ฮวงจุ้ยทาวน์เฮ้าส์

ทาวน์เฮ้าส์ในทางฮวงจุ้ย

"บ้านทาวน์เฮ้าส์ ในทางฮวงจุ้ยถือเป็นลักษณะบ้านที่ไม่เหมาะที่จะอยู่อาศัย"
ฟังแค่นี้ อย่าเพิ่งตกอกตกใจไปเสียก่อนล่ะครับ เหตุผลที่พูดเช่นนั้นก็เพราะ บ้านทาวน์เฮ้าส์ มีลักษณะที่ไม่ต่างไปจากตึกแถวหรืออาคารพาณิชย์มากนัก เป็นลักษณะห้องติดกันเป็นล็อคๆ ในทางฮวงจุ้ยถือว่าเป็นบ้านไม่สมประกอบ เพราะไม่มีหน้าต่างด้านข้าง นั่นเอง
บ้านที่ไม่มีหน้าต่าง ก็จะก่อสภาพอุดตันได้ง่าย ก็อย่างที่ผมเน้นย้ำกันอยู่เสมอว่า หลักฮวงจุ้ยจะเน้นเรื่องความสมดุล (หยิน-หยาง) เป็นเรื่องใหญ่ บ้านทาวน์เฮ้าส์จึงถูกมองว่า เป็นบ้านที่ไม่ถูกฮวงจุ้ย เพราะการหมุนเวียนของอากาศภายในบ้านจะสู้บ้านเดี่ยวที่มีหน้าต่างรอบบ้านไม่ได้

ลักษณะทาวเฮาส์ตามหลักฮวงจุ้ย

ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่าทาวน์เฮ้าส์ในทางฮวงจุ้ยนั้นถือเป็นลักษณะบ้านที่ไม่เหมาะสำหรับอยู่อาศัย เพราะมีลักษณะเป็นตึกแถวหรืออาคารพาณิชย์ ทำให้ไม่มีหน้าต่างด้านข้าง การหมุนเวียนของอากาศภายในทาวน์เฮาส์จะสู้บ้านเดี่ยวที่มีหน้าต่างรอบบ้านไม่ได้ ซึ่งเรื่องลมในทางฮวงจุ้ยเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะหากขาดลมหรือไม่มีลมพัดเข้าบ้าน จะถือว่าเป็นบ้านที่ขาดโชคลาภ รวมทั้งสุขภาพของคนในบ้านก็จะไม่ดี

การเลือกซื้อทาวเฮาส์จึงควรพิจารณาในเรื่องทิศทางของลมเป็นสำคัญ

หน้าบ้านหันทาง ทิศเหนือ-ใต้ เป็นทิศที่เหมาะกับทาวน์เฮ้าส์มากที่สุด เพราะเป็นทิศทางลมโดยตรง

หน้าบ้านหันทาง ทิศตะวันออก-ตะวันตก เป็นทิศของแดด นอกจากจะอับลมแล้ว ยังร้อนอีกด้วย

ดังนั้น ทาวเฮาส์ที่หันหน้าไปทางทิศใต้น่าจะดีที่สุด เพราะลมจะมาทางทิศใต้เป็นส่วนใหญ่ ประมาณ 7-8 เดือน ที่เหลือลมจะมาทางทิศเหนือ ซึ่งเข้าหน้าบ้านได้ดีกว่าหลังบ้าน เพราะหลังบ้านส่วนใหญ่จะมีบ้านหลังอื่นบังลมเอาไว้ ยกเว้นว่าหลังบ้านโล่ง อาจเลือกบ้านที่หันหน้าไปทางทิศเหนือ หลังบ้านเป็นทิศใต้ก็ได้ นอกจากจะดูทิศทางลมแล้ว ควรตรวจเช็คห้องต่างๆ ภายในทาวน์เฮาส์ให้ถูกหลักฮวงจุ้ยด้วย


เรื่องลม ในทางฮวงจุ้ยถือว่าสำคัญมาก บ้านไหนถ้าขาดลม หรือไม่มีลมพัดเข้าบ้าน บ้านนั้นก็ขาดโชคลาภ สุขภาพของคนในบ้านก็ไม่ดี เพราะฉะนั้น บ้านทาวน์เฮ้าส์ที่มีกำแพงตันถึง 2 ด้าน โอกาสที่บ้านจะขาดลมก็มีมาก การเลือกซื้อบ้านทาวน์เฮ้าส์ จึงต้องเน้นเรื่องของทิศทางลมเป็นสำคัญ
ทิศเหนือ-ใต้ เป็นทิศที่เหมาะกับบ้านทาวน์เฮ้าส์มากที่สุด เพราะเป็นทิศทางลมโดยตรง ถ้าบ้านทาวน์เฮ้าส์อยู่ในแนวทิศตะวันออก-ตะวันตก ซึ่งเป็นทิศของแดด นอกจากจะอับลมแล้ว แถมยังร้อนอีกต่างหาก ใครที่กำลังคิดจะซื้อบ้านทาวน์เฮ้าส์อยู่ตอนนี้ อย่าลืมดูทิศกันด้วยล่ะ เอาบ้านที่อยู่ทางทิศลมไว้ก่อน
โดยเฉพาะบ้านที่หันหน้าทางทิศใต้ น่าจะดีที่สุด เพราะลมจะมาทางทิศใต้เป็นส่วนใหญ่ประมาณ 9 เดือน ที่เหลือลมจะมาทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ (ฤดูหนาว) ลมเข้าหน้าบ้านดีกว่าเข้าหลังบ้าน เพราะหลังบ้านส่วนใหญ่จะมีบ้านหลังอื่นบังลมเอาไว้ ยกเว้นว่าหลังบ้านโล่ง อาจเลือกบ้านหันหน้าทิศเหนือ หลังบ้านเป็นทิศใต้ได้
อย่าลืมว่า บ้านทาวน์เฮ้าส์ มีจุดที่ลมพัดเข้าบ้านได้เพียง 2 จุดเท่านั้นคือ หน้าบ้านกับหลังบ้าน ข้างบ้านหมดสิทธิ์ (ยกเว้นทาวน์เฮ้าส์หลังมุม) เมื่อเรารู้ว่าทางลมมาทางด้านไหน ก็อย่าเอาอะไรไปบังทางลมเด็ดขาด นี่เป็นข้อห้ามที่หลักฮวงจุ้ยให้ความสำคัญมากที่สุด

"ทาวน์เฮ้าส์กว่า 80 เปอร์เซนต์มีการต่อเติมด้านหลัง"
จากผลสำรวจของผมเองที่ไปดูบ้านทาวน์เฮ้าส์มาเยอะมาก เหตุผลก็เพราะ ต้องการพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น และนิยมต่อเติมแบบเต็มพื้นที่ประเภทติดรั้วด้านหลัง ทำเป็นห้องครัวกันเป็นส่วนใหญ่ การทำในลักษณะนี้ ถือว่าเป็นการฝืนกฎเกณฑ์ในทางฮวงจุ้ยอย่างมาก เพราะเท่ากับปิดทางลมของบ้าน เหลือทางลมเพียงด้านหน้าบ้านอย่างเดียว ธรรมชาติของลมจะต้องมีทางเข้าและทางออก ถ้าเข้าอย่างเดียวไม่มีจุดดูดลมออก ลมก็ไม่สามารถหมุนเวียนเข้าไปข้างในบ้านได้ พัดผ่านเฉพาะหน้าบ้านเท่านั้น นี่เป็นสิ่งที่หลายคนยังไม่เข้าใจ การต่อเติมด้านหลังจนทึบ จะก่อสภาพอุดตันขึ้นภายในบ้านทันที

ทาวน์เฮ้าส์ที่หลังบ้านปล่อยโล่ง จะมีการหมุนเวียนของลมภายในบ้านได้ดีกว่า ทาวน์เฮฺ้าส์ที่มีการต่อเติมด้านหลังบ้านจนเต็มพื้นที่ ลมไม่สามารถหมุนเวียนเข้าไปภายในบ้านได้

การต่อเติมด้านหลังที่ถูกต้องจึงไม่ควรต่อเต็มพื้นที่ อาจเว้นที่โล่งไว้บางส่วน เพื่อให้มีช่องลม หรือไม่ก็ต่อเติมแบบใช้เพียงหลังคากั้นสาด คือ ต่อเติมแบบโปร่ง ไม่มีผนังปูนก่อเป็นกำแพงทึบ ก็จะถือว่าถูกต้อง บ้านไม่เสียช่องลมไป การหมุนเวียนของอากาศภายในบ้านก็จะอยู่ในสภาพที่สมดุล
"ถ้าเกิดมีการต่อเติมไปแล้วจะแก้ไขอย่างไร..?"
วิธีแก้ก็คือ เจาะช่องดูดอากาศ หรือทำหลังคาแบบเปิด-ปิดได้ เพื่อให้มีการระบายอากาศได้ดี ยิ่งถ้าทำเป็นห้องครัวด้วยแล้ว ทั้งกลิ่นทั้งควันจะอบอวนอยู่ในบ้าน การเจาะช่องลมถือว่าสำคัญมาก จำเป็นจะต้องทำเลยทีเดียว
นอกจากด้านหลังบ้านที่กลัวอุดตันแล้ว ด้านหน้าบ้านเองก็ต้องระวังเช่นเดียวกัน การต่อหลังคาทำเป็นโรงรถด้านหน้า ก็เป็นที่นิยมทำกันมาก เพราะหลีกเลี่ยงยากที่จะไม่ทำสำหรับคนที่มีรถทั้งหลาย การทำโรงรถจึงถือเป็นอุปสรรคสำคัญที่จะปิดกั้นลมได้ ถ้ามีความจำเป็นจริงๆที่จะต้องทำ ผมแนะนำให้ทำหลังคาโรงรถให้สูงกว่าปกติหน่อย อย่าทำหลังคาที่กดต่ำ เพราะจะเป็นตัวบังลมอย่างดี

หลังคาโรงรถที่กดต่ำจะสกัดกั้นลมไม่ให้ไหลเข้าบ้านได้ ควรทำหลังคาให้สูงเพื่อเปิดทางลมเข้าบ้าน

เริ่มจะมองเห็นถึงผลเสียของการอยู่บ้านทาวน์เฮ้าส์แล้วสิครับ นี่แค่เรื่องลมเรื่องเดียวนะครับ

การต่อเติมบ้านทาวน์เฮ้าส์ยังมีอีกหลายอย่างที่จะสร้างผลกระทบ อย่างกรณีหน้าบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะทำหลังคาโรงรถกันอยู่แล้ว ยังมีอีกกรณีหนึ่งที่จะต้องระมัดระวังก็คือ การต่อเติมกำแพงด้านข้าง บางบ้านก่อกำแพงแบบทึบเหมือนตึกแถวเลย คือ ก่อกำแพงทั้งสองด้าน ทึบตันไปหมด แบบนี้ถือว่าเสียหายมาก เพราะเป็นการปิดกั้นลมไม่ให้เข้าไปในบ้านได้
การต่อเติมด้านข้างแบบกำแพงทึบ จะก่อสภาพอุดตันมากยิ่งขึ้น เพราะลมไม่สามารถเข้าไปในบ้านได้เลย

บางทีบ้านเราไม่ได้ต่อเอง แต่ข้างบ้านที่อยู่ติดกันเป็นคนต่อ ก็ส่งผลเสียถึงบ้านเราเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้น ถ้าไม่มีความจำเป็นก็ไม่ควรต่อเติมกำแพงด้านข้าง ควรปล่อยให้โล่งจะดีกว่า ทำแค่หลังคาคุมรถก็พอ เพราะการต่อเติมเพียงข้างเดียวจะกระทบถึง 2 บ้าน ถ้าต่อเติมกำแพงทึบทั้งสองด้านซ้าย-ขวา จะกระทบถึง 3 บ้าน
การต่อเติมในลักษณะนี้ นอกจากจะเป็นตัวปิดกั้นลมแล้ว ยังปิดกั้นแสงสว่างอีกด้วย ด้านในบ้านจะมืดมาก ตามหลักฮวงจุ้ยบอกว่า บริเวณประตูเข้าบ้านจะต้องสว่าง ห้ามมืด ถ้ามืดจะก่อสภาพหยิน ซึ่งในทางฮวงจุ้ยถือเป็นสภาพที่นิ่งตาย ไม่เจริญ โชคลาภไม่เข้าบ้าน
คนที่มีบ้านทาวน์เฮ้าส์ และคิดว่าจะต้องอยู่บ้านหลังนี้อีกนาน ผมแนะนำได้เลยว่า ไม่ควรต่อเติมอะไรเป็นดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นด้านไหนๆของบ้าน โดยเฉพาะทาวน์เฮ้าส์ขนาดเล็กประเภท 18 ตารางวา แล้วอยู่ตรงกลางไม่ใช่บ้านหลังมุม ปัญหาเรื่องอุดตันจะเกิดขึ้นได้ง่ายมาก
คราวนี้มาดูภายในบ้านกันบ้าง บ้านทาวน์เฮ้าส์ส่วนใหญ่จะมีแบบเหมือนๆกันหมด เวลาเดินเข้าบ้านก็จะมองเห็นหลังบ้านกันเลย มองเห็นบันได เห็นห้องส้วม นอกนั้นก็จะเป็นพื้นที่โล่งหมด ส่วนชั้นบนก็จะมีห้องส้วมอยู่ตรงกลางมีห้องนอน 2 ห้องอยู่หน้าบ้านกับหลังบ้าน นี่เป็นแบบพื้นฐานของทาวน์เฮ้าส์ทั่วๆไป
ปัญหาที่พบบ่อยที่สุดของแบบบ้านลักษณะนี้ก็คือ ห้องส้วมชั้นบน ที่อยู่ตรงกลางบ้าน นั่นเอง ตามหลักฮวงจุ้ยถือว่า ร้าย จะทำให้คนในบ้านเจ็บป่วยได้ง่าย ซึ่งถ้ามองตามหลักตรรกะวิทยาการวางตำแหน่งห้องน้ำห้องส้วมตรงนี้ก็ไม่ดีเช่นเดียวกัน เหตุผลก็เพราะ ห้องส้วมไม่มีทางระบายออกไปสู่นอกตัวบ้าน กลิ่นอับ ความชื้นที่เกิดจากห้องส้วมก็จะระบายอบอวนอยู่ในบ้าน นั่นเอง ยิ่งถ้าเจ้าของบ้านดูแลรักษาความสะอาดของห้องส้วมไม่ดีพอ อาจก่อเชื้อโรคขึ้นในบ้านได้ เพราะฉะนั้น โอกาสที่คนในบ้านจะเจ็บป่วยก็มีง่ายขึ้น
"แล้วจะแก้ยังไงดีล่ะ..?"
เรื่องของการแก้นั้น ถ้าใช้หลักฮวงจุ้ยก็จะบอกว่า ให้ย้ายตำแหน่งห้องส้วมไปอยู่ด้านริมของบ้าน เพื่อให้ห้องส้วมได้มีทางระบายอากาศเสียออกไปนอกบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่จะย้ายไปอยู่หลังบ้าน

การย้ายห้องส้วมไปอยู่ด้านหลังบ้าน ถือเป็นการแก้ไขห้องส้วมกลางบ้านได้ดีที่สุด

ถ้าไม่สามารถย้ายได้ ไม่ว่าจะติดขัดเรื่องอะไรก็แล้วแต่ การแก้ไขคงต้องใช้หลักตรรกะมาช่วยแล้วล่ะครับ เมื่อปัญหาอยู่ที่เรื่องของอากาศเสียที่ระบายออกนอกบ้านไม่ได้ ก็จะต้องลงทุนทำที่ดูดอากาศในห้องส้วม เพื่อดูดอากาศออกนอกบ้าน หรือไม่ก็ต้องเปิดประตูหน้าต่างของชั้นบน ให้ลมจากนอกบ้านไหลผ่านบริเวณชั้นบน โดยการเปิดประตูห้องนอนทั้ง 2 ห้อง เปิดประตูระเบียง เปิดหน้าต่าง ทั้งหน้าบ้านหลังบ้าน เปิดประตูห้องส้วม อากาศเสียจากห้องส้วมก็จะกระจายออกนอกบ้านได้เช่นเดียวกัน

เปิดประตู หน้าต่าง ให้ลมจากด้านนอกพัดเข้ามาในบ้านเพื่อไล่อากาศเสียจากห้องส้วมออกนอกบ้าน

คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะเปิดประตูหน้าต่างกันสักเท่าไหร่ ปล่อยให้บ้านอับไม่มีอากาศไหลเวียนกันเลย โดยเข้าใจผิดคิดว่า การเปิดเครื่องปรับอากาศในห้องจะช่วยให้อากาศมีการหมุนเวียนแล้ว แต่หารู้มั้ยว่า การเปิดแอร์เพียงอย่างเดียว ถ้าไม่ทำความสะอาดเครื่องแอร์ดีพอ จะกลายเป็นที่สะสมฝุ่นละออง อย่าลืมว่า เครื่องแอร์มีความชื้นมาก จะบ่งเพาะเชื้อโรคได้ง่าย โดยเฉพาะพวกเชื้อรา ไรฝุ่น คนจึงมักเป็นโรคภูมิแพ้กันมากโดยเฉพาะคนเมือง เพราะอยู่แต่ห้องแอร์นี่แหละ คนชนบทมักไม่ค่อยเป็นเพราะใช้ลมธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่
นอกจากเรื่องห้องส้วมแล้ว ห้องที่มีปัญหาอีกห้องหนึ่งของบ้านทาวน์เฮ้าส์ ก็คือ "ห้องครัว" ซึ่งมีผลกระทบคล้ายๆห้องส้วมเหมือนกัน ครัวจะมีผลกระทบเรื่องของกลิ่น และควัน ต้องการระบายอากาศออกนอกบ้าน ตำแหน่งครัวจึงถูกวางให้อยู่หลังบ้านที่มีช่องลมที่จะไล่ควันและกลิ่นได้ แต่ก็มีบางส่วนที่กระจายเข้ามาในบ้านได้ เนื่องจากพื้นที่ของบ้านทาวน์เฮ้าส์มีน้อย ครัวจึงไม่ได้ทำเป็นห้องที่ปิดมิดชิด
ข้อแนะนำในเรื่องนี้ ผมจะให้ย้ายครัวหรือเตาไฟไปไว้ด้านนอกบ้านแทน เพราะด้านหลังของบ้านทาวน์เฮ้าส์จะมีพื้นที่ว่างอยู่ประมาณ 2 เมตร อาจย้ายเฉพาะเตาไฟไปไว้นอกบ้าน ด้านในก็ทำเป็นครัวสวยๆเอาชงกาแฟ ก็จะเกิดผลดีกับบ้านมากกว่า เพราะประตูหลังบ้านจะเป็นตัวปิดไม่ให้ควันและกลิ่นกระจายเข้ามาในบ้าน นั่นเอง

ย้ายเตาไฟ ไว้ด้านนอกบ้าน จะช่วยลดผลกระทบในเรื่องของกลิ่นและควัน ที่จะกระจายเข้ามาในบ้านได้ดีกว่า เอาเตาไฟมาไว้ในบ้าน

แต่อย่าลืมเชียวนะครับว่า ถ้าทำห้องครัวไว้นอกบ้าน ห้ามต่อห้องแบบทึบตัน จะต้องทำแบบโปร่งเท่านั้น ไม่เช่นนั้นกลิ่นและควันจะยิ่งอบอวนอยู่ในบ้าน ไม่มีทางออกกันเลยล่ะครับ

เมื่อเรารู้หลักของการเลือกซื้อบ้านทาวน์ เฮ้าส์ และการต่อเติมบ้านทาวน์เฮ้าส์กันไปแล้วเมื่อ 2 ตอนที่ผ่านมา ตอนนี้ผมจะหยิบเรื่องของการตกแต่งบ้านทาวน์เฮ้าส์เพื่อเสริมฮวงจุ้ยให้ดีขึ้น ซึ่งการตกแต่งจะมีความแตกต่างไปจากบ้านเดี่ยวพอสมควรทีเดียว
ก็อย่างที่ผมบอกไปแล้วว่า ลักษณะของแบบบ้านทาวน์เฮ้าส์ ในทางฮวงจุ้ยถือเป็นแบบบ้านที่ไม่สมประกอบ ไม่เหมาะที่จะใช้อยู่อาศัย เนื่องจากขาดความสมดุลภายในบ้าน นั่นเอง ในเมื่อโครงสร้างของบ้านมีปัญหา การตกแต่งภายในบ้านก็จะมุ่งเน้นไปที่การแก้ปัญหา เพื่อให้เกิดความสมดุลขึ้นในบ้าน มากกว่าเน้นที่ความสวยงามเพียงอย่างเดียว
เริ่มกันที่หน้าบ้านกันก่อนนะครับ บริเวณประตูทางเข้าบ้าน ในทางฮวงจุ้ยถือว่าสำคัญมาก เพราะเป็นจุดที่บ่งบอกถึงโชคลาภของบ้าน บริเวณหน้าประตูบ้านจะต้องโล่ง สว่าง และมีสภาพที่มีชีวิตชีวา หรือเป็นสภาพของหยาง นั่นเอง
แต่เมื่อมองบ้านทาวน์เฮ้าส์ที่มีข้อจำกัดในเรื่องของพื้นที่ ก็ค่อนข้างจะลำบากในการจัดพื้นที่ให้ตรงตามหลักฮวงจุ้ย เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่จะถูกทำเป็นที่จอดรถ แค่รถคันเดียวก็แทบจะเต็มพื้นที่ด้านหน้าของบ้านแล้ว เหลือพื้นที่ด้านข้างเพียงน้อยนิดเท่านั้น
การตกแต่งบริเวณหน้าบ้าน จึงต้องให้ความสำคัญไปที่บริเวณที่เหลืออันน้อยนิดนั้น จะต้องใช้พื้นที่บริเวณนี้ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด กรณีที่เจ้าบ้านไม่ทำหลังคาโรงรถบริเวณด้านหน้า แสงสว่างก็สามารถสาดเข้าไปบริเวณประตูได้ ซึ่งถือว่าดีมากและตรงตามหลักฮวงจุ้ย แต่ถ้ามีการทำหลังคาคุม หน้าประตูเข้าบ้านจะมืด การตกแต่งช่วยก็คือ ทำหลังคาใสตลอดแนวด้านข้างที่อยู่ข้างเดียวกับประตูบ้าน แล้วจัดสวนบริเวณนี้
บริเวณหน้าบ้านก็จะเกิดสภาพของหยินและหยางที่สมดุล รถมีสภาพที่นิ่งเป็น หยิน สวนและแสงสว่างเป็นหยาง แต่การจัดสวนบริเวณนี้ควรเน้นให้เกิดความเคลื่อนไหวด้วย เช่น ทำน้ำพุน้ำตก หรือบ่อเลี้ยงปลา ถ้าเป็นสวนต้นไม้ก็ควรจะมีไม้ดอกที่ให้สีสัน ไม่ควรใช้ไม้ใบเขียวอย่างเดียว เพราะจะก่อสภาพนิ่งได้ ดอกไม้สีจะเป็นตัวบ่งบอกถึงพลังหยางที่มีชีวิต

บริเวณด้านข้างควรจัดสวนและทำหลังคาใสเพื่อให้แสงสว่างบริเวณประตูทางเข้าบ้าน

การตกแต่งบริเวณหน้าบ้านถือว่า สำคัญไม่ควรมองข้าม บางคนมองว่า พื้นที่หน้าบ้านมีน้อย น่าจะทำพื้นเป็นกระเบื้องทั้งหมดเต็มพื้นที่ โดยเอาส่วนที่เป็นดินด้านข้างออก เพื่อจะได้มีพื้นที่เดินมากขึ้น การทำอย่างนั้น ยิ่งเพิ่มความนิ่งและแข็งให้กับบ้านมากขึ้นไปอีก พื้นที่ดินบ่งบอกถึงธรรมชาติ บ้านทาวน์เฮ้าส์มีพื้นที่ ที่เป็นดินน้อยอยู่แล้ว ถ้าเอาส่วนนี้ออกอีกก็ไม่เหลือความเป็นธรรมชาติเอาไว้เลย ถ้าบ้านใครเกิดปูพื้นกระเบื้องไปหมดแล้ว ก็แก้ไขโดยเอากระถานต้นไม้มาวางด้านข้างแทนก็พอช่วยได้ครับ
คราวนี้มาดูภายในบ้านกันบ้าง ปัญหาของบ้านทาวน์เฮ้าส์ส่วนใหญ่ก็คือ ความอับทึบ เพราะด้านข้างไม่มีช่องหน้าต่างเหมือนกับบ้านเดี่ยว (ยกเว้นห้องมุม) ถ้าเป็นทาวน์เฮ้าส์ขนาดเล็ก เวลาเดินเข้าไปในบ้านจะรู้สึกเหมือนถูกบีบด้วยผนังทั้งสองข้าง การตกแต่งสามารถช่วยแก้ไขสภาพนี้ได้ โดยการติดกระจกบานใหญ่ที่ผนังด้านใดด้านหนึ่ง กระจกจะช่วยขยายห้องให้กว้างขึ้น เหมือนบ้านมีสองห้อง การติดกระจกเงาส่วนใหญ่จะติดด้านที่ทแยงมุมกับประตูเข้า

 

ติดกระจกเงาบานใหญ่ด้านข้างของบ้าน จะช่วยขยายห้องให้ดูกว้างขึ้น ลดสภาพของการบีบของผนังทั้งสองข้างได้เป็นอย่างดี

การติดกระจกเงาบานใหญ่จะมีข้อห้ามตรงที่ว่า ห้ามติดผนังห้องทั้งสองด้านในลักษณะประจัญหน้ากัน หรือตรงข้ามกัน เพราะจะเกิดภาพหลอนได้ กรณีที่ไม่สามารถใช้กระจกเงาบานใหญ่มาติดผนังได้ ก็สามารถใช้รูปภาพมาติดแทนได้เช่นเดียวกัน โดยเลือกรูปที่มองแล้วให้ความรู้สึกที่สว่างโล่ง อย่างภาพวิว ไม่ควรใช้รูปที่มืดทึบ หรือเป็นสิ่งปลูกสร้างที่ดูแล้วแข็งอย่างพวกตึก เพราะการเอารูปภาพมาติดผนังก็เปรียบเสมือนช่องหน้าต่างที่มองทะลุออกไปได้ อย่าปล่อยผนังห้องว่างเปล่า เพราะจะยิ่งเน้นความอับทึบของบ้านมากขึ้น
นอกจากผนังด้านข้างที่เป็นปัญหาของบ้านทาวน์เฮ้าส์แล้ว ปัญหาอีกอย่างหนึ่งก็คือ หน้าบ้านกับหลังบ้านจะอยู่ในแนวที่ตรงกับพอดี เพราะแบบบ้านทาวน์เฮ้าส์ ไม่มีส่วนเว้าส่วนโค้งเลย เป็นลักษณะกล่องไม้ขีด ประตูหน้ากับหลังบ้านจึงมีโอกาสตรงกันสูง ซึ่งถือว่าผิดหลักฮวงจุ้ยอย่างมาก เรียกว่า ทรัพย์เข้าหน้าบ้านก็ออกหลังบ้านไปเลย
การตกแต่งบ้านทาวน์เฮ้าส์ ส่วนใหญ่จึงมักดีไซน์ตู้โชว์หรือทำเป็นซุ้มไว้กลางบ้าน เพื่อเป็นตัวคั่นระหว่างประตูหน้าบ้านกับประตูหลังบ้าน ซึ่งเป็นลักษณะที่ถูกหลักฮวงจุ้ย กระแสที่เข้าจากหน้าบ้าน จะไม่ไหลออกหลังบ้านในทันที เพราะมีตู้โชว์ขวางอยู่ นั่นเอง

การออกแบบให้มีตู้โชว์หรือฉากกั้นระหว่างหน้าบ้านกับหลังบ้าน ถือเป็นการจัดที่ถูกหลักฮวงจุ้ย เพราะกระแสจะไม่วิ่งเป็นเส้นตรง การรั่วไหลของทรัพย์ก็จะน้อยลง


Resource : homedd.com