก และใส่ราวแขวนเข้าไปแทน ระดับของราวแขวนเสื้อ ก็ควรให้เหมาะกับวัยของเด็ก เพื่อที่เด็กจะสามารถหยิบมาแต่งตัวเองได้
เฟอร์นิเจอร์ สำหรับเก็บของเป็นอีกสิ่งที่จำเป็น สำหรับ ห้องนอนทุกห้องไม่เฉพาะห้องเด็กซึ่งมีทั้งแบบที่เป็น
เฟอร์นิเจอร์ บิลด์-อิน หรือแบบลอยตัว แบบแรกจะเป็นแบบ ที่ใช้งาน ได้ดีที่สุดเพราะประหยัดพื้นที่ และสามารถ ใช้พื้นที่ได้ ตั้งแต่พื้นจรดเพดาน ทำให้ได้พื้นที่ เก็บของมากด้วย คุณสามารถออกแบบพื้นที่ ภายในตู้ได้ ตามต้องการ และเหมาะกับห้อง ที่มีรูปร่าง ไม่สมส่วน เพราะสามารถทำให้ลงตัว กับพื้นที่ได้ทุกแบบ เฟอร์นิเจอร์ แบบบิลด์-อิน ยังติดตั้งอย่างมั่นคง ซึ่งทำให้ปลอดภัย เวลาที่เด็กใช้ เฟอร์นิเจอร์ เป็นหลักเกาะเวลาลุกขึ้นยืน หรือปีนขึ้นไป ส่วนเฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัว มีข้อดีตรงราคา ถูกกว่า สามารถโยกย้ายได้ตามต้องการหรือซื้อของมา เพิ่มเติมได้ เมื่อเวลาผ่านไป แต่ต้องมั่นใจว่า มันตั้งได้ อย่างมั่นคง พอที่จะไม่ล้มมาทับเด็กได้
ชั้นวางของแบบโล่งก็เป็นเฟอร์นิเจอร์อีกแบบที่มีประโยชน์มากสำหรับห้องเด็ก อาจใช้ชั้นแบบ ปรับระดับได้ เพื่อให้เหมาะกับ เด็กแต่ละวัย เด็กจะได้หัด เก็บข้าวของด้วยตนเอง แต่อย่าวางของหนัก ๆ เอาไว้บนชั้นสูง ๆ เพื่อให้ เด็กหยิบไม่ถึง แต่เด็กอาจจะปีนขึ้น ไป ดึงลงมาจนหล่นลงมาทับเอาก็ได้