ตั๋วเครื่องบินเวียดนามราคาถูก

บริการจองตั๋วเครื่องบินเวียดนามออนไลน์ ให้บริการค้นหาตั๋วเครื่องบินเวียดนามราคาถูก และเปรียบเทียบตั๋วเครื่องบินทุกเส้นทาง

เราได้ร่วมงานกับ Jetradar บริษัทตัวแทนชั้นนำ บริการจองตั๋วเครื่องบินเวียดนามออนไลน์ เรายืนยันว่าลูกค้าจะได้รับราคาที่ดีที่สุด ด้วยระบบค้นหาเพื่อเปรียบเทียบราคา ที่จะช่วยเพิ่มความสะดวกในการจองตั๋วเครื่องบินราคาถูก กับตัวช่วยการค้นหาเที่ยวบิน เพื่อเปรียบเทียบราคาให้ง่ายต่อการตัดสินใจ

ค้นหาตั๋วเครื่องบินจากสายการบินและเว็บไซต์ท่องเที่ยวทั่วโลกเพื่อหาราคาดีที่สุด ให้คุณได้จองตั๋วเครื่องบินราคาถูกและไม่เสียค่าธรรมเนียม

ระบบค้นหาตั๋วเครื่องบินเวียดนามที่ถูกที่สุด

ระบบค้นหาจะแสดงราคาค่าตั๋วเครื่องบินไปเวียดนามที่ดีที่สุดของแต่ละเดือนล่วงหน้าตามที่ตั้งค่าดังนี้สถานที่ เดินทางไป-กลับหรือไปเที่ยวเดียว ช่วงเวลาเดินทาง และบินตรงหรือไม่

ระบบค้นหาตั๋วเครื่องบินเวียดนามราคาถูกแบบเจาะจงเวลา

ระบบค้นหาโรงแรมห้องพักเวียดนามที่ถูกที่สุด

เปรียบเทียบราคาโรงแรมที่พักเวียดนามจากเอเจนซีต่างๆ และจองโดยเลือกข้อเสนอที่ดีที่สุด! รวบรวมราคาจาก 50 เอเจนซีชั้นนำและเว็บไซต์ของโรงแรม เช่น agoda, booking.com คุณสามารถดูราคาทั้งหมดได้ที่นี่




ระบบค้นหารถเช่าเวียดนามที่ถูกที่สุด

ค้นหารถเช่าเวียดนาม เปรียบเทียบราคารถเช่าเวียดนาม จากบริษัทให้บริการเช่ารถชั้นนำ Avis Hertz Budget เพื่อให้ได้รถเช่าในราคาถูกและคุ้มที่สุด จุดมุ่งหมายของเรา คือ การให้แน่ใจว่า คุณจะเดินทางแบบความสะดวกสบายและ ในราคาที่เหมาะสม ด้วยยานพาหนะทันสมัยให้เลือก มีความพร้อม ที่จะรองรับ ความต้องการของลูกค้า ทั้งจุดส่งรถคนละที่กับจุดรับรถ


  • การค้นหาตั๋วเครื่องบินราคาถูก
  • ขั้นตอนการค้นหาตั๋วเครื่องบินราคาถูก
  • ข้อมูลทั่วไปเวียดนาม

JetRadar ไม่ได้ขายตั๋วเอง JetRadar เพียงแค่ให้บริการค้นหาและเปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบิน JetRadar ไม่ได้ติดตามหรือเก็บข้อมูลของคุณ และก็ไม่มีการคิดค่านายหน้ากับผู้ใช้บริการแต่อย่างใด นั่นหมายความว่าราคาของตั๋วที่คุณเห็นในหน้าเว็บไซต์หรือแอพของ JetRadar นั้น JetRadar ไม่ได้มีการบวกเพิ่มราคาแต่อย่างใด ตอนนี้คุณอาจจะสงสัยว่าแล้ว JetRadar จะได้รายได้อย่างไร? JetRadar จะได้รับรายได้จากการจองตั๋วของคุณ โดยผู้ที่จ่ายให้กับ JetRadar คือสายการบินหรือทราเวลเอเจนซีเท่านั้น JetRadar ไม่ได้คิดค่านายหน้ากับผู้ใช้บริการ เพราะฉะนั้น คุณมั่นใจได้ว่าราคาตั๋วที่คุณเห็นเป็นราคาตั๋วที่ทางสายการบินหรือทราเวลเอเจนซีชาร์จ JetRadar ไม่ได้บวกเพิ่มอย่างแน่นอนค่ะ รู้อย่างนี้แล้ว มาลองใช้ JetRadar กันดีกว่าค่ะ เพื่อประหยัดเวลาและเงินในการค้นหา เปรียบเทียบ และจองตั๋วเครื่องบินค่ะ

การค้นหาตั๋วเครื่องบินราคาถูก

  1. ซื้อตั๋วเครื่องบินล่วงหน้า ยิ่งซื้อล่วงหน้า ยิ่งประหยัด
    JetRadar ได้เก็บสถิติจากการซื้อตั๋วผ่านเว็บไซต์ของ JetRadar โดยมีจำนวนการซื้อตั๋วเครื่องบินทั้งหมดอยู่ที่ 2.5 ล้านใบสำหรับช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา จากสถิติแสดงให้เห็นว่าตั๋วที่มีวันเดินทางตั้งแต่วันศุกร์ถึงวันอาทิตย์จะ มีราคาแพงที่สุด ส่วนตั๋วที่ถูกที่สุดจะมีวันที่ออกเดินทางตั้งแต่วันอังคารถึงวันพฤหัสบดี ส่วนเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะซื้อตั๋วเป็นตอนเช้าหรือไม่ก็ช่วงเย็นหลัง เลิกงาน เนื่องจากช่วงเวลาทำงาน ทางเอเจนซี่ท่องเที่ยวและสายการบินจะทำการค้นหาข้อมูลเที่ยวบินจำนวนมาก อาจทำให้เที่ยวบินที่ราคาถูกที่สุดไม่ถูกแสดงให้เราเห็น และโดยปกติแล้ว ตั๋วจะราคาถูกที่สุด หากเราจอง 6 เดือนก่อนวันเดินทางค่ะ
    ทำไม ราคาตั๋วเครื่องบินถึงเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เดี๋ยวขึ้น เดี๋ยวลง? ที่ราคาขึ้นๆลงๆ นั้นเกี่ยวพันโดยตรงกับความต้องการของลูกค้า ยกตัวอย่างเช่น เราจะแบ่งที่นั่งทั้งหมดบนเครื่องบินออกเป็น 3 กลุ่ม เพื่อให้เข้าใจโดยง่ายนะคะ กลุ่มที่ 1 ถูกปล่อยออกมาขายในราคา A หากมีความต้องการซื้ออยู่ในระดับสูง กลุ่มที่ 2 ที่ถูกปล่อยออกมาขายจะมีราคาสูงขึ้น แต่ถ้าหากความต้องการซื้อน้อยลงมากเนื่องจากราคาที่สูงขึ้น กลุ่มที่ 3 ที่จะถูกปล่อยออกมาขาย จะมีราคาถูกกว่ากลุ่มที่ 2 อย่างไรก็ตาม ในบางช่วงเวลา เช่นช่วงปีใหม่ ราคาจะยิ่งแพงขึ้น หากไม่จองตั้งแต่เนิ่นๆ เนื่องจากความต้องการซื้อตั๋วมีมาก แต่ถ้าหากจุดหมายปลายทางที่เราจะไปไม่ได้เป็นที่นิยมมากนัก โอกาสที่ราคาจะเพิ่มสูงขึ้นนั้นมีน้อยมาก
  2. ซื้อตั๋วตอนมีโปรโมชั่น
    การ ซื้อตั๋วโปรโมชั่นก็เป็นอีกทางที่ทำให้เราได้ตั๋วราคาถูก แต่ส่วนใหญ่แล้วตั๋วโปรโมชั่นมักจะไม่ยืดหยุ่น เช่น ไม่สามารถเปลี่ยนวันเวลาได้ หรือถ้าเปลี่ยนได้ ก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยน ซึ่งถ้าเกิดเรามีการเปลี่ยนแปลงวันเดินทางขึ้นมา เราอาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนมากกว่าการซื้อตั๋วใหม่เลยก็ได้ วิธีนี้จึงเหมาะกับผู้ที่มีการเดินทางที่แน่นอนแล้ว
  3. เที่ยวบินต่อเครื่อง เชื่อมต่อเที่ยวบิน
    วิธีนี้อาจไม่สะดวก เนื่องจากคุณต้องต่อเที่ยวบินเพื่อไปถึงจุดหมายปลายทาง แต่มันก็ทำให้คุณได้ตั๋วในราคาที่ถูกกว่าการบินตรงโดยไม่ต้องต่อเที่ยวบิน อาจถูกกว่ามากถึง 50% กันเลยทีเดียว เพียงแค่มีการเชื่อมต่อเที่ยวบินอย่างน้อย 1 เที่ยวขึ้นไป
  4. เปรียบเทียบราคาตั๋วจากหลายๆเอเยนต์ และ สายการบิน
    เดี๋ยวนี้เรามีเครื่องมือเปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบิน หรือที่เรียกกันว่า flight meta search engine ซึ่งจะทำให้คุณสามารถค้นหาและเปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบินได้ เพียงแค่ใช้เครื่องมือนี้ ตั๋วเครื่องบินทั้งหมดรวมถึงตั๋วเครื่องบินของสายการบินต้นทุนต่ำ (Low-cost airlines) เช่น นกแอร์, แอร์เอเชีย, โอเรียลท์ไทยและไลอ้อนแอร์ จะถูกรวบรวมให้คุณไว้ในที่เดียว คุณไม่ต้องนั่งเปิดหลายๆเว็บไซต์เพื่อเปรียบเทียบราคาอีกต่อไป เพียงแค่คุณเข้าไปที่เว็บไซต์เปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบิน แล้วใส่ข้อมูลการเดินทางของคุณ จากนั้นระบบจะทำการค้นหาและเปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบินให้คุณเอง โดยรวมตั๋วเครื่องบินทั้งหมด รวมถึงโปรโมชั่นตั๋วจากสายการบินและเอเจนซีต่างๆ จากนั้นคุณแค่เลือกเที่ยวบินที่คุณต้องการและจองผ่านเว็บไซต์ได้เลย เครื่องมือเปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบิน (flight meta search engine) นี้จะช่วยให้คุณประหยัดเวลาในการค้นหาและเปรียบเทียบราคาตั๋วและคุณมั่นใจ ได้ว่าคุณจะได้ตั๋วราคาที่ถูกที่สุดจากสายการบินและเอเจนซี่ต่างๆ

ขั้นตอนการค้นหาตั๋วเครื่องบินราคาถูก

การค้นหาตั๋วเครื่องบินราคาถูก

  1. เลือกสถานที่ต้นทางที่ต้องการ ประเทศ เมือง (ระบบป้อนข้อมูลโดยอัตโนมัติ) เช่น
  2. เลือกสถานที่ปลายทางที่ต้องการ
  3. เลือกวันเวลาทเดินทาง และวันเวลากลับสำหรับเดินทางไปกลับ(Round Trip)
  4. เลือกจำนวนผู้โดยสารผู้ใหญ่ และเด็กหรือทารก
  5. เลือกชั้นประหยัด หรือชั้นธุรกิจ
  6. กด ค้นหา

ค้นหาและเปรียบเทียบราคาตั๋ว เพียงแค่นี้ JetRadar ก็จะค้นหาและเปรียบเทียบราคาตั๋วให้คุณ

เลือกตั๋วเครื่องบินราคาถูก

  1. ระบบจะแสดงข้อมูลของเที่ยวบินทุกสายการบินทุกเส้นทางที่ว่าง พร้อมเรียงราคาต่ำสุดและรายละเอียด
  2. นำตัวเลือกทั้งหมดมาให้คุณ เรามีฟิวเตอร์ซึ่งเป็นเครื่องมือในการกรองตั๋วให้คุณ เพื่อให้คุณได้ตั๋วตามที่คุณต้องการ คุณสามารถเลือกเวลาเดินทาง เลือกสายการบินหรือทราเวลเอเจนซี่ที่คุณชื่นชอบ เลือกว่าจะต่อเที่ยวบินหรือไม่
  3. หลังจากที่คุณปรับฟิวเตอร์ตามที่คุณต้องการแล้ว ทีนี้คุณก็สามารถจองเที่ยวบินที่คุณต้องการเองได้ เพียงแค่คลิกปุ่ม “จองเดี๋ยวนี้” จากนั้น JetRadar จะนำคุณไปสู่เว็บไซต์สายการบินหรือทราเวลเอเจนซีโดยตรงเพื่อให้คุณทำการจอง ตั๋ว เพียงแค่นี้ คุณก็จะได้ตั๋วตามที่คุณต้องการแล้วค่ะ การเดินทางของคุณกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
ผลการค้นหาตั๋วเครื่องบินราคาถูก

ข้อมูลเวียดนามทั่วไป

สภาพภูมิอากาศ

เนื่องจากแผ่นดินของเวียดนามมีความยาวมาก ทำให้ลักษณะภูมิประเทศและภูมิอากาศแตกต่างกันค่อนข้างมาก โดยอาจแบ่งได้เป็น 3 ส่วน คือ ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้
• ภาคเหนือ ภูมิประเทศเวียดนามประกอบด้วยภูเขาสูงมากมาย โดยเฉพาะเทือกเขาฟานสีปัน สูงถึง 3,143เมตร สูงที่สุดในอินโดจีน มีแม่น้ำสายสำคัญคือ แม่น้ำกุง ซึ่งไหลไปบรรจบกับแม่น้ำแดงเป็นดินดอนสามเหลี่ยมที่อุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การเพาะปลูกและยังเป็นที่ตั้งของเมืองฮานอยอัน ซึ่งเป็นเมืองหลวงของเวียตนาม มีที่ราบลุ่ม Cao Bang และ Vinh Yen ตลอดจนเกาะแก่งกว่า 3,000 เกาะ อ่าวฮาลอง และเนื่องจากพื้นที่บางส่วนอยู่ในเขตอากาศหนาว ซึ่งได้รับอิทธิพลกระแสลมแรงพัดจากขั้วโลก ทำให้มีสภาพภูมิอากาศหนาวเย็น
• ภูมิอากาศในเขตภาคเหนือแบ่งออกได้เป็น 4 ฤดู 
1.ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-เมษายน) มีฝนตกปรอยๆ และความชื้นสูง อุณหภูมิประมาณ 17 องศา – 23 องศา
2.ฤดูร้อน (พฤษภาคม-สิงหาคม) อากาศร้อนและมีฝน อุณหภูมิประมาณ 30 – 39 องศา เดือนที่ร้อนที่สุดคือเดือนมิถุนายน
3.ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน) อุณหภูมิ 23 – 28 องศา
4.ฤดูหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) อากาศจะหนาวเย็นที่สุดในรอบปี คือ ประมาณ 7 – 20 องศา แต่ในบางครั้งอาจลดลงถึง 0 องศา เดือนที่อากาศหนาวที่สุดคือ มกราคม
• ภาคกลาง ภาคกลางของเวียตนามยังมีชนกลุ่มน้อยอาศัยอยู่มากมาย พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูงซึ่งเต็มไปด้วยหินภูเขาไฟ หาดทราย เนินทราย และทะเลสาบ 
• ภูมิอากาศในเขตภาคภาคกลาง 2 ฤดู
1.ฤดูฝน (พฤษภาคม-ตุลาคม) เดือนที่อากาศร้อนที่สุดคือ มิถุนายน-กรกฎาคม อุณหภูมิเกือบ 40 องศา
2.ฤดูแล้ง (ตุลาคม-เมษายน) เดือนที่อากาศเย็นที่สุด คือ มกราคม อุณหภูมิเกือบ 20 องศา
• ภาคใต้ แม้ว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ของเวียตนามเป็นที่ราบสูง แต่ก็มีที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง หรือชื่อที่รู้จักคือ กู๋ลอง (Cuu Long) อันเป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งเพาะปลูกที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเวียตนาม และเป็นที่ตั้งของกรุงโฮจิมินห์ซิตี้ หรือ ไซ่ง่อน ภูมิอากาศค่อนข้างร้อน อุณหภูมิประมาณ 27 องศา มี 2 ฤดู คือ
1.ฤดูฝน (เดือนพฤษภาคม-พฤศจิกายน) เดือนที่ร้อนที่สุดคือ เดือนเมษายน อุณหภูมิประมาณ 39 องศา
2.ฤดูแล้ง (เดือนพฤศจิกายน-เมษายน) เดือนที่อากาศเย็นที่สุดคือ มกราคม อุณหภูมิประมาณ 26 องศา

เวลา

เวลาประเทศเวียดนามเท่ากับเวลาประเทศไทย ลาว กัมพูชา มีเวลาเร็วกว่าเวลามาตราฐานที่กรีนนิช 7 ชั่วโมง ดวงอาทิตย์ตกเร็วในฤดูหนาวราว 17.30 น. และ ตกช้าในฤดูร้อนราว 19.30-20.00 น.

เชื้อชาติ

เวียด 80% เขมร 10 %(บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงทางตอนใต้ของประเทศ) ต่าย 1.9% ไท 1.74% เหมื่อง 1.49% ฮั้ว(จีน) 1.13% นุง 1.12% ม้ง 1.03%

ศาสนา

ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ นับถือศาสนาคริสต์ ประมาณ 7เปอร์เซ็นต์ และที่เหนือนับถือศาสนาอื่นๆ อีก 3 เปอร์เซ็นต์

ภาษาราชการ

ชาวเวียดนามใช้ภาษาเวียดนามกันใน ชีวิตประจำวัน และใช้ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส และ จีน ในการติดต่อสื่อสาร

สกุลเงิน

ด่อง (อังกฤษ:Dong, ตัวย่อ : VND)

ระบบไฟฟ้า

ประเทศเวียดนามใช้ระบบ 220 โวลต์ 50 เฮิร์ต ปลั๊กไฟสำหรับเสียบอุปกรณ์ไฟฟ้าเป็นแบบสองขากลม

โทรศัพท์

รหัสโทรศัพท์ของประเทศเวียดนามคือ +84 หากท่านต้องการโทรตรงระหว่างประเทศเวียดนาม ให้ตัด 00 + รหัสประเทศ + รหัสเมือง + หมายเลขโทรศัพท์ โดยท่านสามารถสอบถามเพิ่มเติมจากทางที่พักในเวียดนามของท่านได้

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ

  • พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์

    ตั้งอยู่หลังสวนสาธารณะใกล้กับสุสานโฮจิมินห์ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดให้ประชาชนเข้าชม เมื่อปี ค.ศ.1990 เป็นอาคารคอนกรีตขนาดใหญ่ ทันสมัยและมีการจัดการที่ดี ผู้เข้าเยี่ยมชมจะได้มีโอกาส สัมผัสเรื่องราวการต่อสู้เพื่อเอก ราชตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมาของวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่ จนได้รับชัยชนะในการรวมประเทศเวียดนาม เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้

    สุสานประธานาธิบดี โฮจิมินห์
    ตั้งอยู่บริเวณจัตุรัสบาดิงห์ ใจกลางกรุงฮานอย เป็นสถานที่ ที่เก็บร่างอันไร้วิญญาณของ อดีตประธานาธิบดีโฮจิมินห์ วีรบุรุษที่ชาวเวียดนามทั่วทั้งประเทศให้ความเคารพสุสานโฮจิมินห์เป็นอาคารทรงเรียบง่าย ซึ่งสร้างจำลองรูปแบบของสุสานเลนินใน กรุงมอสโคว์สหภาพโซเวียตเมื่อปี ค.ศ.1973 และทำพิธีเปิดเป็นทางการให้ประชาชนได้เข้าไปเคารพศพเมื่อปี ค.ศ.1975 ศพอาบน้ำยาของลุงโฮนอน สงบนิ่งคล้ายคนนอนหลับอยู่ภายในโรงแก้ว

    ทะเลสาบคืนดาบ
    ทะเลสาบแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณใจกลางของเมืองเก่าฮานอยสำหรับนักเดินทางที่มาเยือนฮานอย ซึ่งไม่ได้ มากับบริษัททัวร์ส่วนใหญ่นิยมหาที่พักในบริเวณเมืองเก่า ที่เปรียบได้กับถนนข้าวสารของเมืองไทย นอกจากนั้น ยังมีร้านจำหน่ายอาหารทั้งประเภทพื้นเมือง และเมนูตะวันตกมากมาย รวมถึงจำหน่ายของที่ระลึกก็มีให้เลือกเป็นของฝาก สำหรับทะเลสาบ ฮว่านเกี๋ยม มีตำนานเล่าขานสืบต่อกันมาถึงว่าครั้งอดีตพระเจ้าเลไทโต ได้นำดาบวิเศษซึ่ง นำมาต่อสู้กับพวก หมิงจน สามารถปลดปล่อยประเทศให้อิสระแล้ว พระองค์ทรงลงเรือไปกลางทะเลสาบเพื่อคืนดาบวิเศษให้กับเต่าศักดิ์สิทธิ์ และกล่าวกันว่าเต่าได้ ขึ้นมาฉกดาบไปจากหัตถ์ของพระองค์ แล้วหายไปในทะเลสาบ อันเป็นเหตุให้ทะเลสาบแห่งนี้มีชื่อว่า "ทะเลสาบคืนดาบ"

    โรงละครหุ่นกระบอกน้ำ
    การแสดงหุ่นกระบอกน้ำของเวียดนาม ถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของชาติทีเดียวและกำลัง จะสูญหายไปจากโลก หากไร้การสนับสนุนเนื่องว่าปัจจุบันนี้มีเพียงไม่กี่คณะเท่านั้นเอง การแสดงหุ่นกระบอกน้ำ เริ่มต้นบริเวณดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง จากการที่บริเวณนี้มีน้ำท่วมทุกปีจึงทำให้เกิดแรงบันดาลใจ ในโรงละครหุ่นกระบอกน้ำปัจจุบันยังคงแสดงครบทั้ง 12 องค์ มีเรื่องราวต่างๆ มากมายอันเป็นประเพณีและความเชื่อของชาวเวียดนาม

    อ่าวฮาลอง
    ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเวียดนาม ชาวเวียดนามเรียกอ่าว ฮาลองว่า “วินห์ ฮาลอง” (VINH HA LONG) ในภาษาเวียดนามคำว่า“ฮาลอง”แปลว่า “มังกรร่อนลง” อ่าวฮาลองเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติแห่งหนึ่งในโลกและด้วยความมหัศจรรย์ทาง ธรรมชาตินี้เอง องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนให้อ่าวฮาลองเบย์เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ ในปีค.ศ.1994

    เจดีย์เสาเดียว
    ตั้งอยู่ด้านหลังของสุสานประธานาธิบดีโฮจิมินห์ สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1049 สมัยราชวงศ์หลีเจดีย์ไม้ที่ งดงามแห่งนี้ตั้ง อยู่บนเสาเดียวอยู่กลางสระบัว สำหรับต้นไทรด้านหลังเจดีย์สาเดียวปลูกโดยท่านประธานาธิบดีเนห์รูแห่งประเทศอินเดีย ในปี ค.ศ.1958 ในระหว่างเดินทางมาเยือนประเทศเวียดนาม

    นครจักรพรรดิไดโนย
    ตั้งอยู่ภายในเมือง ตัวพระราชวังถูกสร้างขึ้นตามแบบแผนความเชื่อจีน ซึ่งมีอิทธิพลทางความคิด เว้อยู่ภายใต้ การปกครอง ของจีนมาเป็นเวลาหลายปี พระราชวังแห่งนี้สร้างโดยจักรพรรดิยาลองในปี 1805 ได้รับการบูรณะครั้งแรก โดยพระเจ้า มินห์หม่างในปี 1834 และครั้งต่อมาโดยพระเจ้าไคดิงห์ในปี 1924 ปัจจุบันอยู่ในสภาพที่ดีเยี่ยม

    อุโมงค์หวิงห์มว๊อก
    อุโมงค์หวิงห์มว๊อกตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเว้มาทางทิศเหนือราว 65 กิโลเมตรนับจากอุโมงค์ใต้ดินที่คนทั้งหมู่บ้านอาศัย อยู่เป็น เวลาหลายปีเพื่อหลบภัยจากการทิ้งระเบิดอย่างต่อเนื่องในสมัยสงครามเวียดนาม แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะพากันอพยพไป อยู่ในส่วนอื่นๆของประเทศ แต่ชาวบ้านจำนวนกว่า300คน ที่ยังคงอาศัยอยู่ภายในอุโมงค์คนรูแห่งนี้เป็นเวลากว่า 5 ปี พ. ศ.2509-2514 ภายในแบ่งออกเป็น 3 ชั้นทีทางออกทั้งหมด 13 ทาง แต่ละชั้นจะมีการสร้างเป็นห้องต่างๆ ทางซ้ายและขวา โดยชั้นแรกมีจุดเด่นน่าชมอยู่ที่ห้องที่ใช้คลอดเด็กทารกถึง 17 คน ชั้นที่สองเป็นส่วนที่ใช้ในการประชุมในสมัยสงครามชั้น 3 ของอุโมงค์ซึ่งค่อนข้างชันควรใช้ความระมัดระวัง อุโมงค์หวิงห์มว๊อกสามาถมาเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี เพียงแต่ในฤดูฝนอาจมีความลำบากในการเดินทางสักหน่อย และควรนำ ไฟฉายติดตัวมาด้วยเพราะทางเดินภายในอุโมงค์ค่อนข้างมืด

    สุสานพระเจ้าตือดึ๊ก
    สร้างในปี 1864 ใช้เวลา 3 ปี ดูคล้ายกับพระราชวังหลวงจำลองขนาดเล็ก มีความงดงามกลมกลืนกับธรรม ชาติแวดล้อมอย่างดี การก่อสร้างใช้แรงงานคนถึง 3,000 คน พระเจ้าตือดึ๊กเป็นพระโอรสของพระ เจ้าเถี่ยวตรีและเป็น จักรพรรดิพระองค์ที่ 4 แห่งราชวงศ์เหวียนที่ทรงครองราชย์นานที่สุดใน ราชวงศ์ถึง 36 ปี

    วัดกาวได๋
    เมื่อคุณมาเยือนวัดกาวได๋ สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือความแตกต่างจากวัดทั่งไปในศาสนาพุธ ด้วยสถาปัตยกรรมที่ผสมผสาน กันระหว่างความศรัทธากับวัฒนธรรมอันหลากหลาย เห็นได้จากการตกแต่งผนังโบสถ์ด้วยรูปปั้นของพระเยซู ขงจื้อ พระพุทธเจ้า พระพรหม พระศิวะ และพระวิษณุ ถัดเข้ามาภายในคุณจะพบกับสัญลักษณ์ที่สำคัญกับลัทธินี้คือลูกกลมที่ทำจากกระดาษระบาย สีเป็นรูปดวงตามีรัศมีของดวงอาทิตย์ล้อมรอบ วางอยู่ตรงกลางแท่นบูชา รอบๆมีพระพุทธรูป ขงจื๊อ เล่าจื๊อ นักบุญ และ เทพเจ้าทั้งหลาย ประดิษฐานอยู่ ตามหลักการของลัทธินี้ที่พยายามนำเอาความศรัทธาทั้งหมดที่มีอยู่ในเวียดนามมาอยู่ภายใต้ผู้สร้างสูงสุด เพียงหนึ่งเดียวคือกาวได๋ โดยเริ่มจาก 3 ศาสนาหลักก่อนคือ พุทธ เต๋า ขงจื๊อ แต่ต่อมาขยายไปถึงศาสนาคริสต์ อิสลาม และลัทธิ ตามความเชื่ออื่นๆ

    อ่าวดานัง
    ห่างจากตัวเมืองดานังออกมาทางทิศเหนือราว 15 กิโลเมตร คุณจะได้พบกับชายหาดที่ทอดยาวขนานไปกับทิวเข้าสลับซับ ซ้อน หรือที่ชาวเวียดนามเรียกกันว่า อ่าวดานัง แม้ว่าที่นี้จะไม่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของหาดทรายที่ติดกับน้ำทะเลสีฟ้าคราม สิ่งที่คุณได้พบเห็นคือวิถีชีวิตชาวบ้านที่ใช้เรือกระจาดออกหาปลา เรือที่ทำจากไม้ไผ่สานทั้งลำชันด้วยยา พาหนะล่องลอยเหนือแผ่นน้ำที่หาดูได้จากที่นี้เพียงแห่งเดียว

    พิพิธภัณฑ์ประติมากรรมของชนเผ่าจาม
    สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1936 โดยรัฐบาลฝรั่งเศส นิทรรศการถูกจัดแสดงไว้ตามห้องที่สะท้อนถึงยุคสมัยต่าง ๆ ตามแหล่งกำเนิดของอารยธรรม คือ หมีเซิน, ตราเกียว, ด่งเดือง, นานเมิน เป็นต้นในเมืองฮอยอัน

    บ้านเลขที่ 101
    เสน่ห์อย่างหนึ่งของการมาเยือนเมืองฮอยอัน คือการได้เข้าเยือนชมบ้านประจำตระกูลเก่าแก่ที่ยังคงงดงาม มีให้เลือกชมอยู่หลายหลังแต่คุณสามารถเลือกชมได้เพียง หนึ่ง หลังจากบัตรเข้าชมนอกจากนี้คุณต้องจ่ายค่า เข้าชมในบ้านแต่ละหลังเอง

    เมืองเก่าฮอยอัน
    ย่านเก่าแก่ที่สุดของเมืองอยู่ในเขตใต้ติดกับแม่น้ำทูโบน ถนนเลเลย สายแรกของเมืองตัดตั้งฉากกับแม่น้ำ สร้างเมื่อ 400 ปีมาแล้วมีสะพานหลังคาปิดและร้านค้ากับบ้านแบบญี่ปุ่น อีก 50 ปีต่อมาเริ่มสร้างย่านชาวกวางตุ้ง ด้านตะวันตกของเมือง อดีตของฮอยอันได้ถูกอนุรักษ์ไว้อย่างดีในงานสถาปัตยกรรม ย่านเก่าแก่มีการผสมผสานกันอย่างกลมกลืน ของวัด เจดีย์ ศาลาประชาคม ศาลเจ้า บ้านประจำตระกูล ร้านค้าและบ้านชาวบ้าน เช่นเดียวกับหลายๆ เมือง

    จัตุรัสโฮจิมินห์
    มีรูปปั้นของอดีตประธานาธิบดี กับเด็กๆ ด้านหลังเป็นศาลาว่าการเมือง ซึ่งดูแปลกตาในสไตล์ฝรั่งเศส มองจากตรงนี้จะเห็นได้ถึงความจอแจของเมืองใหญ่ เพราะที่นี่นอกจากจะเป็นศูนย์กลางของเมืองแล้ว ยังเป็นศูนย์กลางทางการค้าอีกด้วย

    สะพานญี่ปุ่น
    สัญลักษณ์ของเมืองฮอยอันที่คุณต้องมาชมคือ สะพานญี่ปุ่นที่ได้รับการก่อสร้างโดยชุมชนชาวญี่ปุ่น เมื่อ 400 กว่าปีที่แล้วในช่วงศตวรรษที่ 17 รูปทรงโค้งของสะพานแล้วหลังคามุงกระเบื้องสีเขียวและเหลืองเป็นคลื่น ตรงกลางของสะพานมีเจดีย์ทรงจัตุรัสที่สร้างอุทิศแก่ดั๊กเดและตรันหวู ก่อนเดินข้ามสะพานด้านซ้ายมือจะมีรูปปั้นสุนัขกำลังนั่ง แล้วเมื่อข้ามไปแล้วก็จะเจอลิงอีกตัว เมื่อข้ามสะพานมายังอีกฟากหนึ่งของเมือง คุณจะเห็นบ้านเรือนเก่าสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ ตลอดจนร้านสไตล์อาร์แกลอรี่ริมถนนคนเดินสองฝากฝั่งถนนให้คุณได้เลือกซื้อเลือกชม