ห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น

ห้องรับแขก-ห้องนั่งเล่นเป็นห้องที่ใช้งานมากที่สุด ของครอบครัว ผู้คนบางกลุ่มชอบที่จะ รับประทาน อาหาร พบประสังสรรค์ และดื่มฉลอง กันที่บ้าน มากกว่าที่จะ ออกไปตามคลับ หรือภัตตาคาร โทรทัศน์สี วีดีโอ และเครื่องเสียงดีๆ ได้เข้ามาแทนที่ภาพยนตร์ตามโรง แม้แต่เกมคอมพิวเตอร์ ปัจจุบัน ก็สามารถ ซื้อหา เข้ามา เล่นสนุกสนานกันได้ภายในบ้าน ฉะนั้นการจัด ห้องนั่งเล่นที่กว้างขวาง พอและมีอุปกรณ์ ในการสันทนาการ ต่างๆ จึงเหมาะเป็นที่พบปะสังสรรค์ และพักผ่อนในยามว่างได้ การตกแต่งห้องนั่งเล่น ได้รับความเอาใจใส่มากขึ้น ได้มีการเพิ่ม ความแปลกใหม่ ที่ยังคงให้ ความรู้สึก สบาย อย่างง่ายๆ ซึ่งมีผลมาจากปัจจัย 3 ประการคือ

เฟอร์นิเจอร์แปลกๆ ใหม่ๆ ที่บริษัทผู้ผลิตได้ออกแบบแตกต่างหลายหลาก และมีหลายระดับราคา ให้เลือกซื้อได้ตามความ ต้องการและกำลังทรัพย์

การใช้สีสดใสมาตัด เช่น สีชมพู เขียว หรือ เหลือง บนสีที่นิยมใช้กัน อันได้แก่สีครีมอ่อน สีครีมเข้ม สีเบท และสีปนสีขาว นั้นให้ชีวิตชีวา ที่สนุกสนาน มากยิ่งขึ้น

ปัจจัยสุดท้ายได้แก่การนำวัสดุต่างๆ มากใช้ อย่างมากมาย เป็นวัสดุที่ผลิตออกมา ในขบวนการ อุตสาหกรรม สถาปนิก และ มัณฑนากร ได้นำสิ่ง ที่มีอยู่ อย่างหลายหลากนี้ มาออกแบบ ดัดแปลง ตกแต่ง ให้ได้สิ่งที่แปลกใหม่น่าตื่นตา อาทิ นำเอา ลามิเนท พลาสติกลายสีสดใส มาปูลง บนเฟอร์นิเจอร์ ลักษณะแปลกๆ นำเอาไม้มาทาสี ร้อนแรง และเคลือบเงา การฉาบปูนบนผนัง ให้เป็นเส้นๆ เพื่อเลียนแบบ เสาลายคิ้วบัว และลวดลายต่างๆ ที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เป็นการแสดง ถึงวิธีการ และแบบการตกแต่ง อันหลายหลาก ซึ่งนำมาใช้ได้ อย่างไรก็ตาม ไม่มีวิธีใด เป็นสิ่งที่ดีที่สุด การตกแต่ง เพียงเล็กน้อย ก็อาจจะดีได้ เท่ากับการตกแต่ง ที่ต้องใช้จ่ายของ อย่างฟุ่มเฟือย หรืออาจจะนำวิธี การตกแต่ง หลายรูปแบบ มาผสานกันได้ ถ้าสามารถ ทำให้สอดคล้อง และในขอบเขตที่สมควร

ห้องรับแขก

การวางแผนผังห้องนั่งเล่น

ห้องรับแขกจะเป็นห้องแรกที่เข้ามาถึง ควรมีขนาด 12 ตารางเมตรขึ้นไป แล้วแต่ขนาดของบ้าน เมื่อจะลงมือตกแต่งห้องใดก็ตาม อย่าได้พยายาม ซื้อหา ข้าวของในการตกแต่ง ก่อนที่จะมี การวางแบบแปลน ให้เรียบร้อย ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่ถูกต้อง และง่ายที่สุด ถ้าเราจะย้ายเข้ามาอยู่ ในบ้านที่ต้อง อยู่อาศัย เป็นเวลานาน ดังนั้นจึงควรวางแบบแปลน เพื่อให้ใช้ได้ ในระยะเวลานาน สิ่งที่ต้องพิจารณา อันดับแรก คือโครงสร้างของห้อง ว่าต้องมีการ ขยับขยาย หรือไม่ ถ้าต้อง มีการขยับขยายก็ต้องลงมือทำสิ่งนี้ก่อน แต่ถ้าไม่ต้องก็ดำเนินขั้นต่อไป คือ การสร้างตู้ และชั้นวางของ และติดตั้งระบบไฟฟ้า และระบบระบายอากาศ หรือปรับอากาศ ตามแบบแปลน ที่วางไว้ ก่อนที่จะเริ่มงานตกแต่ง เช่น การจัด เฟอร์นิเจอร์ ปูพรม และรายละเอียดอื่นๆ แต่ถ้าเรา เช่าห้อง หรือบ้านอยู่ วิธีการตกแต่งที่ดีที่สุด คือ คงโครงสร้างเดิมไว้ให้มากที่สุด และแก้ไข ข้อบกพร่องต่างๆ ด้วยวิธีการของการตกแต่ง เช่น หน้าต่างที่ ใหญ่เกินไป ก็ติด บางส่วน ของหน้าต่าง ด้วยบังตา ถ้าหน้าต่างที่เล็กเกินไป อาจจะทำให้ดูกว้างขึ้นได้ ด้วย การติดกระจก

การจัดบริเวณนั่งเล่น

บริเวณนั่งเล่นเป็นส่วนสำคัญที่ใช้นั่งคุยกัน ดูทีวี ทานขนม เล่นเกมส์ อ่านหนังสือ และพักผ่อน ดังนั้นที่นั่ง ที่ใช้ควรจะสบาย และจัดวางอุปกรณ์ การเล่นให้อยู่ใกล้ๆ กับเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ ควรจะเคลื่อนย้ายได้ เพื่อให้เหมาะ กับการนำมาจัดใหม่ ในการ สังสรรค์กันแต่ละครั้ง ในกรณีที่เป็นห้องขนาดเล็ก แต่ถ้าเป็นห้องขนาดใหญ่ ควรใช้เฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ และเคลื่อนย้าย ไม่ได้หนึ่งหรือสองตัว นอกจากนั้น ควรจะเป็น เฟอร์นิเจอร์ที่มีน้ำหนักเบา ซึ่งสามารถนำมาตั้ง รวมกับเฟอร์นิเจอร์ประเภทแรก ได้เมื่อมีแขกมาเยี่ยม เป็นจำนวนมาก และเฟอร์นิเจอร์สมัยใหม่ ซึ่งดัดแปลง ใช้ได้หลายอย่าง จะช่วยเปลี่ยนแปลง ให้บรรยากาศ

การออกแบบห้องนั่งเล่น

แบบห้องรับแขก 1ห้องรับแขก 2ห้องรับแขก 3ห้องรับแขก 4

การวางผังห้องนั่งเล่น

การจัดวางควรจะแยกออกจากบริเวณทางเดิน เมื่อมีคนเดินไปมาจะได้ไม่เป็นการรบกวนสมาธิ ของผู้ที่นั่งพักผ่อนอ่านหนังสือ พูดคุย หรือดูรายการ โทรทัศน์ การจัดวางหนังสือ แผ่นเสียง เทปคาสเซ็ท วิดีโอเทป หรืออุปกรณ์อื่นๆ ควรจัดวางในที่ที่หยิบใช ได้ง่าย จัดให้เป็นระเบียบเรียบร้อย สวยงาม จัดวางโต๊ะเตี้ยๆ สำหรับวางแก้วน้ำ ที่เขี่ยบุหรี่ และแมกกาซีนต่างๆ ไว้ในบริเวณที่นั่ง ติดตั้งโคมไฟ เพิ่มให้สว่างพอ และอยู่ในตำแหน่งที่ใช้นั่งอ่านหนังสือ เขียนหนังสืองานเย็บปักถักร้อย และงานอื่นๆ ที่ต้องใช้สายตา

เราควรคำนึงการประกอบกิจกรรมอื่นๆ ตั้งแต่ขั้นตอนการวางแบบแปลนเลยทีเดียว เช่น การทำงาน เขียนหนังสือ ทำการบ้าน อ่านหนังสือ เหล่านี้ควรจะอยู่ในบริเวณที่สงบ ถ้าเป็นไปได้ควรจะจัดไว้ ในห้องนอน เช่นเดียวกันกับอุปกรณ์ ในการเย็บปักถักร้อย ขนาดใหญ่นั้นไม่เหมาะ ที่จะนำมาตั้งไว้ ในห้องนั่งเล่น แต่ถ้าจำเป็นจะต้องใช้งานจริงๆ ก็ใช้ในเวลาที่ไม่มีการใช้งานในห้องนี้ โต๊ะเก้าอี้ที่ใช้ ควรเป็นชุดเดียวกัน เพราะเมื่อมีการจับแยกชุด ไปไว้ห้องอื่นจะสังเกตได้


การจัดวางจุดสนใจในห้องนั่งเล่น

ห้องนั่งเล่นไม่ควรเป็นห้องที่น่าเบื่อ ฉะนั้นจึงควร มีการจัดจุดสนใจไว้ตามตำแหน่ง ต่างๆ ซึ่งในห้องหนึ่งๆ อาจมีการจัดทำได้หลายๆ วิธีร่วมกัน หรือนับเฉพาะ วิธีใด วิธีหนึ่งเท่านั้น ซึ่งขึ้นอยู่กับความพอใจ ของเจ้าของ บ้านเอง การจัดวางกระถางต้นไม้ รวมกันและจัดไฟส่อง ในจุดนั้น ทำให้มีชีวิตชีวาในบริเวณนั้น ซึ่งเดิมเป็น บริเวณมุม ที่ค่อนข้างมืด หรือการจัดดอกไม้แห้ง ดอกไม้สด ไว้หน้ากระจก ทำให้สวยสะดุดตา มากยิ่งขึ้น แขวนโคมไฟที่สวยงามเป็นกลุ่ม โดยมีจุดประสงค์ เน้นทางด้านความงาม หรือจะเลือกที่สวยงาม มาสักชิ้นหนึ่ง ซึ่งอาจจะ เป็นโคมไฟแบบตั้ง นำมาตั้งไว้ ในตำแหน่งที่โดดเด่น และเรายังได้แสงสว่าง จากโคมไฟได้อีกด้วย

ห้องรับแขก

การจัดวางจุดสนใจในห้องนั่งเล่น

ภาพวาดด้วยสีต่างๆ นำมาติดในตำแหน่ง ที่กลมกลืน และสามารถชื่นชม ความงามของภาพ ได้ถ้ามีภาพที่สำคัญ หรือรัก เป็นพิเศษให้จัดไว้ ในตำแหน่งที่สำคัญ โดดเด่น และแยกจากภาพอื่นๆ ติดไฟสปอตไลท์ส่องภาพ และถ้ามี เฟอร์นิเจอร์ ที่พิเศษ เราอาจจะจัดไว้ใน ลักษณะ ที่คล้ายคลึงกันได้ ควรใช้ประโยชน์จากหนังสือดีๆ ที่เราอ่านอยู่ เป็นประจำ จัดหนังสือเหล่านี้ ไว้เป็น กลุ่มบนโต๊ะข้าง หรือโต๊ะเตี้ยสำหรับ วางของ แน่นอนที่สุด ผู้ที่ได้มา นั่งพักผ่อน หรือพูดคุยกัน ย่อมให้ความสนใจ และหยิบดูเพลินๆ เป็นการขจัดความเบื่อหน่าย ในการรอคอยได้ สำหรับนักสะสมของเก่า ของโบราณ ศิลปวัตถุหรือของจุกจิก จัดวางของเหล่านั้นให้สวยงาม และควรเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอๆ เพื่อให้เป็น จุดเด่นที่แปลก และน่าสนใจ หนังสือหายาก วัตถุโบราณ หินกรวด กล่องต่างๆ แก้วสวยงาม ตุ๊กตา เหยือก ยิ่งหาของที่แปลก ได้เท่าไรยิ่งดี บริเวณที่จัดวาง ไว้นั่นก็ดูยิ่งน่าสนใจมากขึ้น
ลวดลายประดับ ทางสถาปัตยกรรม เช่น ซุ้มประตู และลายปูนนั้น หรือลวดลายประดับเพดาน สิ่งเหล่านี้ เราควรจะรักษาเอาไว้ และซ่อมแซม ให้อยู่ในสภาพ ที่สมบูรณ์ อย่าตั้งเฟอร์นิเจอร์ บังความสวยงาม ของลวดลายเหล่านี้ และควรจัดแสงไฟ ให้ส่องสว่าง เน้นความงามในจุดเหล่านี้ โดยปกติแล้ว ในห้องนั่งเล่น มักจะตั้งโทรทัศน์ เป็นจุดศูนย์กลาง แต่โทรทัศน์ ไม่เป็น จุดศูนย์กลาง ที่ดีนัก เฉพาะอย่างเวลา ที่มีรายการ อีกประเภทหนึ่ง โทรทัศน์ อยู่ตรงกลาง แล้วล้อมรอบ ด้วยเฟอร์นิเจอร์ การและกิจกรรมอื่นๆ ไว้บนโต๊ะ ที่มีล้อเลื่อนเพื่อจะได้เคลื่อนย้ายออกไปได้ เมื่อไม่มีรายการโทรทัศน์ .

ห้องนั่งเล่นแบบทางการ

ห้องนั่งเล่น ที่เป็นทางการจะไม่ใช้ เพื่อกิจกรรมอื่น นอกจาก นั่งเล่น พักผ่อน พูดคุย ดังนั้นที่นั่งเล่น จึงเป็นส่วน ที่สำคัญที่สุด อาจจะตกแต่งด้วย แบบทันสมัย หรือในรูปแบบเก่า หรือจะผสมผสานระหว่าง ทั้งสองรูปแบบ บางครั้ง อาจตกแต่ง ไว้อย่างหรูหรา แต่ยังคงไว้ ซึ่งความสะดวกสบาย ถ้าเนื้อที่ในห้องนั้น อำนวย ควรตั้งโซฟาไว้หนึ่งหรือสองตัว และจัดวางเก้าอี้ ไว้หลายๆ ตัว เฟอร์นิเจอร์ทุกตัว จัดเข้ากลุ่มกัน อย่างเป็นทางการ ถ้าเป็นห้องรับรองที่ใหญ่มากๆ อาจจะจัด เฟอร์นิเจอร์ ไว้หลายๆ กลุ่ม โดยคำนึงว่า เก้าอี้ที่จัดไว้ ทุกตัว ใช้ประโยชน์ได้ สำหนับเก้าอี้ ที่มีน้ำหนักเบา อาจจะเคลื่อนย้าย จากกลุ่มหนึ่ง ไปอีกกลุ่มหนึ่งได้ ตามความจำเป็น แต่ เฟอร์นิเจอร์ ที่เป็นหลัก จะต้องตั้งไว้อย่างถาวร และไม่มี การเคลื่อนย้าย จากตำแหน่งเดิม โต๊ะเตี้ยที่จัดวางไว้ ให้หาต้นไม้ ที่เขี่ยบุหรี่ ขนาดใหญ่ แจกันดอกไม้ และสิ่งต่าง ๆ ที่สวยงามประทับไว้

ม่านควรตัดเย็บจากผ้าที่มีคุณภาพดี เช่น ผ้าไหมฝ้ายเนื้อดี ผ้าขนสัตว์ ในห้องสมัยใหม่นั้น สามารถแขวนม่านได้ทันที โดยไม่ต้อง ประดับประดาอะไรเพิ่มเติม แต่สำหรับห้องแบบเก่าควรจะใช้ ผ้าที่มีลายอดกไม้ มีการติด ฟู คิ้ว และ ครุย จับจีบหรือ ทำม่านย้อย ให้สวยงาม พื้นห้องควรจะเป็น พื้นไม้ปาร์เก้ หรือพรมตลอดห้อง
การตกแต่ง ควรเป็นแบบง่ายๆ แต่ทำอย่างดี อาจตกแต่งด้วย วอลล์เปเปอร์ ลายเรขาคณิตเล็กๆ ที่มีคุณภาพดี หรือ ผ้าแต่งผนัง ที่มีสีสันหลายหลาก หรือทาสีที่เป็นมันวาว บนโต๊ะเตี้ย เพื่อให้ดูเหมือน เป็นพื้นขัดระยิบระยับ หรือจะใช้ วิธีที่นิยมกัน คือทำลวด ลายหินอ่อน หรือวาดเป็นแต้ม ๆ ฯลฯ

รูปภาพไม่ว่า จะเป็นภาพพิมพ์สมัยใหม่ หรือภาพสีน้ำมัน ใส่กรอบสวยงามที่ดูภูมิฐาน แขวนในตำแหน่ง ที่ได้เลือกสรร ว่าเป็นจุดส่งเสริมให้เกิดความงาม ส่องไฟเหมือนกับการติดรูปแบบเก่า นั้นคือ จากสปอตไลท์ที่ติดเพดาน หรือ หลอดไฟยาว ที่ติดซ่อนไว้ใต้ชั้นวางของ หรือไฟจากโคมตั้งพื้น .

การตกแต่งห้อง ในรูปแบบชีวิตในเมือง นั้น อาจสิ้นเปลือง ค่าใช้จ่าย แต่เมื่องานสำเร็จออกมา จะดูสวยงาม และสะดุดเสมอ เราสามารถสร้าง สรรบรรยากาศภายในห้องออกมา ในรูปแบบ ของศิลปะยุคต่างๆ ตั้งแต่สมัยเก่า จนถึงยุค ของโพสต์โมเดิร์น ทั้งนี้ขึ้นกับรสนิยม และความกว้างใหญ่ ของห้องเป็นเกณฑ์ด้วย
เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว ขนาดเล็กที่ง่าย ต่อการโยกย้าย และจัดใหม่ พร้อมด้วยโซฟาขนาดใหญ่ อีกหนึ่ง หรือสองตัว ก็เป็นสิ่งที่เพียงพอสำหรับการตำแต่ง ไม่ควรใส่เฟอร์นิเจอร์เข้าไป อย่างมากมายเกินพอดี จะทำให้ห้องรกรุงรัง อีกทั้งเป็นการกีดขวางทาง หาโต๊ะ ที่ออกแบบ อย่างสวยงาม ซึ่งทำด้วยวัสดุพลาสติก ลามิเนท แก้ว หรือไม้ นำมาลองตกแต่งดู ในห้องเล็กๆ เราควรจัดข้าวของต่างๆ เช่นหนังสือโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ เครื่องประดับตกแต่ง หรือแม้แต่การ จัดแสงสว่าง ต้องจัดให้มีระเบียบเรียบร้อย และให้ดู เหมือนการตกแต่งมิใช่วางเรียงกันไว้เฉยๆ เช่น วางเรียงในชั้นวาง หรือวางบนตู้ ซึ่งวางชิดผนัง ในห้องที่ตกแต่งอย่างไฮเทค หรือวางในตู้โชว์ ที่ด้านหน้าใส่กระจกใส ซึ่งการจัดนี้เราต้องคำนึง ถึงความสวยงามเท่าๆ กับเรื่องความสะดวกของการใช้

ในห้องนั่งเล่นที่มีผนังกว้าง เราอาจจะทำชั้นวางหนังสือให้ยาวตลอด หรือทำชั้นวางของตามรอบๆ ขอบประตูหน้าต่าง เพื่อใช้เนื้อที่ให้เป็นปะโยชน์เต็มที่ และควรจะมีการประดับ ด้วยม่านผ้าที่เผยให้เห็น รูปร่างหน้าต่างและคิ้ว ซึ่งจะทำ หน้าต่างดูสมบูรณ์ หรือถ้าเราต้องการจะติดผ้าม่านให้ปกปิดวิวภายนอก ที่ไม่สวยงาม แต่ต้องการ ให้มีแสงสว่าง ลอดเข้ามาก็ให้ใช้ผ้าม่านแบบโปร่งใสเพื่อที่ จะปิดไว้ได้ตลอดเวลา เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยง ไม่ให้เห็นฝุ่นละอองที่จับตามข้างฝาได้งาย การบุผนังก็ควรใช้วอลล์เปเปอร์ ลายดอกไม้สีซีดๆ เพราะนอกจากจะได้ประโยชน์ดังข้างต้นแล้ว ยังได้บรรยากาศห้อง ที่คลาสสิก และง่ายต่อ การตกแต่ง อีกด้วย หรือถ้าในบุคคลที่ ชอบความท้าทาย รุนแรง อาจจะให้พลาสติกลามิเนท แผ่นพลาสติก หรือทาผนังด้วยสีน้ำมัน ที่เป็นเงาที่สามารถเช็ดได้ หรือติดกระจกแก้ว หรือกระเบื้องก็ได้
การปูพื้นจะใช้วัสดุชนิดไหน อาทิ พรม ไม้ หรือ ปาร์เก้ ก็ควรปูให้ตลอดห้อง เพื่อให้ความสะดวกสบาย อย่างเต็มที่ไม้ประดับควรจะใช้ต้น ที่มีขนาดใหญ่สวยงาม แทนที่จะตกแต่งด้วยกระถางเล็กๆ เพื่อให้บรรยากาศในห้อง ใกล้ชิดและอบอุ่นขึ้น การเลือกรูปภาพ และสิ่งประดับอื่นๆ ก็ควรจะเลือกให้มีลักษณะสอดคล้อง กับรูปแบบ ที่ใช้ในการแต่งห้อง และเนื่องจาก อาคารส่วนใหญ่ ที่อยู่ในเมือง มักจะต้องใช้แสงสว่าง จากไฟฟ้าในเวลากลางวัน ดังนั้นจึงควรเลือกโคมไฟ ที่ใช้อย่างพิถีพิถันที่ดูน่าสนใจ และอาจจะใช้หลายๆ แบบในห้องเดียวกันได้ แต่ก็ควรให้มีลักษณะ กลมกลืนกัน

บ้านที่อยู่นอกเมือง มักมีห้องที่กว้างขวาง พอที่จะจัดตกแต่ง ให้มีความรู้สึกโปร่งโล่ง และผ่อนคลาย ได้มากกว่า โต๊ะขนาดใหญ่ เก้าอี้แบบโซฟา ที่นุ่มสบาย ขนาดใหญ่ ชั้นวางของที่กว้างขวาง เราสามารถ ลำเลียงเข้ามาใช้ได้ โต๊ะติดผนังที่มีขนาดยาว เพื่อใช้เป็นที่วางรูปของครอบครัว ไม้แกะสลัก รูปปั้น ดินเผา แบบเคลือบด้าน หรือไม่เคลือบ และอื่นๆ ถ้าจะตั้งโต๊ะอาหาร ในห้องนั่งเล่น ควรจะตั้งโต๊ะ อาหารขนาดใหญ่ ที่สามารถรองรับ กลุ่มคนได้มาก และหลีกเลี่ยง การใช้วัสดุพวกโลหะ หรือพลาสติกต่างๆ เพื่อให้รับกับบรรยากาศนอกเมือง ควรจะใช้ไมใน การตกแต่ง ให้มากที่สุด วัสดุที่มาจากธรรมชาติ ทุกชนิด เหมาะสำหรับการตกแต่งประเภทนี้ เช่น กระเบื้องหินกาบ หินปูพื้นและอิฐ ถึงแม้ราคาจะแพง แต่ก็ดูสวยงาม เข้าบรรยากาศ และใช้ได้นาน จะใช้พรมทอมือ ที่มีลวดลายคลาสสิก หรือใช้เสื่อที่ทอ ด้วยกกสานด้วยใบเตย วัสดุธรรมชาติอื่นก็ได้ ในการปูพื้น ซึ่งหาได้ง่ายในท้องถิ่นและราคาไม่แพง

ห้องรับแขก

ผ้าม่านควรใช้ผ้าฝ้าย หรือมู่ลี่ไม้ไผ่ ถ้าเป็นผ้าควรมีลวดลายเรียบๆ แขวนอยู่บนราวไม้ ไม่ควรแต่งลวดลาย ด้วยการปักช่อดอกไม้ อย่างวิจิตร ไม่ติดพู่ระย้า และชายครุยแต่อย่างใด เพราะการประดับประดาเช่นนั้น จะให้ความรู้สึกหรูหราและมีแบบแผนเกินไป ผนังอาจจะสร้างมาจาก อิฐสะอาดๆ ไม่ฉาบปูน หรือสร้างจากหิน ซึ่งอาจจะเสริมบรรยากาศ การตกแต่ง ด้วยการสเตซิลสีอ่อนๆ หรือทาสีแล้วขัดลายออก ให้เห็นเนื้อไม้ธรรมชาติ หรือในกรณีที่มีเด็กเล็กๆ เพื่อเป็นการป้องกัน มิให้เปื้อนง่าย ก็สามารถติด วอลล์เปเปอร์สีอ่อนๆ ที่สามารถเช็ดถูทำความสะอาดได้
แสงไฟไม่ควรให้แสงที่สว่างเจิดจ้า ควรให้มี จุดกำเนิดแสงเป็นจุดๆ เน้นในจุดที่ใช้งาน และอาจเพิ่ม บรรยากาศด้วยการใช้เทียนสวยๆ หรือตะเกียงน้ำมัน แต่ทั้งนี้จะต้องระมัดระวัง อุบัติเหตุจากเพลิงไหม้ด้วย การประดับประดา ควรใช้แจกันขนาดใหญ่ ปักด้วยดอกไม้ หรือดอกไม้ใบไม้แห้งช่อใหญ่ ที่จัดไว้ในภาชนะ ที่หาได้ในท้องถิ่น หรือนำช่อดอกไม้ ใบไม้แห้ง มาเข้าช่อและติดผนัง หรือต้นเสาก็ได้ ภาพที่ใช้ประดับผนัง ควรเป็นภาพจากธรรมชาติ เช่น ดอกไม้ ทิวทัศน์ในชนบท หรือภาพถ่าย ของสมาชิก ในครอบครัว สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงก็คือ ไม่ควรนำภาพ สมัยใหม่ ในรูปแบบของนามธรรม หรือรูป ของสถาปัตยกรรมสมัยใหม่เข้าไปแขวน เพราะจะให้ความรู้สึก ที่ขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิง

รูปแบบในการตกแต่ง

ที่เก็บของ ตู้หรือชั้นเก็บของทำให้ห้องนั่งเล่น สามารถบรรจุอุปกรณ์ และสิ่งของต่างๆ ไว้ได้อย่างมากมาย ทำให้สะดวกและ เป็นระเบียบ เรียบร้อย ที่เก็บของนี้ สามารถขยาย หรือต่อเติมได้ตามกำลังทรัพย์ และความจำเป็นซึ่งมีขายตามท้องตลาด หรือสั่งทำได้ ตามร้านรับสั่งทำทั่วไป ห้องนั่งเล่น คือห้องพักผ่อน ไม่ว่าเราจะตกแต่งห้อง ในรูปแบบและศิลปะแบบใด ไม่ว่าเราจะอยู่ ในเมืองใหญ่ หรือชนบท ห้องรับแขก/นั่งเล่นจัดขึ้น เพื่อจุดประสงค์อย่างเดียวกัน คือ เป็นที่สำหรับ การพักผ่อน เราจึงควรตกแต่ง ให้ดูดีและสบาย ถ้ารู้ตัวว่าเป็นคนที่ไม่รักษา ข้าวของ ก็ไม่ควรใช้เฟอร์นิเจอร์ที่บอบบาง และสามารถถอด สิ่งต่างๆ อาทิ ม่าน พรม ที่หุ้มเบาะต่างๆซักได้ง่าย

ในการตกแต่งห้องควรคำนึงถึง การดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น อย่าขัดพื้นจนมันวาว ถ้าภายในบ้าน มีคนสูงอายุ และเป็น โรคไขข้ออักเสบ และคงไม่มีประโยชน์อันใด ถ้าเราปลูกต้นไม้ไว้ในบ้าน แต่กลับไม่มีเวลาอยู่บ้าน เพื่อชื่นชมหรือ ดูแล
ตรวจดูการติดตั้ง หลอดไฟ ว่าอยู่ในระดับที่ส่องจ้า เข้าตาจนเกินไปหรือไม่ และควรจะมีแสงไฟ สำหรับการอ่านหนังสือ เย็บผ้า เล่นเปียโน และอื่นๆ เพื่อป้องกันสายตาเสีย หรืออาจปล่อยแสงแดด เข้ามาในห้อง วางเก้าอี้ โต๊ะเขียนหนังสือ หรือเปียโน โดยหันหลังให้หน้าต่าง เพื่อให้แสงส่องข้ามไหล่เข้ามา สีเข้มเป็นสี ที่เหมาะกับห้องที่ไม่ใช้บ่อยนัก สีอ่อนๆ หรือสีเทาอ่อน ผ้าพิมพ์ดอกสีจางผืนใหญ่ และผ้าม่านสีจางเรียบ จะทำให้เกิดความรู้สึกที่ผ่อนคลาย ได้มากกว่า ไม่ตกแต่งห้องจนรกเกินไป การตกแต่ง ด้วยเฟอร์นิเจอร์เพียงแต่น้อย และนั่งสบาย ประดับประดาด้วยเครื่องประดับอื่นๆ เช่น แจกัน กระถาง และของที่ระลึกต่างๆ จะทำให้ห้องเป็นห้อง ที่สบายและผ่อนคลายได้มากที่สุด

การติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้า

อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้ในห้องนั่งเล่น นอกจากโคมไฟต่างๆ แล้ว ยังมีอุปกรณ์สำหรับสันทนาการเช่น เครื่องเสียง และโทรทัศน์ และในปัจจุบัน ยังเพิ่มเติมด้วย เครื่องเล่น-บันทึกวีดีโอ วีดีโอเกมส์ และคอมพิวเตอร์ ที่ได้รับการพัฒนา เพื่อนำเข้ามาใช้ภายในบ้าน การติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้า มีความสำคัญและมีผลกระทบ ต่อการตกแต่งส่วนอื่นๆ ของห้องเช่นกัน ฉะนั้นจึงต้องมีการวางแผนผังระบบไฟฟ้า และเตรียมติดเต้าเสียบไฟฟ้า ในตำแหน่ง และจำนวนที่ต้องการให้เพียงพอ บ้านที่กว้างขวางมีห้องหลายห้อง สามารถแยกห้องฟังเพลง ออกจากห้องนั่งเล่นได้ โดยต้องคำนึง ความกว้าง-ยาวและสูง ของห้องให้อยู่ใน ระยะที่ไม่ทำให้เกิดเสียงสะท้อน

การแยกห้องออกมาต่างหากยังสามารถเป็น วัสดุป้องกันการสะท้อน ของเสียงที่ผนังได้อีกด้วย เมื่อประกับเครื่องเสียง และลำโพง ที่มีคุณภาพแล้วละก็ ทำให้ห้องฟังเพลงที่สมบูรณ์แบบเลยทีเดียวโทรทัศน์สีดำ และเทานั้น เหมาะกับติดตั้ง ภายในบ้าน มากกว่าสีอื่น และควรให้อยู่ในตำแหน่ง ที่กลมกลืน กับชั้นวางของ หรือเฟอร์นิเจอร์อื่น ไม่ควรที่จะจัดตั้ง ให้อยู่บนตู้ หรือโต๊ะที่ทำขึ้นมา ให้โดดเด่นต่าง จากส่วนอื่นๆ อย่างชัดเจน เพราะทำให้รู้สึกเหมือนว่า เป็นแท่นบูชา ประจำบ้านไป สำหรับบ้านที่มีเนื้อที่จำกัด การติดตั้งโทรทัศน์ และเครื่องเสียง ไว้ภายในห้องเดียวกัน เป็นเรื่องที่จำเป็น ซึ่งอาจจะช่วย ให้คล่องตัวได้ด้วย การวางโทรทัศน์ไว้บนโต๊ะหมุน ที่ปรับทิศทางไดิเป็นพิเศษ เพื่อหมุนย้านทิศทาง ตามการเคลื่อนย้ายของตนได้ เช่น จากโต๊ะอาหาร ไปนั่งพักผ่อนที่เก้าอี้และโซฟานั่งเล่น

เครื่องเรือนในห้องรับแขกประกอบด้วย

  • เก้าอี้ยาว ขนาด 0.50 x 1.50 เมตร สูง 0.38-0.40 เมตร เป็นเก้าอี้มีพนักและเท้าแขนนั่งได้ 2-3 คน
  • เก้าอี้เดี่ยว ขนาด 0.50 x 0.50 เมตร สูง 0.38-0.40เมตร นิยมแบบมีพนักและเท้าแขนเช่นเดียวกับเก้าอี้ยาว แต่นั่งได้คนเดียว
  • โต๊ะกลาง ขนาด 0.60-0.65 x 0.80 เมตร สูง 0.40 เมตร ใช้สำหรับวางแจกัน หนังสือพิมพ์ ฯลฯ
  • โต๊ะเล็ก ขนาด 0.40 x 0.40 เมตร สูง 0.40 เมตร ใช้วางแก้วน้ำ ที่เขี่ยบุหรี่ หรือโคมไฟเฉพาะแห่ง

นอกจากนี้ ยังมีสิ่งตกแต่งอื่น เช่น ตู้โชว์ โคมไฟ แจกกันดอกไม้ ต้นไม้ พัดลม ฯลฯ โดยขึ้นกับ ความจำเป็นของแต่ละบ้าน เพราะห้องรับแขก อาจใช้เป็นห้องพักผ่อนของคน ในบ้านด้วยก็ได้

การจัด

การจัดห้องรับแขกโดยทั่วไปจัดได้ 2 แบบ คือ

  1. แบบนั่งบนพื้น โดยปูเสื่อหรือพรม มีเบาะนั่งหลาย ๆ ใบและหมอนสามเหลี่ยมหรือหมอนอิงเพื่อให้นั่งสบายขึ้น และมีโต๊ะไว้สำหรับวางของ
  2. แบบนั่งเก้าอี้ มีการจัดหลายวิธีดังนี้
    ก. จัดเก้าอี้ยาวและเก้าอี้เดี่ยวเป็นวงรอบ มีโต๊ะรับแขกอยู่ตรงกลาง
    ข. จัดเก้าอี้ยาวไว้ตรงกลางมีเก้าอี้เดี่ยววางขนาบทั้งสองข้างและให้โต๊ะรับแขกตั้งอยู่หน้าเก้าอี้ยาว
    ค. จัดเข้ามุมเหมาะกับห้องขนาดเล็กวางเก้าอี้ยาวสองตัวตั้งฉากกัน หรือวางเก้าอี้ยาวหนึ่งตัวตั้งฉากกับเก้าอี้เดี่ยวสองตัว ตั้งโต๊ะรับแขกหน้าเก้าอี้ยาว
    ง.จัดเป็นสี่เหลี่ยมวางเก้าอี้ยาวหนึ่งตัวหันหน้าเข้าหาเก้าอี้เดี่ยวสองตัว ทำมุมฉากกับหน้าต่างหรือเครื่องเรือนอื่น เช่น ตู้โชว์ ตู้หนังสือเป็นต้น
ในยุคก่อน วัสดุส่วนใหญ่ที่ใช้ทำเครื่องเรือนมักทำด้วยไม้เนื้อดี เช่น ไม้สักที่เน้นให้เห็นลายไม้ที่สวยงาม เครื่องหวายเป็นต้น แต่ในปัจจุบัน เครื่องเรือนที่เป็นหนัง มีบทบาทมากขึ้น และเหมาะกับห้องที่ติดตั้ง เครื่องปรับอากาศ นอกจากการ คำนึงถึง สีของผนังห้อง และ เครื่องเรือนแล้ว ถ้ามีการปูพรม และ ติดผ้าม่าน ก็จำเป็นต้องเลือก พิจารณาให้กลมกลืนกันด้วย

สำหรับบ้านที่มีเนื้อที่ค่อนข้างมาก มักนิยมแยก ห้องพักผ่อนออกจาก ห้องรับแขก ห้องพักผ่อน มีไว้สำหรับการพักผ่อนรวมกันของทุก ๆ คนในครอบครัว อาจเป็นช่วงวันหยุด เพื่อทุกคนในบ้านจะได้ใช้เป็นที่สนทนา ดูโทรทัศน์ ฟังเพลง หรือเล่นเกมด้วยกัน อาจใช้ตอนรับแขกที่สนิทสนม เป็นพิเศษได้ด้วย กรณีอยู่คนเดียว ห้องพักผ่อนก็ยังเป็น ห้องพักผ่อนส่วนตัว ซึ่งเป็นคนละส่วนกับ การพักผ่อน ในห้องนอน โต๊ะเล่นเกม ขนาด 0.60 x 0.60 เมตร สูง 0.50-0.75 เมตร
นอกจากนี้ อาจมีโต๊ะทำงาน หรือ อ่านหนังสือ มุมสำหรับแม่บ้านทำงานเย็บปักถักร้อย เก้าอี้น้ำหนักเบา หรือ เก้าอี้นั่งครึ่งนอน เพื่อพักผ่อนสบาย ๆ
การจัด หากในห้องพักผ่อน มีกิจกรรมหลาย ๆ อย่างก็ควรแยกเป็นมุม เช่นการพูดคุย และการเพลิดเพลิน กับ สิ่งบันเทิง จะอยู่ใกล้กัน เพราะไม่ต้องใช้แสงสว่างมาก ส่วนการอ่านหนังสือ การทำงาน การเล่นเกม จะอยู่ด้านเดียวกัน โดยมีแสงสว่างเฉพาะที่บริเวณนั้น ๆ ที่สำคัญคือห้องต้องไม่มีเครื่องเรือนและอุปกรณ์ต่าง ๆ มากจนคับแคบ เกินไป จุดสำคัญของห้องนี้ ไม่ได้อยู่ที่ การจัดเครื่องเรือน ให้เข้าชุดกัน แต่อยู่ที่การแบ่งเนื้อที่ให้เกิด ประโยชน์ใช้สอย และ สะดวกสบาย