ปั๊มคอนกรีต
ปั๊มคอนกรีต (Concrete Pump) คืออะไร
ปั๊มคอนกรีต คือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการลำเลียงคอนกรีตชนิดหนึ่ง ในปัจจุบัน ปั๊มคอนกรีตได้เข้ามามีบทบาทในการลำเลียงคอนกรีต โดยเข้ามา ทดแทนรถเข็น ,ลิฟท์, ทาวเวอร์เครน, สายพานลำเลียง และวิธีการลำเลียง อื่น ๆ ทั้งนี้ เนื่องจากปั๊มคอนกรีต สามารถตอบสนองความต้องการ ในการเทคอนกรีตในที่สูงหรือในที่ที่มีอุปสรรค ยากต่อการ เทคอนกรีต โดยวิธีอื่น รวมทั้งยังให้ความสะดวกรวดเร็ว ในการเทคอนกรีต เมื่อเทียบกับวิธีอื่นด้วย
วิวัฒนาการของปั๊มคอนกรีต
แนวความคิดเกี่ยวกับลำเลียงคอนกรีตผ่านท่อโดยอาศัยลูกสูบ ไปยังสถานที่ ที่ต้องการเทคอนกรีต เริ่มมีขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2473 และแนวความคิด นี้ได้เกิดขึ้นจริงในปี พ.ศ.2476 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยได้มีการใช้ ปั๊มคอนกรีตในการลำเลียงคอนกรีต สำหรับการสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำ มิสซิสซิปปี้ ที่เมืองมินิโซต้า
หลังจากปี พ.ศ.2476 ถึงช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 (ปี พ.ศ.2484) ได้มีการใช้ปั๊มคอนกรีตในการก่อสร้างบ้าง แต่ยังไม่เป็นที่นิยม เพราะท่อ ที่ใช้มีขนาดใหญ่ คือขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 6-8 นิ้ว ทำให้มีน้ำหนักมาก ยากต่อการเคลื่อนย้าย,
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 (ปี พ.ศ.2488) ในยุโรป ปั๊มคอนกรีตได้ถูกนำมา ใช้อย่าง กว้าง ขวางในการบูรณะประเทศ แต่ในสหรัฐอเมริกา ปั๊มคอนกรีตกลับ ไม่ได้รับ ความนิยม เนื่องจากวิธีการและเทคนิคต่าง ๆ ในการปั๊มคอนกรีต ยังไม่แน่นอน และยังคงใช้วิธีลองผิดลองถูกอยู่
ในปี พ.ศ.2500 ได้มีการนำปั๊มคอนกรีตแบบ 2 ลูกสูบ ซึ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น มาใช้งาน หลังจากนั้นก็มีการพัฒนาปั๊มคอนกรีตมาเป็นลำดับ จนกระทั่งในปี พ.ศ.2508 ได้มีปั๊มคอนกรีตแบบติดตั้งบนรถมาใช้งานเป็นเครื่องแรก
ภายหลังปี พ.ศ.2513 ปั๊มคอนกรีตได้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย เพราะท่อขนส่ง คอนกรีตได้ถูกพัฒนาให้มีขนาดเล็กลง คือมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 นิ้ว ทำให้สะดวก ในการเคลื่อนย้าย และยังมีการพัฒนาปั๊มคอนกรีตแบบติดตั้งบนรถ ให้มีประสิทธิภาพ สูงขึ้น ทำให้ทำงานได้สะดวก ไม่ต้องติดตั้งท่อบ่อย ๆ อีกทั้งการเคลื่อนย้าย ก็ทำได้ง่ายอีกด้วย
จนกระทั่งปี พ.ศ.2525 ประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น ประเทศเยอรมันใช้ปั๊มคอนกรีต สำหรับลำเลียงคอนกรีต ประมาณ 50 % ของการใช้คอนกรีตในงานก่อสร้างทั้งหมด
ประเภทของปั๊มคอนกรีต
ปั๊มลาก (Trailer Pump)ปั๊มคอนกรีตประเภทนี้ ตัวปั๊มและท่อส่งจะถูกแยกออกจากกัน ตัวปั๊มติดตั้งอยู่บนล้อเลื่อน เมื่อต้องการ ใช้งาน รถบรรทุกจะพ่วงตัวปั๊มนี้ไป สู่หน้างานก่อสร้างหลังจากนั้น จะติดตั้งท่อและอุปกรณ์เข้ากับปั๊ม ปั๊มคอนกรีตแบบนี้มีแรงดันสูงมาก สามารถปั๊มคอนกรีตไปยังที่สูง ๆ ได้ รวมทั้งพื้นที่ในการติดตั้งน้อย แต่ต้องเสียเวลาในการติดตั้งท่อ และการเคลื่อนย้ายปั๊มทำได้ลำบาก
ปั๊มโมลี / ไลน์ปั๊ม (Moli Pump / Line Pump)
ปั๊มคอนกรีตชนิดนี้ คือการนำเอาปั๊มลากมาดัดแปลง และนำไปติดตั้งอยู่บนรถบรรทุก 6 ล้อ หรือ 10 ล้อ โดยมีจุดบรรทุกไว้วางท่อส่งคอนกรีตและอุปกรณ์เครื่องมือการทำงานต่าง ๆ เพื่อสะดวกในการเดินทาง การต่อท่อ มีอยู่ 2 ลักษณะคือ ในแนวราบกับแนวดิ่ง
การต่อท่อแนวราบที่ปั๊มสามารถลำเลียงคอนกรีตได้สูง ประเภทงานที่เหมาะสมคืองานอาคารสูง เช่น คอนโดมิเนียม หรือหน่วยงานที่มีการเข้าออกคับแคบที่รถโม่ไม่สามารถเข้าถึง
ปั๊มบูม (Boom Pump)
ปั๊มคอนกรีตแบบนี้ทั้งตัวปั๊มและท่อส่ง จะถูกติดตั้งอย่างถาวรบนรถบรรทุก โดยมีการ ออกแบบ ให้สามารถพับเก็บบูมได้ ทำให้สะดวกรวดเร็วในการใช้งาน เคลื่อนย้ายได้สะดวก และทำความ สะอาด หลังการใช้งานได้ง่าย ประเภทงานที่เหมาะสมคือ งานเทคอนกรีตพื้นที่กว้างๆ หรืออาคารที่มีความสูง ประมาณ 7 ชั้น
- ความรวดเร็วในการเทคอนกรีต ผู้รับเหมาสามารถเลือกขนาดและจำนวนปั๊มให้เหมาะสมกับลักษณะงานได้ ในขณะที่ถ้าใช้วิธีการอื่น เช่นการใช้ทาวเวอร์เครนหรือลิฟท์ อัตราการเทคอนกรีตจะถูกจำกัดด้วยทาวเวอร์เครนหรือลิฟท์
- ความสะดวกในการเท สามารถวางตัวปั๊มไว้บริเวณที่รถคอนกรีตผสมเสร็จเข้าได้สะดวกและต่อท่อไปยังบริเวณที่จะเทคอนกรีต ทำให้สามารถทำงานได้สะดวก
- การตกแต่งผิวคอนกรีตจะสิ้นเปลืองน้อย เนื่องจากคอนกรีตที่สามารถใช้ได้กับปั้มคอนกรีตนั้น จะต้องมีส่วนผสมของทรายละเอียดอยู่จำนวนหนึ่ง จึงทำให้ผิวของคอนกรีตที่เทโดยปั้มคอนกรีตนั้นค่อนข้างเรียบ และไม่สิ้นเปลืองในการฉาบผิวหลังจากการถอดแบบแล้ว
- ค่าแรงงานในการเทจะน้อยลง ทั้งนี้เนื่องจากการเทคอนกรีตโดยใช้ปั้มคอนกรีต จะใช้คนน้อยกว่าการเทคอนกรีต โดยวิธีอื่น ๆ และยังสามารถเทได้ในเวลาที่รวดเร็วกว่าอีกด้วย เป็นผลให้ค่าแรงงานในการเทน้อยลง
- ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างทั้งหมดจะลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากการทำงานที่รวดเร็วของปั้มคอนกรีต ทำให้ระยะเวลาที่ใช้ในการก่อสร้างทั้งหมดลดลง ผู้รับเหมาก่อสร้างจะได้รับค่าจ้างเร็วขึ้น ลดดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่จะต้องเสียไป สามารถรับงานได้มากขึ้นในระยะเวลาเดียวกัน
- คุณภาพของคอนกรีตในโครงสร้างดี ซึ่งเป็นผลมาจากคอนกรีตที่เทในแบบมีความต่อเนื่องสม่ำเสมอและรวดเร็ว
การนำปั้มคอนกรีตไปใช้งาน
ควรใช้ปั้มคอนกรีตกับสถานการณ์ดังต่อไปนี้
- การขาดแคลนแรงงาน
- เวลาก่อสร้างมีจำกัด
- การเทคอนกรีตจำนวนมาก
- สถานที่เทคอนกรีต ยากต่อการลำเลียงคอนกรีตโดยวิธีอื่น
- มีการจัดส่งคอนกรีตอย่างเพียงพอและสม่ำเสมอ
- คนงานมีความรู้ ประสบการณ์และมีการวางแผนงานที่ดี
ส่วนผสมของคอนกรีตเป็นองค์ประกอบสำคัญ ในการลำเลียงคอนกรีตโดยใช้ปั้มคอนกรีต เราจะมาพิจารณาส่วนผสมของ คอนกรีตที่เหมาะสม สำหรับงานปั้มคอนกรีต
ส่วนผสมของคอนกรีตแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนที่เป็นของแข็ง ได้แก่ หิน, ทราย, ซีเมนต์, และส่วนที่เป็นของเหลว คือ น้ำ ซึ่งในส่วนผสมที่กล่าวนี้ น้ำเป็นส่วนผสมเดียวที่สามารถปั๊มได้ แต่เมื่อนำส่วนผสมทั้งหมด มาผสมเป็น คอนกรีต เนื้อคอนกรีตจะสามารถปั๊มได้เมื่อส่วนผสมถูกนำมาผสมกัน ด้วยอัตราส่วนที่พอเหมาะ โดยที่น้ำเป็น ตัวส่งผ่านแรงดันไปยังส่วนผสมอื่น ๆ
คุณสมบัติของคอนกรีตที่จะสามารถปั๊มได้
- ต้องมีความเหลวที่เหมาะสม
คอนกรีตที่เหมาะสมสำหรับนำไปปั๊ม ควรจะมีค่ายุบตัวอยู่ระหว่าง 7.5-12.5 ซม. ถ้าค่า ยุบตัวน้อยเกินไปคอนกรีตจะปั๊มยาก และต้องใช้แรงดันสูงมาก ซึ่งจะเกิดผลเสียคือท่อสึกหรอเร็ว และปั๊มเสียได้ง่าย ถ้าค่ายุบตัวมากเกินไป คอนกรีตมีแนวโน้มที่จะเกิดการแยกตัว - ต้องมีปริมาณส่วนละเอียดเพียงพอ
ส่วนละเอียดในที่นี้หมายถึง ทรายและปูนซีเมนต์ จะต้องมีมากพอที่จะไปอุดช่องว่าง ระหว่างหิน เพื่อให้เนื้อคอนกรีตมีแรงต้านภายในพอที่จะไม่ก่อให้เกิดการแยกตัว
ส่วนผสมคอนกรีตที่ทำให้ปั้มได้ง่าย
ในการออกแบบส่วนผสมของคอนกรีตทั่ว ๆ ไป เราจะพิจารณาเพียงให้ได้ค่ากำลังอัด ค่ายุบตัวตาม ต้องการ และสามารถทำงานได้เท่านั้น แต่การออกแบบส่วนผสมคอนกรีตในงานปั้มคอนกรีตนั้น ต้องแบบ ให้สามารถเคลื่อนที่ผ่านท่อส่งคอนกรีตได้ง่าย โดยมีองค์ประกอบที่สำคัญที่จะต้องพิจารณาถึงดังนี้
- หินและทราย จะต้องมีส่วนคละที่ดี ถูกต้องตามมาตราฐาน ASTM C 33
- ค่ายุบตัวควรอยู่ระหว่าง 7.5 - 12.5 เซนติเมตร
- ควรมีส่วนละเอียด ซึ่งได้แก่ปูนซีเมนต์ และทรายเพียงพอที่จะอุดช่องว่าง โดยปริมาณปูนซีเมนต์ ต้องไม่น้อยกว่า 300 กิโลกรัม/ลูกบาศก์เมตร
- ควรมีทรายที่ผ่านตะแกรงมาตราฐาน # 50 10 - 30 %
- ขนาดโตสุดของหินไม่ควรเกิน 1 / 5 ของเส้นผ่าศูนย์กลางของท่อ
- ต้องใช้มอร์ต้าอัตราส่วน ซีเมนต์ : ทราย = 1 : 2 แล้วปั้ม เพื่อไปเคลือบท่อก่อนการปั้มคอนกรีตทุกครั้ง
- ต้องใส่น้ำยาผสมคอนกรีตประเภทยืดเวลาการแข็งตัวทุกครั้งที่ใช้ปั้มคอนกรีต
น้ำยาผสมคอนกรีตสำหรับงานปั้มคอนกรีต
น้ำยาผสมคอนกรีตใช้สำหรับงานปั้มคอนกรีตนี้จะแตกต่างกันไปตามสภาพภูมิอากาศในประเทศไทย น้ำยาผสมคอนกรีตที่เหมาะสมสำหรับงานปั้มคอนกรีตคือ น้ำยาประเภทลดน้ำและยืดเวลาการแข็งตัว ซึ่งน้ำยาประเภทนี้มีประโยชน์คือ
- ยืดเวลาการแข็งตัวของคอนกรีต ทำให้สามารถทำงานได้นานกว่าคอนกรีตที่ไม่ได้ใส่น้ำยา และในกรณีที่มีปัญหา ก็มีเวลาแก้ไขก่อนที่คอนกรีตจะแข็งตัวในปั้มหรือท่อส่งคอนกรีต
- ทำให้คอนกรีตลื่น สามารถเคลื่อนที่ในท่อส่งคอนกรีตได้สะดวก
- ทำให้คอนกรีตเหลวอยู่เป็นเวลานาน สะดวกในการปั้ม
นอกจากน้ำยาประเภทลดน้ำ และยืดเวลาการแข็งตัวแล้ว ยังมีน้ำยาที่ช่วยให้ปั้มคอนกรีตได้ง่าย (PUMPING AIDS) น้ำยาประเภทนี้เมื่อใส่ไปในคอนกรีตจะทำให้คอนกรีตลื่นไหลไปในท่อส่งคอนกรีตได้สะดวก ทำให้ปั้มคอนกรีตได้ง่าย ถึงแม้ว่าคอนกรีตที่ใช้จะมีปริมาณปูนซีเมนต์ไม่มากนัก แต่น้ำยาประเภทนี้ยังไม่เป็นที่นิยมในปัจจุบันเพราะราคาแพง
เปรียบเทียบการใช้ปั้มคอนกรีตกับการใช้คนงาน
ได้เปรียบ | ปั้มคอนกรีต | คนงาน |
1. ความสะดวกรวดเร็ว | เทได้รวดเร็ว ประหยัดเวลา และปริมาณมากกว่า | เทได้ช้าและปริมาณน้อย |
2. แรงงาน | ประหยัดแรงงาน | เปลืองคนงานมาก ในการเทคอนกรีต จำนวนมากๆ และควบคุมยาก |
3. การสิ้นเปลืองคอนกรีต โดยเปล่าประโยน์ | สิ้นเปลืองคอนกรีตน้อยกว่าเพราะ ไม่มีการหกหล่นระหว่าง การขนส่ง แม้จะมีบางส่วนเหลือค้างบ้าง | สิ้นเปลืองคอนกรีตมากกว่า เวลาขนส่งมีการหกหล่น เสมอ |
4. ความสามารถ ในการเทคอนกรีต | เทได้ทุกจุดของโครงสร้าง | บางจุดของโครงสร้างเทลำบาก เช่น เสาสูงๆ |
เสียเปรียบ | ปั้มคอนกรีต | คนงาน |
1. ความเหมาะสมสำหรับงาน | ไม่เหมาะสำหรับงานเล็กๆ | เหมาะสำหรับงานเล็กๆ ทั่วไป เช่น บ้าน ห้องแถว ฯลฯ |
2. ความสิ้นเปลืองซีเมนต์ | ต้องใช้ส่วนผสมซีเมนต์มากกว่าปกติ | ไม่ต้องผสมซีเมนต์เพิ่มจากปกติ |
3. การเตรียมงาน | ต้องเตรียมแบบไว้ล่วงหน้ามาก ๆ | ไม่ต้องเตรียมแบบ ไว้ล่วงหน้าทีละมาก ๆ |
เปรียบเทียบการใช้ปั้มคอนกรีตกับการใช้ลิฟท์
ได้เปรียบ | ปั้มคอนกรีต | ลิฟท์ |
1. ความสะดวกรวดเร็ว | เทได้รวดเร็ว สะดวก ไม่ต้องใช้คนคอยขนถ่ายอีกที เทได้ที่จุดต้องการ | ต้องมีคนมาคอยรับที่ลิฟท์อีกทีหนึ่ง แล้วค่อยนำไปจุดที่ต้องการ |
2. แรงงาน | ประหยัดแรงงาน | ต้องใช้คนงานคอยขนถ่ายคอนกรีตเพิ่มอีก |
3. การสิ้นเปลืองคอนกรีต โดยเปล่าประโยน์ | สิ้นเปลืองน้อย | สิ้นเปลืองมาก |
เสียเปรียบ | ปั้มคอนกรีต | ลิฟท์ |
1. ความสามารถของเครื่องมือ | ใช้เทคอนกรีตอย่างเดียว | สามารขนส่งวัสดุอื่น ๆ เช่น ไม้แบบ เครื่องมือต่าง ๆ ได้อีก |
2. ความสิ้นเปลืองซีเมนต์ | ต้องใช้ส่วนผสมซีเมนต์มากกว่าปกติ | ไม่ต้องเพิ่มซีเมนต์จากปกติ |
เปรียบเทียบการใช้ปั้มคอนกรีตกับการใช้ทาวเวอร์เครน
ได้เปรียบ | ปั้มคอนกรีต | ทาวเวอร์เครน |
1. ความรวดเร็ว | เทได้รวดเร็ว และจำนวนมาก | เทได้ช้ากว่า |
2. ความสามารถในการเท | เทได้บริเวณกว้าง | เทได้บริเวณจำกัดเท่ากับรัศมีของ CRANE |
3. พื้นที่ติดตั้ง | ใช้พื้นที่น้อยในการติดตั้งเครื่องมือ | ใช้พื้นที่มาก สำหรับตั้งเครื่องมือ |
เสียเปรียบ | ปั้มคอนกรีต | ทาวเวอร์เครน |
1. ความสามารถของเครื่องมือ | ใช้ได้แต่คอนกรีตอย่างเดียว | ใช้งานอย่างอื่นได้อีก เช่น ยกวัสดุก่อสร้างอื่น ๆ และใช้ได้ในความสูงมากกว่า |
2. ความสิ้นเปลืองซีเมนต์ | ต้องใช้ส่วนผสมซีเมนต์มากกว่าปกติ | ไม่ต้องผสมซีเมนต์เพิ่มจากปกติ |
3. การเตรียมการ | ต้องใช้เวลาเตรียมการมาก และ เสียเวลาในการตั้งปั๊มและเดินท่อ | ใช้เวลาเตรียมการน้อย |
4. อัตราความ ต้องการคอนกรีต | ต้องจัดส่งคอนกรีตให้ต่อเนื่อง | ไม่ต้องการคอนกรีตแบบต่อเนื่อง |
ศูนย์จัดส่งคอนกรีต
- เมื่อต้องใช้ปั้มคอนกรีตต้องระบุและสั่งคอนกรีตสำหรับใช้กับปั้มคอนกรีต
- ต้องกำชับผู้ควบคุมเครื่องชั่งว่า คอนกรีตนั้นใช้กับปั้มคอนกรีต และรู้ส่วนผสมที่ถูกต้อง
- ก่อนเริ่มจัดส่งคอนกรีตต้องตรวจสอบกับหน่วยงานก่อสร้างว่าติดตั้งปั้มคอนกรีต และเดินท่อส่งคอนกรีตเรียบร้อยและพร้อมที่จะเทหรือยัง
- ต้องรู้จำนวนที่เทล่วงหน้า เพื่อเตรียมวัตถุดิบ
- จัดรถโม่ให้เพียงพอ เพื่อการจัดส่งได้ต่อเนื่อง
ผู้ควบคุมเครื่องชั่ง
- ต้องรู้ส่วนผสมสำหรับงานปั้มคอนกรีต ซึ่งมักใช้ซีเมนต์และทรายมากกว่าปกติ
- ต้องมีวัตถุดิบเพียงพอ
- เพื่อให้คอนกรีตที่มีค่ายุบตัวและคุณภาพสม่ำเสมอ ต้องคอยสังเกตความชื้นของทรายเปลี่ยนไปหรือไม่ โดยต้องปรับอัตราส่วนผสมให้ถูกต้องตามสถานการณ์
- จำเป็นอย่างยิ่งที่อัตราส่วนผสมของทรายในคอนกรีตต้องถูกต้องอยู่เสมอ
- ต้องคอยบันทึกปริมาณน้ำที่ใส่ในคอนกรีตอยู่เสมอ เพื่อสังเกตความเปลี่ยนแปลงของสภาพ หิน ทราย
- ต้องสังเกตคอนกรีตทุกครั้ง หลังจากผสมเสร็จแล้วว่ามีค่ายุบตัว และความขันเหลวถูกต้อง
พนักงานขับรถโม่
- ควรผสมคอนกรีตให้เข้ากันทุกครั้งก่อนออกจากโรงงานคอนกรีต
- ต้องคอยสังเกตค่ายุบตัวของคอนกรีตก่อนคายออกจากโม่
- ต้องสำรวจทางเข้าเทคอนกรีตก่อนเข้าเทจริง ๆ และควรตรวจสอบว่ามีพื้นที่ให้รถโม่ 2 คันเข้าเทพร้อมกันหรือไม่
- ควรหมุนโม่ผสมคอนกรีตซ้ำ ๆ ก่อนคายคอนกรีตออกจากโม่ และระหว่างรอเทคอนกรีตให้หมุนโม่ช้า ๆ อยู่ตลอดเวลา
- พนักงานขับรถต้องแจ้งให้โรงงานคอนกรีตทราบถึงปัญหาที่หน้างาน รวมทั้งเรื่องคุณภาพคอนกรีตและอัตราการเทที่แท้จริง
- พนักงานขับรถต้องอยู่ที่รถโม่ตลอดเวลา
- เมื่อเทคอนกรีตเสร็จแล้ว ต้องเคลื่อนรถโม่ออกจากปั้มโดยเร็ว เพื่อให้รถคันต่อไปเข้าเท
- ถ้าหากลูกค้าให้เติมน้ำที่หน่วยงาน ต้องให้ลูกค้าเซ็นรับผิดชอบในใบส่งสินค้า
พนักงานควบคุมปั้มคอนกรีต
- มาถึงหน้างานก่อสร้างตรงตามเวลา หากมาไม่ทันต้องรีบแจ้งโรงงานคอนกรีตและผู้รับเหมาทราบ
- ตั้งปั้มคอนกรีตให้ใกล้จุดที่จะเทให้มากที่สุด โดยคำนึงถึงความเอื้ออำนวยของสถานที่และความสะดวกของรถโม่ที่จะเข้าเท ควรมีที่พอให้รถโม่เข้าเทได้ 2 คัน
- ในกรณีที่ใช้ปั้มบูมต้องระวังสิ่งกีดขวางข้างบน โครงหลังคา นั่งร้านโดยเฉพาะสายไฟฟ้าและสายโทรศัพท์
- ต้องแน่ใจว่าติดตั้งท่ออย่างถูกต้องและมั่งคง โดยคำนึงถึงแรงกระแทกของท่อขนาดปั้ม
- เมื่อรถโม่มาถึง ต้องคอยช่วยโบกรถให้ถอยเข้า และต้องปิดตะแกรงเหนือ HOPPER ทุกครั้ง
- ก่อนรับคอนกรีต ต้องตรวจสอบว่า คอนกรีตผสมเข้ากันดีแล้ว หากต้องมีการแก้ไขต้องแจ้งให้ตัวแทนที่หน่วยงานทราบ
- ต้องแน่ใจว่าคนงานที่อยู่ปลายท่อรู้วิธีการทำงานที่ถูกต้อง
- ก่อนทำการย้ายปั้มบูมต้องเอาบูมลงทุกครั้ง
- เมื่อเสร็จงานต้องทำความสะอาดปั้มคอนกรีตและท่อส่งคอนกรีต