ความรู้เกี่ยวกับการบริโภคอาหาร
ความรู้เกี่ยวกับการบริโภคอาหาร
So lengthen thy life , lessen thy meals.
( Benjamin Frankin )
(ท่านยิ่งกินน้อยเท่าไหร่ อายุท่านยิ่งยืนเท่านั้น)
หลังจากสัปดาห์ที่ 10 , ผู้พันแบรด ฟอร์ด ไม่ได้ใส่ใจสนใจเกี่ยวกับการประชุมอีกต่อไป แต่กลับไปสนใจที่ Himalaya Club ครั้งแล้วครั้งเล่า ที่เขาได้พูดคุย กับกลุ่มผู้คนในเรื่องที่เป็นประโยชน์ ที่ให้ความรู้ด้านวิชาการ และในบางโอกาสสมาชิกของกลุ่มได้ขอคำแนะนำในบางสิ่งที่เฉพาะพิเศษ เช่น หลายคนในกลุ่มพวกเราสนใจเป็นพิเศษในการควบคุมอาหาร ( diet) และการปฏิบัติตัวเกี่ยวกับการกินอาหาร มีมุมมองที่แตกต่างกันในเรื่องนี้ ดังนั้นเราจึงตัดสินใจที่จะถามผู้พันแบรดฟอร์ด ให้อธิบายแจกแจงเกี่ยวกับการควบคุมอาหารของลามะ ( Lamas ' diet ) และหลักการเกี่ยวกับอาหารของพวกเขา
" ในวัดวาอารามแถบ Himalayan ที่ ๆ ผมไปเป็น ผู้ฝึกหัดตน (Neophyte – นีอะไฟท์) " ผู้พันกล่าวแก่เราในอาทิตย์ถัดมา " แน่นอน พวกเขาสนใจดูแลเรื่องอาหารที่ถูกต้อง หรือไม่ก็เกี่ยวกับคุณภาพของอาหารที่พอเพียงต่อร่างกาย ลามะแต่ละท่านได้รับการแบ่งหน้าที่ในการผลิตอาหารที่จำเป็นต่อหมู่คณะ และงานการผลิตทั้งหมดได้ถูกทำตามตำรับดั้งเดิมแต่โบราณ แม้แต่ดินที่ใช้ปลูกพืช ถูกพรวนหรือขุดโดยใช้มือทำ แน่นอนที่ลามะสามารถใช้ วัว และไถได้ถ้าพวกเขาปรารถนา แต่พวกเขาชอบที่จะทำงานเกี่ยวกับดินโดยตัวเขาเองมากกว่า พวกเขารู้สึกว่าถ้าได้จับทำด้วยมือ หรือ ทำงานด้วยมือเขาเอง มันเพิ่มบางสิ่งบางอย่าง ที่มีคุณค่าแก่การดำรงชีวิตอยู่ของคนผู้นั้น ผมได้พบว่าสิ่งนี้มันเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่าอย่างยิ่งแก่ผม เพราะนอกจากทำงานแล้ว มันได้เพิ่มเติมความรู้สึกใส่ใจของคนทำลงไปในงาน โดยธรรมชาติอยู่แล้ว
ครับเป็นความจริงว่า ลามะเป็นพวกมังสะวิรัติ แต่ก็ไม่ถึงกับเข้มจนเกินไป พวกเขาใช้ ไข่ , เนย และ ชีส ในปริมาณ ที่จะดูแลการทำงานของระบบสมอง , ร่างกาย และ ประสาท , แต่ยังไงก็ตาม พวกเขาไม่กินเนื้อ สำหรับลามะที่แข็งแรง และ มีสุขภาพดีและเป็นผู้ปฏิบัติ โยคะท่าที่ 6 ( Rite No. 6 ) ดูเหมือนว่าไม่มีความจำเป็นที่จะกินเนื้อ , ปลา หรือ พวกสัตว์ปีก ( fowl)
ดังเช่นตัวผมและคนทั้งหมดที่เข้าร่วมฝึกปฏิบัติกับลามะ คือ ชาวโลกผู้มีความรู้เพียงน้อยนิดเกี่ยวกับอาหารที่เหมาะสม และ การควบคุมอาหาร แต่พอไม่นานหลังจากมาอยู่วัด พวกเขาก็จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายอย่างสม่ำเสมอ และนั่นเป็นผลมาจากการควบคุมอาหารส่วนหนึ่งด้วย
ไม่มีลามะคนไหนจู้จี้ช่างเลือกที่จะกินนั่นกินนี่ เพราะว่ามีอาหารน้อยอย่างที่จะเลือกอยู่แล้ว การควบคุมอาหารของลามะ อาหารแต่ละอย่างต้องเป็นอาหารที่ดีและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่กฎที่สำคัญของการควบคุมอาหารคือ " ต้องเป็นอาหารประเภทเดียวในแต่ละมื้อ " นี่ คือความลับที่สำคัญยิ่งของการรักษาสุขภาพ
อาหารที่แตกต่างชนิดกัน เช่น อาหารพวก แป้งคาร์โบไฮเดรต(starchy) และ โปรตีน (protein) ต้องการ ขบวนการย่อยสลายในกระเพาะที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง ถ้าเช่นนั้น คาร์โบไฮเดรต คือ ขนมปังถ้ากินเข้าไปร่วมกับโปรตีน เช่น เนื้อสัตว์ จะทำให้เกิดการขัดแย้งรบกวนซึ่งกันและกัน ของการย่อยอาหารทั้งสองประเภท ผลสุดท้ายหลังการย่อยอาหารก็คือ เกิดการสูญเสียคุณค่าทางอาหาร ร่างกาย และ ลำไส้จะบวมเนื่องจากเกิดแก๊ส (bloating) และ ความยากลำบากในร่างกายจะเกิดขึ้น พลังงานที่มีคุณค่าที่ร่างกายควรได้รับกลับสูญเสียสิ้นเปลือง ( deplete ) ไปในขบวนการนี้
ถ้าสภาวะเช่นนี้ ถูกปล่อยให้ดำเนินไปเป็นเวลาหลาย ๆ ปี ระบบการย่อยอาหารของท่านก็จะเริ่มเสื่อมทรามลง สุขภาพโดยทั่วไปของท่านจะแย่ และแน่นอนชีวิตของท่านก็จะสั้นลงด้วย
เมื่อใครก็ตามกินอาหารเพียงชนิดเดียวในแต่ละมื้อ นั่นคือ จะไม่มีการขัดแย้งกันในกระเพาะอาหารของท่าน ขบวนการย่อยจะมีประสิทธิภาพและมีการสูญเสียพลังงานน้อยมาก และร่างกายจะได้รับการหล่อเลี้ยงบำรุง แม้จากอาหารที่น้อยกว่าเดิม
บ่อยครั้งทีเดียวหละ ที่โรงอาหารในวัดเนี่ย ผมนั่งที่โต๊ะอาหารกับเหล่าลามะ อาหารประกอบด้วยขนมปังเพียงอย่างเดียว มื้อต่อไปก็ไม่มีอะไรมาก นอกจากผักสดและผลไม้ และมื้อต่อไปก็คือ ผักที่ถูกปรุงให้สุกและผลไม้
ในตอนแรกผมหิวสำหรับการควบคุมอาหารแบบนี้ และจากความคุ้นเคยที่เคยกินอาหารหลากหลายชนิด แต่ไม่นานนัก (But Before long ) ผมก็สามารถกินและมีความสุขกับอาหารแต่ละมื้อที่ไม่มีอะไรมาก เพียงแค่ขนมปังกับผลไม้อีก 1 ชนิด บางทีผมว่าอาหารที่มีผักเพียง 1 อย่าง มันก็ดูจะอร่อยเหมือนการกินอาหารในงานเลี้ยงเฉลิมฉลองทีเดียว
ครับตอนนี้ ไม่ได้หมายความว่า ผมแนะนำให้คุณ จำกัดควบคุมอาหาร เพียงแค่ให้คุณกินอาหารชนิดเดียวใน 1 มื้อ หรือ ไม่ให้คุณกินพวกเนื้อสัตว์เลย แต่ผมขอว่าให้กินพวกคาร์โบไอเดรต ผลไม้และผัก แยกออกจากพวกเนื้อสัตว์ ( Meats), ปลา (fish ) และสัตว์ปีก (fowl ) ในอาหารแต่ละมื้อของคุณ แน่นอนแหละว่า อาหารมื้อหนึ่งอาจจะมีแต่เนื้อสัตว์ ที่จริงถ้าคุณปรารถนาจะกินเนื้อหลายหลากชนิดในหนึ่งมื้อก็ได้ และมันก็ OK กับการกินเนย (Butter ) ไข่ ( eggs ) และ Cheese ( เนยแผ่น) กับเนื้อหรือขนมปัง ( dark bread ) และพวกกาแฟ และ ชาได้ในระดับพอดี ๆ แต่ถ้ากินเนื้อ ต้องไม่จบด้วยอาหารหวาน ๆ หรือ พวกแป้งคาร์โบไฮเดรต, พาย , เค้ก หรือ พวกขนมพุดดิ้ง
เนยเหลว ( Butter ) ดูจะเป็นกลาง ๆ สามารถกินร่วมได้ทั้งมื้ออาหารที่เป็นแป้ง ( Starchy meal) หรือมื้อที่เป็นโปรตีน ( Protein meal ) แต่พวกไขมัน ( fat ) โดยทั่วไปแล้วพยายามให้หลีกเลี่ยง แม้จะตัดไม่ได้ทั้งหมดในการควบคุมอาหารก็ตาม
อันตรายของ ไขมัน มาจากแหล่งที่ได้จากไขมันสัตว์ ขณะที่คุณประโยชน์อาหารส่วนใหญ่บรรจุอยู่ใน พวกเมล็ดพืช ( Seeds ) , ผลไม้ และผัก เนยเหลว( Butter ) ก็ควรจำกัดให้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น ขณะที่การกินเนื้อสัตว์ให้จำกัดจำนวนเท่าที่จำเป็น แต่ถ้ากินเนื้อควรเป็นเนื้อหมูที่ดีที่สุด
น้ำตาลทรายขาว (white sugar) ควรถูกบริโภคอย่างจำกัดให้น้อยที่สุด (Sparingly ) ควรใช้ น้ำผึ้ง หรือ ความหวานตามธรรมชาติแทน และถึงแม้จะใช้สิ่งเหล่านี้ทดแทน ก็ควรใช้ในระดับที่พอดีไม่มากเกินไป
ระหว่างที่ผมพำนักในอารามนั้น มีสิ่งหนึ่งที่สำคัญ และเป็นประโยชน์มากคือ การเรียนรู้ที่จะใช้ ไข่ อย่างเหมาะสม เหล่าลามะจะไม่กินไข่ทั้งหมดถ้าพวกเขาไม่ได้ออกแรงหรือทำงานอย่างหนัก และพวกเขาอาจจะกินไข่ต้มขนาดปานกลาง แต่บ่อยครั้งที่เขาจะกินเฉพาะ ไข่แดงดิบ ๆ และทิ้งไข่ขาวไป ในตอนแรก มันดูเหมือนว่าเป็นการสูญเสียอาหารดี ๆ ที่ถูกขว้างทิ้งไป แต่แล้วผมก็ได้เรียนรู้ว่า ไข่ขาวนั้นถูกนำไปใช้ประโยชน์ เพียงเฉพาะกับกล้ามเนื้อ และไม่ควรกินมันถ้ากล้ามเนื้อ (muscles) ไม่ได้รับการออกแรงทำงาน
เป็นที่รู้อยู่แล้วว่า ไข่แดงมีคุณค่าทางอาหารสูง แต่ผมได้เรียนรู้คุณค่าที่แท้จริงของมัน หลังจากได้คุยกับชาวตะวันตกที่เชี่ยวชาญด้านไบโอเคมี ( Biochemistry ) ท่านผู้นั้นได้บอกว่า ไข่ไก่ ประกอบไปด้วยกว่าครึ่งของธาตุที่จำเป็น ที่เป็นที่ต้องการของสมอง ระบบประสาท และอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย และสารอาหารส่วนนี้ถึงแม้จะเป็นปริมาณที่น้อย แต่ไข่แดงก็ต้องมีรวมอยู่ในส่วนหนึ่งของการควบคุมอาหารด้วย ถ้าท่านต้องการมีร่างกายที่กำยำแข็งแรง และ มีสุขภาพที่ดี ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ( exceptional – ผิดธรรมดา, ดีเยี่ยม )
มีอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากที่ผมได้เรียนรู้จากลามะ คือ พวกเขาสอนให้ผมเห็นความสำคัญของการกินอย่างช้า ๆ ไม่ใช่เพราะเป็นมารยาทที่ดีบนโต๊ะอาหารหรอกครับ แต่เพื่อเคี้ยวบดอาหารให้ละเอียดอย่างทั่วถึง ( Mastication – เคี้ยว, บด ) การเคี้ยวอาหาร เป็นขั้นตอนแรก ที่สำคัญในการบดย่อยอาหาร เพื่อที่จะมีการดูดซึมไปใช้งาน ( assimilate ) โดยร่างกาย ทุกสิ่งที่คุณกินเข้าไปควรถูกย่อยในปาก ก่อนถูกย่อยในกระเพาะ ถ้าคุณสวาปาม (gulp down) อาหารอย่างรวดเร็วโดยไม่ผ่านขั้นตอนสำคัญนี้ มันก็เปรียบเสมือนระเบิด dynamite ที่ถูกยัดเข้าไปในกระเพาะของคุณ
อาหารจำพวก โปรตีน เช่น เนื้อ, ปลา , สัตว์ปีก ต้องการการบดเคี้ยวที่น้อยกว่า พวกอาหารคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ซะอีก แต่มันก็ยังต้องการถูกเคี้ยวอย่างละเอียดทั่วถึงเช่นกัน อาหารที่ถูกบดเคี้ยวอย่างละเอียดทั่วถึงดีเท่าไหร่ มันก็ยิ่งไปหล่อเลี้ยงบำรุงร่างกายได้ดีเท่านั้น นั่นก็คือ การเคี้ยวอาหารอย่างละเอียดทั่วถึง ปริมาณอาหาร ที่คุณกิน สามารถลดลงได้โดยทั่วไปถึงครึ่งหนึ่งทีเดียว
หลายสิ่งหลายอย่างที่ผมได้ปฏิบัติตัวก่อนเข้ามายังอารามแห่งนี้ ดูเหมือน จะเป็นที่น่าตกใจทีเดียว หลังจากที่ผมอยู่ในวัดนี้ 2 ปี สิ่งหนึ่งที่ผมสังเกต เมื่อผมมายังเมืองใหญ่ในอินเดีย คือ จำนวนอาหารที่ คนทั่วไป บริโภคในแต่ละมื้อ สามารถหล่อเลี้ยง ลามะที่ทำงานหนักในธิเบตได้ถึง 4 ท่าน แต่แน่นอนแหละ พวกลามะจะไม่ยอมให้อาหารที่มีส่วนประกอบเหล่านั้นตกถึงกระเพาะพวกท่านเป็นอันขาด
การรวมกลุ่มของอาหาร ( conglomeration of foods ) ในอาหารแต่ละมื้อเป็นอีกอย่างที่ทำให้ผมต้องทึ่ง คือ การกินอาหารเพียง 1 หรือ 2 ชนิด ในแต่ละมื้อ ผมเคยคลั่งไคล้กับการนับอาหารถึง 23 ชนิดในโต๊ะอาหารมื้อเย็น ไม่ต้องประหลาดใจเลยว่า ทำไม ชาวตะวันตก จึงมีสุขภาพที่แย่มาก พวกเขาดูเหมือนจะไม่รู้ หรือ รู้น้อยมาก เกี่ยวกับ ความสัมพันธ์ของการควบคุมอาหาร และ สุขภาพที่แข็งแรง
อาหารที่ถูกต้อง , ส่วนประกอบของอาหารที่ถูกส่วน , ปริมาณที่เหมาะสมในการบริโภค และหลักที่ถูกต้องในการบริโภค คือ ส่วนประกอบที่จะได้ผลลัพธ์อันน่าอัศจรรย์ ถ้าคุณเป็นคนมีน้ำหนักมาก (Overweight) มันจะช่วยคุณลดลง แต่ถ้าคุณผอมบางน้ำหนักน้อยเกินไป (Underweight ) มันจะทำให้คุณมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น มีประเด็นอื่น ๆ อีกเล็กน้อยเกี่ยวกับอาหารและการควบคุมอาหาร ที่ผมอยากพูดถึง แต่เวลาไม่เอื้ออำนวย แต่คุณจำสิ่งเหล่านี้ให้ขึ้นใจสัก 5 ข้อ ว่า
1.) อย่ากิน พวกแป้งคาร์โบไฮเดรต กับ พวกเนื้อสัตว์ ในอาหารมื้อ เดียวกัน หากว่าถ้าคุณแข็งแรงและมีสุขภาพดี ก็ไม่ถึงกับจำเป็นที่จะกังวลมากนักใน ขณะนี้
2.) ถ้ากาแฟเป็นปัญหาสำหรับคุณ ให้ดื่มกาแฟดำ (ไม่ต้องใส่นมหรือครีม) ถ้ามันยังเป็นปัญหาอีก กำจัดมัน (กาแฟ ) ออกจากคอร์สการควบคุมอาหาร
3.) เคี้ยวอาหารให้ละเอียดจนเหลว และลดปริมาณของอาหารที่คุณกินลง
4.) กินไข่แดงดิบ ( raw egg yolks ) วันละครั้งทุกวัน ก่อนหรือหลังอาหาร อย่า กินในระหว่างมื้อของอาหาร
5.) ลดการกินอาหารหลากหลายชนิดในหนึ่งมื้อ ควรกินอาหารให้น้อยชนิดที่สุด
Note : ปัจจุบัน USDA ได้คัดค้านต่อต้านการบริโภคไข่แดงดิบ ซึ่งมันจะถูกเจือปนทำให้ไม่บริสุทธิ์ โดยเชื้อแบคทีเรีย Salmonella และก่อให้เกิดอาหารเป็นพิษได้
" มันเป็นเรื่องที่ง่ายมาก ที่จะดำรงชีพอยู่ อย่างเรียบง่ายบนโลกที่ซับซ้อนใบนี้" ท่านผู้พันได้พูดต่อ " เพราะโลกเรานี้เป็นที่ ๆ ยุ่งยากซับซ้อนแท้ๆ คุณไม่จำเป็นต้องไปตามกระแสนั้น ใช้แนวทางที่เรียบง่าย ในการควบคุมอาหาร และในทุกสิ่ง เพื่อความสมบูรณ์พร้อมทั้งด้านร่างกาย และ จิตใจ"