ชีวิต..คือ การลงทุน
ชีวิต..คือ การลงทุน Work Smart , Life Smile
การลงทุนนั้นมีความสำคัญมาก คนโดยส่วนใหญ่คิดแค่ว่า การลงทุนคือ การทำธุรกิจ การลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ ทองคำ หรือลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โดยได้รับผลตอบแทนเป็นตัวเงินเท่านั้น แต่ยังมีการลงทุนที่ได้รับผลตอบแทนนอกเหนือจากตัวเงินได้แก่ ความสุขทางกายและใจ สามารถทำให้เราอยู่ในสังคมนี้ได้อย่างมีความสุขทุกๆวัน โดยไม่ต้องห่วงว่าอนาคตจะเกิดปัญหาอะไรเราก็มีความพร้อมที่จะรับมือ เนื่องจากมีการวางแผนการลงทุนเป็นอย่างดี โดยการลงทุนที่สำคัญของชีวิตมี 6 อย่างได้แก่
- ลงทุนเพื่อการศึกษา
การศึกษาเป็นพื้นฐานที่สำคัญ เป็นการสร้างโอกาสที่ดีที่จะได้ทำงานดีๆ หรือทำให้เรามีทางเลือกในการทำงานเพิ่มมากขึ้น บางคนอยากทำงานในสิ่งที่ตัวเองอยากทำแต่บางครั้งมีข้อจำกัดในด้านการศึกษา ทำให้พลาดโอกาสดีๆไป สำหรับการทำงานในเมืองไทยคงปฏิเสธไม่ได้ว่าสังคมไทยยังคงยึดติดกับวุฒิการศึกษา เพราะฉะนั้นเราควรที่จะศึกษาเพิ่มเติม ซึ่งการศึกษาสมัยนี้ขั้นต่ำควรจบปริญญาโท
การลงทุนเพื่อการศึกษาไม่ได้หมายถึงการเรียนเฉพาะในมหาวิทยาลัยเท่านั้น แต่เราควรหาความรู้ใหม่ๆ หรือหาความรู้เพิ่มเติมให้กับเรื่องที่เราสนใจอยู่ตลอดเวลา เช่น การอ่านหนังสือแนวใหม่ๆที่ไม่เคยอ่าน บางทีเราอาจจะพบกับสิ่งที่เราชอบก็เป็นไปได้ หรือการหาความรู้เพิ่มเติมให้กับงานอดิเรกหรือสิ่งที่เราชอบ เพราะผมมองว่างานอดิเรกหรือสิ่งที่เราชอบอาจทำเงินให้เราได้ในอนาคตนอกเหนือจากงานประจำ - ลงทุนในการทำงาน
งานเป็นแหล่งเงินทุนที่สำคัญ ดังนั้นเราควรที่จะต้องพัฒนาตัวเองอยู่สม่ำเสมอ มั่นหาความรู้ใหม่ๆ เพื่อช่วยให้การทำงานของเรามีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น หรือเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับตัวเรา เพราะว่าบางครั้งโอกาสสำหรับความก้าวหน้าในหน้าที่การงานอาจมาถึงเราโดยไม่รู้ตัว หากเราไม่ได้เตรียมความพร้อม ล่วงหน้าอาจทำให้เราพลาดโอกาสดีๆไป - ลงทุนสำหรับครอบครัว
บางคนอาจลืมความสุขที่อยู่ใกล้ตัว พยายามแต่ค้นหาความสุขที่อยู่ไกลตัว ผมมองว่าคนในครอบครัวมีความสำคัญมาก เราควรให้การดูแลคนในครอบครัว ดูแลคนที่เรารักให้เวลากับครอบครัว พาครอบครับไปเที่ยวพักผ่อน ออกกำลังกาย เพื่อคนในครอบครัวจะได้มีร่างกายที่แข็งแรง แจ่มใส เพราะจะทำให้คนที่เรารัก จะได้อยู่กับเราไปนานๆ - ลงทุนเพื่อสุขภาพ
คนในวัยทำงานส่วนใหญ่จะละเลยการดูแลสุขภาพ เนื่องจากเห็นว่าร่างกายยังแข็งแรงหรือขี้เกียจออกกำลังกาย ซึ่งไม่ควรคิดเช่นนั้น เนื่องจากการออกกำลังกายนั้น นอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้วยังส่งผลถึงการมีจิตใจที่แจ่มใส ร่าเริง นอกจากนี้ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ เพราะหากเราไม่ดูแลร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นโอกาสที่จะเกิดโรคภัยต่างๆจะมีมากขึ้นเช่นกัน ทำให้เราต้องเสียเงินเพื่อรักษา และอาจทำให้เราอาจไม่มีโอกาสที่จะทำในสิ่งที่เรารักได้ในอนาคต - ลงทุนเพื่ออิสรภาพทางการเงิน
มนุษย์เราปกติจะคิดถึงความสุขระยะสั้น ทำให้มีการใช้จ่ายมากเกินความจำเป็นในปัจจุบัน ไม่เห็นความสำคัญของการใช้เงินในอนาคต ทำให้ขาดการวางแผนทางการเงิน หากถามคนในวัยทำงานว่าเมื่อเกษียณอายุจะหารายได้มาจากไหน คนโดยส่วนใหญ่ตอบว่ายังไม่ได้คิดไกลขนาดนั้น
บางคนบอกว่าเพิ่งเริ่มทำงานและมีเงินลงทุนน้อยทำให้ยังไม่คิดถึงเรื่องการลงทุน หากถามคำถามต่อไปว่า แล้วมีเงินมากเท่าไรถึงจะเริ่มลงทุน คำตอบที่ได้คือ ไม่รู้ ความเป็นจริงแล้วจำนวนเงินลงทุนแรกเริ่มมีความสำคัญก็จริง แต่ระยะเวลาในการลงทุนนั้นก็มีความสำคัญไม่แพ้เช่นกัน เมื่อไรก็ตามที่คุณคิดว่ามีเงินมากพอที่จะลงทุนแต่อายุของคุณอาจปาเข้าไป 50-60 ปี ซึ่งจะทำให้มีระยะเวลาน้อยในการลงทุน และคุณอาจรับความเสี่ยงได้ต่ำในขณะนั้น ผลตอบแทนที่ได้ก็อาจไม่มากพอที่จะเป็นค่าใช้จ่ายหลังเกษียณ หากลงทุนในขณะที่มีอายุยังไม่มากถึงแม้ว่าเงินลงทุนตั้งต้นจะน้อย แต่มีระยะเวลาการลงทุนมากพอ การลงทุนที่ให้ผลตอบแทบทบต้นหรือการลงทุนซ้ำ (reinvestment) จะให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า (การลงทุนที่ผมพูดถึงนี้จะเน้นการลงทุนในหุ้น เนื่องจากในระยะยาวการลงทุนหุ้น จะให้ผลตอบแทนที่สูง) เพียงพอสำหรับชีวิตหลังเกษียณ - ลงทุนเพื่ออิสรภาพทางจิตใจ
การลงทุนข้อสุดท้ายคือ การลงทุนเพื่ออิสรภาพทางจิตใจ โดยทั่วไปจุดมุ่งหมายของการลงทุนคือการมีอิสรภาพทางการเงิน แต่หากบรรลุอิสรภาพ ทางการเงินแล้ว ชีวิตเราไม่มีความสุข การมีอิสรภาพทางการเงินอาจไร้ซึ่งความหมาย เพราะฉะนั้นเราควรที่จะฝึกฝนตนเองให้เป็นคนที่คิดดี พูดดี ประพฤติดี มั่นทำบุญทำทานอย่างสม่ำเสมอ เพื่อที่จะได้มีจิตใจที่ดีปราศจากความทุกข์ ซึ่งจะทำให้เรามีความสุขทุกๆวัน
การลงทุนทั้ง 6 ข้อ เป็นสิ่งที่จำเป็นและไม่ควรคิดว่าการลงทุนบางอย่างยังไม่ถึงเวลารอไปก่อน เราควรที่จะลงทุนทั้ง 6 อย่างพร้อมๆกัน ซึ่งอาจต้องใช้ระยะเวลาที่จะเห็นถึงความสำเร็จ แต่มันเป็นความสำเร็จที่ยั่งยืน และจะทำให้ชีวิตของเรามีความสุขในระยะยาว และมีอิสรภาพทางการเงิน เมื่อรู้เช่นนี้แล้วเราจะมัวรออะไรกันสำหรับคนที่ยังไม่ได้คิดที่จะเริ่มทำหรือว่าเริ่มทำแล้วแต่แค่บางอย่าง เรามาเริ่มลงทุนให้กับชีวิตของเราตั้งแต่วันนี้ดีกว่า เพื่อความสุขที่ยั่งยืนในอนาคต
คุณ เศรษฐา ปวีณอภิชาต จบการศึกษาปริญญาตรีคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาโทรคมนาคม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มีประสบการณ์การทำงานด้านวิศวกรติดตั้งระบบสื่อสาร ในตำแหน่งวิศวรกร กับบริษัท เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง และบริษัทเนทแอนคอนเทนด์ (ไทยแลนด์) รวมระยะเวลาการทำงาน 3 ปี จากนั้นคุณ เศรษฐาได้ทำกาศึกษาต่อในระดับปริญญาโทคณะบริหารธุรกิจสาขาด้านการเงิน ที่สถาบันบัณฑิต พัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และเริ่มทำงานกับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2550 ในตำแหน่งนักวิเคราะห์การลงทุน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้จัดการกองทุน ตราสารทุนภายในประเทศ