ตกแต่งภายในคอนโด
คุณเป็นคนหนึ่งที่อยู่คอนโดหรือเปล่า หากใช่ ยินดีด้วยค่ะ เพราะวันนี้เรามีเคล็ดลับดี ๆ และเทคนิคในการตกแต่งคอนโดมาฝากค่ะ ท่านที่ไม่ได้อยู่คอนโด ก็สามารถประยุกต์เอาไปใช้ได้นะคะ ตามมาดูกันดีกว่าค่ะ
เทคนิคในการตกแต่งคอนโดสามารถแบ่งเป็นหัวข้อใหญ่ๆ ได้ 4 หัวข้อดังนี้ค่ะ
1. จัดสรรพื้นที่ใช้สอย โดยอาจรวมพื้นที่บางส่วนเข้าด้วยกันในลักษณะของพื้นที่เอนกประสงค์ ที่สามารถใช้งานร่วมกันได้หลาย ๆ อย่าง, จัดวางเตียงไว้ปลายสุดของห้อง และวางเครื่องเรือนให้ชิดผนังด้านใดด้านหนึ่ง
2. ตกแต่งให้ ดูเรียบโล่ง โปร่งสบาย พยายามเปิดช่องแสงเพื่อเชื่อมต่อพื้นที่ภายนอก ทำให้บ้านดูกว้างและมีมิติ สร้างความต่อเนื่องของพื้นที่โดยไม่ควรกั้นผนังทึบ หากจำเป็นให้กั้นด้วยวัสดุที่โปร่ง เช่น ฉากหรือม่านที่เลื่อนเปิดปิดได้ เพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยได้ตามความเหมาะสม
ในภาพนี้ผู้ออกแบบได้ใช้ผ่าม่านโปร่งเป็นตัวแบ่งพื้นที่ใช้สอยระหว่าง ห้องนอนกับพื้นที่ส่วนอื่น ผ้าม่านนี้ช่วยสร้างความรู้สึกเป็นส่วนตัว แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงบรรยากาศที่ดูโปร่งสบายไว้ได้
หรืออาจใช้ประตูบานเลื่อนที่เลื่อนปิดเปิดได้ ซึ่งสามารถเปิดออกให้เกิดพื้นที่ต่อเนื่องได้สะดวกทุกเวลาที่ต้องการ ในภาพนี้ใช้ประตูบานเลื่อนกระจกฝ้า กั้นแบ่งพื้นที่ห้องนอนและห้องนั่งเล่น ซึ่งในเวลากลางวันสามารถเปิดทิ้งไว้เพื่อให้ เกิด space และบรรยากาศที่โปร่งสบาย
หรือช้ฉากกั้นแบบโปร่งแสงแบ่งพื้นที่ห้องนอนเพื่อสร้างความรู้สึกเป็น ส่วนตัว หรืออาจใช้เป็นฉากกั้นพื้นที่ใช้สอยส่วนต่างๆ ได้โดยที่ยังคงความรู้สึกต่อเนื่องของพื้นที่อยู่ และสามารถพับเก็บเข้าไปเมื่อไม่ได้ใช้งาน
การใช้ชั้นวางของเตี้ยๆ เพื่อแบ่งพื้นที่ใช้สอยส่วนต่างๆ ในลักษณะเป็น low partition ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้ห้องดูไม่ทึบและอึดอัด
ตัวอย่างการใช้ชั้นวางของแบบโปร่งเป็นตัวแบ่งพื้นที่ใช้งานระหว่างห้องนั่งเล่น กับพื้นที่ส่วนอื่นของบ้าน
เทคนิคการตกแต่งที่ ใช้กันมากอีกวิธีหนึ่ง คือการใช้วัสดุผิวมันวาว เช่น กระจกหรือสเตนเลส สร้างเงาสะท้อนเพื่อเพิ่มมิติให้กับพื้นที่ ช่วยให้พื้นที่ดูกว้างหรือมี space เพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้การทาสีเข้มที่ผนังห้องด้านหนึ่ง นอกจากจะเป็นฉากรับภาพที่ดีแล้ว ยังช่วยสร้างมิติในเชิงลึกให้กับห้อง ทำให้ห้องดูเหมือนมีพื้นที่กว้างขึ้น
3. เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ให้เหมาะสม
ควรเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์อเนกประสงค์ หรือหนึ่งชิ้นหลายหน้าที่ (multi-tasking) แทนการใช้เฟอร์นิเจอร์หลายชิ้นนั้น ซึ่งเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วย ประหยัดพื้นที่ใช้สอย ทำให้สามารถใช้ประโยชน์ จากพื้นที่ที่มีอยู่ได้คุ้มค่ามากยิ่งขึ้น เช่น เตียงที่ด้านล่างออกแบบเป็นลิ้นชักเก็บของได้ด้วย
เตียงนี้ก็มีที่เก็บของซ่อนอยู่ข้างใน ในลักษณะที่เรียกว่า hidden storage
ในภาพเป็นโซฟานั่งเล่นที่ออกแบบให้มีลิ้นชักเก็บของใต้ที่นั่ง
โซฟาพักผ่อนหรือ Daybed ซึ่งออกแบบให้มีที่เก็บของด้านล่างด้วย
โต๊ะกลางที่ออกแบบให้ทำหน้าที่เป็นที่เก็บของอีกหน้าที่หนึ่ง
เก้าอี้นวม หรือ ottoman ซึ่งออกแบบให้มีที่เก็บของซ่อนอยู่ด้านใน
โต๊ะที่ออกแบบให้มีหน้าที่อเนกประสงค์ สามารถปรับใช้เป็นโต๊ะทำงาน และโต๊ะแต่งตัวได้ในเวลาเดียวกัน
การใช้เฟอร์นิเจอร์ที่สามารถยืด หด พับเก็บได้ จะช่วยประหยัดเนื้อที่ได้มาก เพราะทำให้ปรับเปลี่ยนได้ตามการใช้งานได้อย่างสะดวก โดยไม่เปลืองเนื้อที่ เมื่อไม่ใช้ก็จัดเก็บ
และหากเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่สามารถเก็บแบบซ้อนชิ้นเล็กในชิ้นใหญ่ ได้ จะสามารถช่วยประหยัดพื้นที่ได้มากยิ่งขึ้น
4. จัดการและจัดเก็บสิ่งของในบ้าน จำไว้ว่าบ้านเล็ก ๆ ควรมีของน้อย ๆ นะคะ
บ้านและสวน
หนังสือ Small Spaces are a Challenge! ได้กล่าวถึง การตกแต่งคอนโดมิเนียม หรืออาคารชุดนี้ว่า "การวางแผนที่ดีเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะพื้นที่ใช้สอย มีค่อนข้างจำกัด จึงต้องมีการวางแผนและออกแบบ เพื่อให้สามารถใช้พื้นที่ทุกตารางนิ้วให้เป็นประโยชน์ได้มากที่สุด"
1. เทคนิคการวางแผนตกแต่งห้องชุดที่เสนอแนะไว้ในหนังสือนี้คือ ก่อนอื่นให้ลองสำรวจพื้นที่บนผนังห้องทั้ง 4 ด้านตั้งแต่พื้น
ขึ้นไปจนจด เพดาน ว่ามีพื้นที่ว่างตรงจุดไหนที่จะสามารถนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ได้ บ้าง
"CONDO LIVING" หนังสือในเครือนิตยสารบ้านและสวน ได้สนอแนะเคล็ดลับ หรือเทคนิควิธีในการตกแต่งห้องพักอาศัย
ในคอนโดมิเนียมไว้เป็นหัวข้อ ใหญ่ๆ 4 หัวข้อดังนี้ คือ
1. จัดสรรพื้นที่ใช้สอย
2. ตกแต่งให้ดูเรียบ โล่ง โปร่งสบาย
3 เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่เหมาะสม
4. การจัดการ-จัดเก็บสิ่งของในบ้าน
1. จัดสรรพื้นที่ใช้สอย
1.1 ควรจัดเตียงนอนไว้ปลายสุดของห้อง เพื่อความเป็นส่วนตัวโดยเฉพาะในยามที่มีแขกมาเยี่ยมเยือน
1.2 จัดพื้นที่ใช้สอยบางอย่างรวมเข้าด้วยกันในลักษณะของพื้นที่เอนกประสงค์ เช่น จัดอาจจัดพื้นที่บริเวณนั่งเล่น-พักผ่อนและ รับประทานอาหารไว้ใกล้ๆ กันในส่วนหน้า เพื่อความสะดวกในการเข้าถึง โดยเฉพาะในกรณีที่มีแขกมาเยี่ยมเยียนบ่อยๆ
1.3 การจัดวางเครื่องเรือนโดยวางให้ชิดผนังด้านหนึ่ง เป็นการเปิดให้มีที่ว่างสำหรับการสัญจรที่สะดวกสบาย
1.4 การใช้พื้นที่ร่วมกันระหว่างห้องครัว และมุมรับประทานอาหาร ในลักษณะที่เรียกว่า eat-in kitchen
1.5 สำหรับห้องที่มีขนาดจำกัดมากจนไม่สะดวกที่จะวางเฟอร์นิเจอร์ ให้ลองหาพรมมาปูและใช้เป็นที่นั่งเล่นแบบนั่งพื้น และหาหมอนอิงหรือเบาะสีสดใสมาวางประดับ
2. ตกแต่งให้ดูเรียบโล่ง โปร่งสบาย
2.1 การเปิดช่องแสงเพื่อเชื่อมต่อกับพื้นที่ภายนอก เป็นเทคนิควิธีอย่างหนึ่งที่จะช่วยให้บ้านดูกว้างและมีมิติมากขึ้นโดยอาจทำ ผนังด้านหนึ่งเป็นประตูหรือหน้าต่างยาวจรดพื้น เพื่อรับแสงธรรมชาติจากภายนอก และอาจติดม่านโปร่งเพื่อช่วยกรองแสงให้ดูนุ่มนวลยิ่งขึ้น
2.2 สิ่งสำคัญในการจัดพื้นที่แคบคือพยายามสร้างความต่อเนื่องภายในพื้นที่ไว้ให้ มากที่สุด และในการจัดแบ่งพื้นที่ใช้สอยไม่ควรกั้นผนังทึบ
เพราะจะยิ่ง ทำให้บ้านดูแคบลงไปอีก หากต้องการแบ่งพื้นที่ใช้งานภายในห้อง ควรกั้นพื้นที่ด้วยผนัง หรือวัสดุแบบโปร่ง เช่น ใช้ฉากหรือม่านที่เลื่อนปิดเปิดได้ เพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่การใช้งานให้เหมาะสมกับความต้องการได้มาก ขึ้น
ใน ตัวอย่างนี้ผู้ออกแบบตกแต่งได้ใช้ผ่าม่านโปร่งเป็นตัวแบ่งพื้นที่ใช้สอย ระหว่างห้องนอนกับพื้นที่ส่วนอื่น ผ้าม่านนี้ช่วยสร้างความรู้สึกเป็นส่วนตัว แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงบรรยากาศที่ดูโปร่งสบายไว้ได้
2.3 หรืออาจใช้ประตูบานเลื่อนที่เลื่อนปิดเปิดได้ ซึ่งสามารถเปิดออกให้เกิดพื้นที่ต่อเนื่องได้สะดวกทุกเวลาที่ต้องการใน ตัวอย่างนี้ใช้ประตูบานเลื่อนกระจกฝ้า กั้นแบ่งพื้นที่ห้องนอนและห้องนั่งเล่น ซึ่งในเวลากลางวันสามารถเปิดทิ้งไว้เพื่อให้ เกิด space และบรรยากาศที่โปร่งสบาย
2.4 ใช้ฉากกั้นแบบโปร่งแสงแบ่งพื้นที่ห้องนอนเพื่อสร้างความรู้สึกเป็นส่วนตัว หรืออาจใช้เป็นฉากกั้นพื้นที่ใช้สอยส่วนต่างๆ ได้โดยที่ยังคงความรู้สึกต่อเนื่องของพื้นที่อยู่ และสามารถพับเก็บเข้าไปเมื่อไม่ได้ใช้งาน
2.5 การสร้างผนังโปร่งกั้นบางส่วนในลักษณะ partial wall แบบนี้ ก็สามารถแบ่งอาณาเขตพื้นที่ใช้สอยระหว่างมุมเตรียมอาหารกับพื้นที่ใช้สอย อื่นๆ ได้เป็นอย่างดี
2.6 การใช้ชั้นวางของเตี้ยๆ เพื่อแบ่งพื้นที่ใช้สอยส่วนต่างๆ ในลักษณะเป็น low partitionก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้ห้องดูไม่ทึบและอึดอัด
2.7 ตัวอย่างการใช้ชั้นวางของแบบโปร่งเป็นตัวแบ่งพื้นที่ใช้งานระหว่างห้องนั่ง เล่น กับพื้นที่ส่วนอื่นของบ้าน
2.8 เทคนิคการตกแต่งที่ใช้กันมากอีกวิธีหนึ่ง คือการใช้วัสดุผิวมันวาว เช่น กระจกหรือสเตนเลส สร้างเงาสะท้อนเพื่อเพิ่มมิติให้กับพื้นที่ ช่วยให้พื้นที่ดูกว้างหรือมี space เพิ่มมากขึ้น
2.9 นอกจากนี้การทาสีเข้มที่ผนังห้องด้านหนึ่ง นอกจากจะเป็นฉากรับภาพที่ดีแล้ว ยังช่วยสร้างมิติในเชิงลึกให้กับห้อง ทำให้ห้องดูเหมือนมีพื้นที่กว้างขึ้นด้วย
3. เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ให้เหมาะสม
เฟอร์นิเจอร์เป็นองค์ประกอบที่ สำคัญอย่างหนึ่งสำหรับบ้าน ซึ่ง Home & Garden Television หรือ HGTV ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์อเนกประสงค์ หรือหนึ่งชิ้นหลายหน้าที่ (multi-tasking) แทนการใช้เฟอร์นิเจอร์หลายชิ้นนั้น เป็นอีกวิธีการที่จะช่วยประหยัดพื้นที่ใช้สอยทำให้สามารถใช้ประโยชน์จาก พื้นที่ที่มีอยู่ได้คุ้มค่ามากยิ่งขึ้น
3.1 เช่น เตียงที่ด้านล่างออกแบบเป็นลิ้นชักเก็บของได้ด้วย
3.2 เตียงนี้ก็มีที่เก็บของซ่อนอยู่ข้างใน ในลักษณะที่เรียกว่า hidden storage
3.3 เฟอร์นิเจอร์ที่ใช้เป็นเตียงนอนในเวลาค่ำคืน และสามารถปรับใช้เป็นโซฟาพักผ่อนในเวลากลางวัน เป็นลักษณะที่ HGTV ได้ให้คำจำกัดความว่าเป็น "a bedroom serves as an extension of the living room"
3.4 โซฟานั่งเล่นที่ออกแบบให้มีลิ้นชักเก็บของใต้ที่นั่ง
3.5 โซฟาพักผ่อนหรือ Daybed ซึ่งออกแบบให้มีที่เก็บของด้านล่างด้วย
3.4 โต๊ะกลางที่ออกแบบให้ทำหน้าที่เป็นที่เก็บของอีกหน้าที่หนึ่ง
3.5 เก้าอี้นวม หรือ ottoman ซึ่งออกแบบให้มีที่เก็บของซ่อนอยู่ด้านใน
3.6 โต๊ะที่ออกแบบให้มีหน้าที่อเนกประสงค์ สามารถปรับใช้เป็นโต๊ะทำงาน และโต๊ะแต่งตัวได้ในเวลาเดียวกัน
3.7 การใช้เฟอร์นิเจอร์ที่สามารถยืด หด พับเก็บได้ จะช่วยประหยัดเนื้อที่ได้มาก เพราะทำให้ปรับเปลี่ยนได้ตามการใช้งานได้อย่างสะดวก โดยไม่เปลืองเนื้อที่ เมื่อไม่ใช้ก็จัดเก็บ
3.8 และหากเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่สามารถเก็บแบบซ้อนชิ้นเล็กในชิ้นใหญ่ ได้ จะสามารถช่วยประหยัดพื้นที่ได้มากยิ่งขึ้น
3.9 การใช้เฟอร์นิเจอร์รูปทรงโปร่ง หรือมีขนาดกะทัดรัดจะช่วยทำให้ห้องดูโล่ง ไม่ทึบตัน
แนวโน้มการเลือกที่พักอาศัยของคนเมืองในปัจจุบัน ที่เริ่มนิยมหันมาอยู่ " คอนโดมิเนียม " กันมากขึ้น ทำให้ทุกวันนี้ที่พักอาศัย จึงไม่ได้จำกัดความเฉพาะคำว่า " บ้าน " เหมือนเมื่อก่อน แต่ยังหมายรวมถึง คอนโดมิเนียม อีกด้วย และถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่เลือกอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียม และกำลังวางแผนตกแต่งคอนโดมิเนียมอยู่แล้วล่ะก็... คงมีคำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัว รวมถึงคำถามที่ว่า จะทำอย่างไรให้คอนโดมิเนียมซึ่งอาจมีพื้นที่จำกัด นั้นอยู่สบายและอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน ?
เรามีคำตอบของการตกแต่งคอนโดมิเนียม จากผู้เชี่ยวชาญมาแนะนำ เพื่อให้คุณมีเทคนิคดีๆ สำหรับการแต่งคอนโดมิเนียมอย่างชาญฉลาด นายประกิต พนานุรัตน์ สถาปนิกคอนโดมิเนียมพรอม พหลโยธิน 2 แนะหลักสำคัญของการตกแต่งคอนโดมิเนียมที่มีพื้นที่ค่อนข้างจำกัด ให้อยู่สบายเหมือนบ้าน โดยเริ่มต้นจากเทคนิคง่ายๆ เหล่านี้
จัดสรรพื้นที่ใช้สอยให้มีความยืดหยุ่น
ด้วยการรวมพื้นที่บางส่วนเข้าด้วยกันในลักษณะของพื้นที่เอนกประสงค์ ปรับเปลี่ยนได้หลายประโยชน์ใช้สอยแต่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย อาทิ โต๊ะรับประทานอาหาร สามารถปรับเปลี่ยนเป็นโต๊ะทำงานได้ หรือ ใช้เป็นโต๊ะจัดเตรียมอาหาร, ชุดโซฟานั่งเล่น ใช้ได้ทั้งดูทีวี เล่นเกมส์ ทำงาน และ รับแขก เลือกใช้ระบบ wireless และ Note book ทำให้สามารถนั่งทำงานได้ในทุกๆส่วนของบ้านเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ
เน้นเรียบโล่ง โปร่ง สบายตา
เนื่องจากมีพื้นที่จำกัด การตกแต่งจึงควรจะมีแนวทางที่ช่วยทำให้ห้องดูกว้าง สบาย ไม่อึดอัด พยายามเปิดช่องรับแสงจากภายนอกจะทำให้กว้าง มีมิติ สร้างความต่อเนื่องของพื้นที่โดยหลีกเลี่ยงการกั้นผนังทึบ หากจำเป็นอาจเลือกใช้วัสดุที่โปร่ง เช่น ฉากหรือม่านที่เลื่อนเปิดปิดได้ เพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยได้ตามความเหมาะสม หรือเลือกใช้ชั้นวางของเตี้ยๆ เพื่อแบ่งพื้นที่ใช้สอยส่วนต่างๆในลักษณะ Low Partition ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้ห้องดูไม่ทึบและอึดอัด
เทคนิคการตกแต่งที่นิยมใช้กันมากอีกวิธีหนึ่ง คือ การใช้วัสดุผิวมันวาว เช่น กระจกหรือสแตนเลส สร้างเงาสะท้อนเพื่อเพิ่มมิติให้กับพื้นที่ ช่วยให้พื้นที่ดูกว้างและมี Space มากขึ้น รวมถึงการเลือกใช้สีสำหรับการตกแต่งทั่วไป ควรมีสีที่อ่อน จะทำให้ห้องดูโปร่ง สบายตายิ่งขึ้น
การเลือกสรรเฟอร์นิเจอร์สำหรับตกแต่ง ควรมีลักษณะที่โปร่ง เบา มีขาขนาดเล็ก เช่น เหล็ก หรือ สแตนเลสสตีล ที่มีขนาดที่เหมาะสม จะทำให้ห้องดูกว้างขึ้น หลีกเลี่ยงเฟอร์นิเจอร์ที่หนาหนัก และ มีขนาดใหญ่ คับห้อง จะทำให้ห้องดูแคบและอึดอัด
การใช้เฟอร์นิเจอร์แบบเอนกประสงค์ หรือหนึ่งชิ้นหลายหน้าที่ แทนการใช้เฟอร์นิเจอร์หลายชิ้น เช่น เตียงที่มีที่เก็บของซ่อนอยู่ด้านใน , โซฟาซึ่งออกแบบให้มีที่เก็บของด้านล่าง หรือการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่สามารถยืด หด พับเก็บ หรือมีล้อเลื่อน จะช่วยประหยัดเนื้อที่ได้มาก เพราะสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามการใช้งาน เมื่อไม่ใช้งานก็นำไปเก็บโดยไม่เปลืองเนื้อที่
จัดการข้าวของรกกวนใจ
ความเป็นระเบียบเรียบร้อย จะทำให้ห้องพักน่าอยู่ จึงควรมีที่เก็บข้าวของเครื่องใช้ที่เพียงพอ การเก็บของในคอนโดมิเนียม ควรใช้ตู้เก็บของ หรือ ตู้โชว์ ที่มีความลึกของตู้ที่เหมาะสม และ มีความยาว จะดีกว่าการกั้นเป็นห้องเก็บของ ซึ่งจะเปลืองพื้นที่มากกว่า ในปริมาณการเก็บของที่เท่ากัน ทางที่ดี ขอแนะว่าข้าวของชิ้นไหนที่ไม่จำเป็น ก็จัดการนำไปรีไซเคิลเสียบ้าง เพื่อความน่าอยู่ของที่พักอาศัย
ระบายอากาศที่ดีเพื่อห้องพักน่าอยู่
เรื่องกลิ่นในห้องพักเป็นสิ่งที่สำคัญ ห้องพักที่มีการระบายอากาศที่ดี มีกลิ่นสะอาดไม่อับชื้น จะเป็นห้องที่น่าอยู่ กลิ่นอับที่ไม่พึงประสงค์ มักจะมาจาก การทำอาหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับคนไทย ในการอยู่อาศัยในคอนโดที่มีพื้นที่ที่จำกัด จะต้องมีการจัดเตรียมระบบ ดูดควันและ ระบายอากาศ ที่มีประสิทธิภาพ การเลือกวัสดุสำหรับการตกแต่งภายใน ก็ควรจะคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วย เราควรจะเลือกใช้วัสดุ ที่ไม่เก็บกลิ่นอับ ทำความสะอาดได้ง่าย เช่น วัสดุที่มีพื้นแข็ง เช่น พื้นไม้ พื้นกระเบื้อง หลีกเลี่ยงการใช้ พื้นพรม ในพื้นที่ที่ต่อเนื่องกับบริเวณ Pantry โต๊ะเก้าอี้ ควรใช้วัสดุจำพวกผ้าเท่าที่จำเป็น วัสดุจำพวกหนัง จะเช็ดทำความสะอาดได้ดีกว่า
เทคนิคแต่งห้องนอนในคอนโด
ไม่ว่าคุณจะอยู่บ้าน หรืออยู่คอนโดฯ ห้องที่มีสำคัญเป็นอันหนึ่ง หนีไม่พ้น " ห้องนอน" นั่นก็เพราะ 1 ใน 3 ของเวลาในแต่ละวันคือ เวลาที่ใช้ไปในห้องนอนน่ะเอง
ตำแหน่งห้องนอน : ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดในช่วงบ่ายที่จะทำให้ห้องร้อนในเวลากลางคืน แต่ยังไงห้องนอนก็ยังต้องการแสงแดดบ้างเหมือนกัน รวมทั้งต้องมีการระบายอากาศที่ดี ถ้าเป็นไปได้ควรมีหน้าต่างอย่างน้อย 2 ด้าน ให้ลมเข้า-ออก แต่อย่างมากเกินไป เพราะนอกจากไม่ได้ใช้ ประโยชน์จากวิวภายนอกแล้ว(มีตึกบัง) ห้องนอนที่ติดกับอาคารข้างเคียงยังขาดความเป็นส่วนตัว แถมจัดวางเฟอร์นิเจอร์และเตียงลำบากด้วย
ห้องนอนบางห้องอาจมีระเบียงไว้ออกไปสูดอากาศ เป็นที่จัดสวน หรือตากผ้าห่ม เครื่องนอน ฯลฯ แต่ระเบียงก็ไม่ใช่สิ่งน่าอภิรมย์เสมอไป ยิ่งหากระเบียงไปติดกับอาคารข้างเคียงหรือติดถนนมากเกินไป ความเป็นส่วนตัวก็จะขาดหาย ยิ่งไปกว่านั้นถ้าไม่หมั่นทำความสะอาด ระเบียงก็จะกลายเป็นพื้นที่เก็บฝุ่นในที่สุด
พื้นที่ใช้สอยในห้องนอน : ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ส่วนนอน อันได้แก่ ชุดเตียงนอน อาจมีทั้งโต๊ะหัวเตียง สตูลปลายเตียง โคมไฟอ่านหนังสือ เป็นต้น ในส่วนนี้ " เตียงนอน" เป็นเฟอร์นิเจอร์ที่สำคัญที่สุด
ควรวางไว้ส่วนในสุดของห้อง หันหัวเตียงเข้าหาผนังทึบ ไม่ควรวางหัวเตียงตรงกับหน้าต่างหรือช่องเปิด เพราะจะเปิดปิดไม่สะดวก ม่านหน้าต่างห้อยลงมาเกะกะ ทำความสะอาดยาก ควรวางให้สามารถเดินรอบเตียงได้ทั้ง 3 ด้าน แต่งคอนโด-แต่งบ้านให้น่าอยู่
ส่วนแต่งตัว : เป็นบริเวณที่ใช้เก็บเสื้อผ้า และแต่งตัว มักอยู่ส่วนแรกสุดของห้อง(นับจากประตูเข้าห้อง)หรือต่อเนื่องมาจากห้องน้ำ ประกอบไปด้วยตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้ง
เราสามารถเพิ่มเติมบริเวณใช้สอยอื่นๆ ตามกิจกรรมของเจ้าของห้อง เช่น ส่วนทำงาน (อาจดัดแปลงโต๊ะแต่งตัวเป็นโต๊ะทำงาน) ส่วนพักผ่อนที่เพิ่มคอนโซล (ตู้เตี้ยวางของ) สำหรับวางทีวี เครื่องเสียง ถ้ามีพื้นที่มากพออาจมีชุดโซฟา เก้าอี้พักผ่อน หรือเครื่องออกกำลังกาย ก็ได้
ห้องนอน จะแต่งยังไงก็แล้วแต่ใจเจ้าของห้อง แต่ที่ไม่ลืม เพระนั่นคือสิ่งสำคัญที่สุดในการตกแต่งห้องนอน นั่นคือ การทำให้ร่างกายนอนหลับได้สนิท อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง ในห้องที่เงีสำหรับห้องที่มีขนาดใหญ่ไม่มากนัก เช่น อพาร์ตเม้นท์หรือคอนโดฯ การมีสวนสวยริมระเบียงจะช่วยให้คุณผ่อนคลายได้ แต่ถ้าตกแต่งไม่ดี อาจทำให้ดูรกรุงรังได้
10 เทคนิค แต่งคอนโดพื้นที่จำกัด ให้กว้างขวาง
ปัญหาของคนที่อาศัยอยู่คอนโดก็คือพื้นที่ใช้สอยที่มีจำกัด โดยเฉพาะเมื่อเราอยู่ไปนานๆ ของตกแต่งและของใช้ต่างๆ ที่เราซื้อเพิ่มเข้ามา ล้วนแต่ทำให้คอนโดของเราดูแคบและรกไปถนัดตา วันนี้ Gmember จะพาไปพบกับอินทีเรียดีไซเนอร์ เพื่อขอคำแนะนำสำหรับตกแต่งคอนโดหลังเก่า ให้มีพื้นที่กว้าง โล่ง โปร่ง และอยู่สบาย
1. การจัดพื้นที่ใช้สอยภายในคอนโดนั้น ควรเลี่ยงการวางเฟอร์นิเจอร์ขวางกั้นบริเวณทางเดิน เพื่อให้ทางเดินดูต่อเนื่อง
2. การจัดวางตู้ และเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ควรจะจัดให้ชิดติดผนังมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แทนที่จะยกลอยอยู่กลางห้อง ทั้งนี้เพื่อช่วยให้พื้นที่ดูโล่งและกว้างมากที่สุด
3. การตกแต่งภายในนั้น ควรออกแบบโดยใช้โทนสีอ่อน และวอลล์เปเปอร์ที่ดูเรียบๆ ไม่จำเป็นต้องมีรายละเอียดมากเกินไป
4. พวกตู้และชั้นวางของ ควรทำเป็น Built-in เพื่อให้ดูเป็นส่วนเดียวกับผนัง ประหยัดพื้นที่ และช่วยพรางตาได้ดีมากดีเทียว
5. พวกตู้และโต๊ะรับแขก สามารถยกลอยขึ้นจากพื้น หลบมุมมองสายตา ทำให้เห็นเนื้อที่พื้นมากขึ้น นอกจากนี้ ตู้เองจะดูเบาขึ้นเพราะเสมือนถูกยกลอยอยู่ด้วย
6. การเปิดผนังระหว่างห้องน้ำ และห้องนอนด้วยการใช้บานเฟี้ยม หรือบานกระจกขุ่น ก็จะช่วยให้ห้องน้ำดูกว้าง และโล่งขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ โดยเฉพาะสำหรับห้องน้ำที่ไม่ได้ติดหน้าต่างอยู่แล้วนั้น จะเป็นการช่วยนำ แสงธรรมชาติเข้ามาสู่ห้องน้ำได้
7. สำหรับห้องน้ำ ทำเป็นหลืบวางของแทนที่จะเป็นชั้นวางของ ทำให้ห้องดูเรียบๆ และกว้างขึ้นได้อีก
8. ควรใช้ม่านหรือมู่ลี่สีอ่อนๆ บริเวณกระจก เพื่อให้สามารถเปิดรับแสงธรรมชาติ และมองเห็นวิวภายนอกได้เต็มที่
9. การเลือกเฟอร์นิเจอร์ ควรให้มีสัดส่วนพอดีกับพื้นที่ ระวังอย่าให้มีขนาดใหญ่หรือสูงเกินไป จะทำให้ห้องดูอึดอัด และคับแคบ
10. เลือกวัสดุ และเฟอร์นิเจอร์โทนสีอ่อน เพราะให้ความรู้สึกของพื้นที่กว้างขวางกว่าสีเข้ม นอกจากนี้ยังช่วยสะท้อน แสงธรรมชาติที่เข้ามาจากทางหน้าต่างได้ในปริมาณที่มาก และลึกเข้ามายังพื้นที่ส่วนที่อยู่ห่างจากหน้าต่างได้ดี อีกด้วย
ข้อมูล แต่งคอนโด