มนุษยสัมพันธ์ในองค์การ
ดร. สวัสดิ์ บรรเทิงสุข
คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
1. ความหมายขององค์การ(Organizations):
กล่าวโดยทั่วไป องค์การคือกลุ่มของบุคคลที่มีความเกี่ยวพันธ์กันอย่างมีระบบ มีหน้าที่ที่แน่นอน มีจุดหมายที่แน่นอน และตลอดจนมี การกระทำร่วมกัน เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ได้ Hicks กล่าวว่า "องค์การคือโครงสร้างที่จัดทำขึ้นอย่างมีกระบวนการ
ทั้งนี้เพื่อให้บุคคลร่วมกัน ปฏิบัติหรือ กระทำร่วมกัน อันจะนำไปสู่ความสำเร็จ ตามจุดมุ่งหมายที่กำหนดไว้" 1 แม้แนวความคิด และความก้าวหน้าทางเทคโนโลย ีจะมีมากขึ้น เป็นลำดับ ตลอดจนมีการเปลี่ยนแปลงไปตามสภาวะการณ์ต่าง
ๆ แต่ลักษณะของ "องค์การ" ก็ยังคงความหมายที่ชัดเจนมาโดยตลอด ดังจะเห็นได้จากการที่ Mooney และ Reiley 2 ให้คำจำกัดความของ องค์การไว้ว่า องค์การหมายถึง ความสัมพันธ์ระหว่างกันของมนุษย์ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง
เพื่อให้มี การทำงาน จนนำไปสู่ความสำเร็จตามจุดมุ่งหมายร่วมกันได้ องค์การจะประกอบไปด้วยหน้าที่ หรือภาระกิจที่สัมพันธ์ และ สอดประสานกัน อย่างแนบแน่น จนมีความเกี่ยวพันธ์กันระหว่างหน้าที่กลุ่มต่าง ๆ ภายในองค์การนั้น
ๆ ด้วย
เมื่อองค์การมีความหมายเป็นดังที่กล่าวมาแล้ว จึงมีประเด็นที่สมควรพิจารณาให้ละเอียดไปอีกระดับหนึ่ง คือ
1) องค์การประกอบด้วยบุคคล (Persons)
2) บุคคลในองค์การจะต้องมีความเกี่ยวข้อง และปฎิสัมพันธ์ (Interaction) ต่อกันอย่างมีระเบียบ หรืออย่างมีโครงสร้าง (Organizational Objectives)
3) บุคคลในองค์การต่างก็มีจุดมุ่งหมายทั้งที่เป็นระดับส่วนบุคคล และ ส่วนรวมอยู่ตลอดเวลา (Personal Objectives และ Organizational Objectives)
2. ธรรมชาติขององค์การ:
ภายใต้เงื่อนไขที่ถูกกำหนดขึ้นตามความหมายขององค์การ ดังได้กล่าวไว้แล้วข้างต้น ย่อมทำให้เกิดสภาวะการณ์ภายในองค์การที่คล้าย ๆ กันประการหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นองค์การใดก็ตาม นั่นคือ ปฏิสัมพันธ์ของบุคคลภายในองค์การหาได้ดำเนินไปอย่างราบรื่นจนบรรลุวัตถุประสงค์ง่ายดาย
แต่องค์การแทบทุกองค์การจะมีอุปสรรค ความไม่สะดวก ความไม่ราบรื่นอยู่บ้างไม่มากก็น้อย จนแทบจะกลายเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งขององค์การไปเสียแล้ว แต่ ตราบใดที่อุปสรรค และความไม่ราบรื่นเกิดขึ้นเพียงระดับหนึ่งที่พอจะทำให้องค์การสามารถดำเนินไปสู่
จุดหมายปลายทางได้เป็นส่วนใหญ่ได้แล้ว ก็สมควรที่จะกล่าวว่า องค์การนั้น ๆ ยังอยู่ในภาวะปกติวิสัย ในทางตรงกันข้าม หากองค์การใดองค์การหนึ่งเต็มไปด้วยความไม่ราบรื่นนานัปการ จนตกกระทบถึงจุดหมายปลายทางขององค์การเป็นต้นว่า
ผลเสียมากกว่าผลดี ในทางคุณภาพ และได้ผลน้อยกว่าที่คาดในทางปริมาณเช่นนี้แล้ว ก็สมควรกล่าวว่า องค์การควรได้รับการปรับปรุงดัดแปลงหรือแก้ไขไม่อย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะองค์การเช่นนี้อยู่ในสภาวะปกติ
ความนัยที่กล่าวถึง
สาเหตุที่จะทำให้องค์การใดองค์การหนึ่งอยู่ในสภาวะที่ปกติได้อย่างไรหรือไม่นั้น นอกจากจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการแล้ว ปัจจัยที่สำคัญที่สุดก็คือ ปัจจัยที่เกี่ยวกับ บุคลากรในองค์การ กล่าวคือหากปฏิสัมพันธ์ของบุคลากรในองค์การเป็นไปในรูปแบบหนึ่ง
ก็จะเกิดสภาวะหรือผล (Out Put) แบบหนึ่งขึ้นในองค์การนั้น ซึ่งย่อมแตกต่างไป จากสภาวะการณ์ ของในอีกองค์การหนึ่ง ที่ปฏิสัมพันธ์ของบุคคลกรเป็นไปในลักษณะที่แตกต่างกันออกไป หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง หากปฏิสัมพันธ์ของบุคคลในองค์การเปลี่ยนแปรก็จะทำให้ผลงานหรือสภาวะการณ์ในองค์การนั้นเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย
กล่าวโดยสรุป ปฏิสัมพันธ์ต่อกันของบุคคลในองค์การใด ๆ ย่อมมีส่วนสัมพันธ์อย่างมากกับความสำเร็จขององค์การนั้น ๆ อย่างไม่ต้องสงสัยทีเดียว
ดังนั้น ในขณะที่มีแนวคิดต่าง ๆ เกี่ยวกับการวางแผน และการจัดองค์การให้มีสิทธิภาพ โดยเน้นการปฏิบัติงานของบุคลากรในองค์การซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่จะต้องพิจารณาโดยประณีตนั้น ก็จะต้องพิจารณาถึงประเด็นของมนุษยสัมพันธ์
(Human Relations) ควบคู่กันไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อีกประการหนึ่งเป็นสำคัญด้วย ทั้งนี้เพราะทั้งสองสิ่งนี้เป็นเรื่องของบุคคล เป็นเรื่องของความเป็นมนุษย์
3. ความหมายของมนุษยสัมพันธ์ (Human Relations):
กล่าวโดยทั่วไป มนุษยสัมพันธ์อาจพิจารณาได้ 2 ระดับ คือ
1) ระดับบุคคล : มนุษยสัมพันธ์ หมายถึงความสามารถของบุคคลในอันที่ จะอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข และผู้อื่นก็ไม่มีความทุกข์
2) ระดับบริหาร : มนุษยสัมพันธ์ คือ ความสามารถในการทำให้ผู้ใต้บังคับ บัญชาทำงานอย่างเต็มความสามารถ
อย่างไรก็ตาม ถ้านิยามความหมายของมนุษยสัมพันธ์ให้แน่ชัดลงไปก็จะพบว่าผู้ให้นิยามไว้แตกต่างกันอยู่บ้าง
Birtha ได้ให้ทรรศนะของมนุษยสัมพันธ์ว่า " เป็นเรื่องพฤติกรรม ของแต่ละบุคคลกับการปฏิบัต ิของสถาบันที่ก่อให้เกิดผลต่อขอบเขต และความสามารถของ บุคคล ในการที่จะเข้าใจ และได้มาซึ่งความรู้เกี่ยวกับตัวเขา และความสามารถของบุคคล
ในการที่จะเข้าใจ และได้มาซึ่งความรู้เกี่ยวกับตัวเขา และผู้อื่น อีกทั้งสามารถที่จะใช้ความรู้ความเข้าใจเหล่านั้นไปปฏิสัมพันธ์ต่อผู้อื่น" 1
พนัส หันนาคินทร์ ให้คำอธิบายว่า "มนุษยสัมพันธ์คือความสามารถที่บุคคลจะถ่ายทอดความรู้สึก หรือความคิดไปยังผู้อื่น และในขณะเดียวกันก็สามารถที่จะเข้าใจความคิด และความรู้สึกของผู้อื่นได้ด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะก่อให้เกิดความร่วมมือ
ร่วมใจในกิจการที่บุคคลทั้งสองฝ่ายมีความสนใจร่วมกัน" 1 สมควรกล่าวย้ำไว้อีกด้วยว่า ปฏิสัมพันธ์ (Interactions) และมนุษยสัมพันธ์ (Human Relations) นั้นแตกต่างกัน แต่ต่างก็เป็นเรื่องของบุคคล โดยตรง
หากจะมีคำถามว่า ปฏิสัมพันธ์ และมนุษยสัมพันธ์ มีความแตกต่างกันอย่างไรหรือไม่นั้น อาจจะมิใช่ประเด็นหลักหรือคำถามที่สำคัญ แต่เพื่อให้เห็น และเข้าใจความแตกต่างกับป้องกันมิให้มีความเข้าใจว่า ทั้วสองสิ่งนี้คือสิ่งเดียวกัน
จึงสมควรที่จะพิจารณาเฉพาะในที่นี้เพื่อสะดวกแก่การอธิบายบางประการโดยอาศัยข้อเปรียบเทียบเพียง 3 ประการ ดังแผนภูมิ
ปฏิสัมพันธ์ ( Interactions ) | มนุษยสัมพันธ์ ( Human Relations ) |
1.เป็นความสัมพันธ์ของบุคคลในวงงาน หรือในองค์การ 2.เป็นการกระทำที่เน้นเอาบทบาท หรือ หน้าที่เป็นแนวทาง 3. มีการเปลี่ยนแปลงได้ง่าย และ ชัดเจนเมื่อบทบาทหน้าที่ เปลี่ยนแปลง |
1.เป็นความสัมพันธ์ของบุคคลโดยทั่วๆ ไปมิใช่เฉพาะองค์การ
2.เป็นการกระทำที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติแห่ง ความเป็น มนุษย์ เป็นพื้นฐาน 3.เป็นพฤติกรรมที่แสดงถึงนิสัย ใจคอ และน้ำใจไมตรี |
แผนภูมิ เปรียบเทียบปฏิสัมพันธ์ และมนุษยสัมพันธ์
1) เงื่อนไขเฉพาะขององค์การ
2) เงื่อนไขทั่วไปขององค์การ
3) ลักษณะการจัดองค์การ (Organizings) การสั่งการ (Directings) การจัดคนเข้าทำงาน (Staffings) และการควบคุมงาน (Controllings) เป็นต้น
4) ทฤษฎี และแนวความคิดทางการบริหาร (Management Thought) เป็นต้น
4. ความสัมพันธ์ของปฏิสัมพันธ์ และมนุษยสัมพันธ์ :
เมื่อพิจารณาจากความหมาย และความแตกต่างของปฏิสัมพันธ์ และมนุษยสัมพันธ์ (Interactions and Human Relations) แล้ว สิ่งที่น่าสนใจที่สุดก็คือ การพิจารณาถึงความสัมพันธ์ของปฏิสัมพันธ์ และมนุษยสัมพันธ์ กล่าวโดยสรุป ทั้งปฏิสัมพันธ์ และมนุษยสัมพันธ์ จะมีความใกล้ชิดเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์ และเอื้ออำนวยต่อกันอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าพิจารณาปรากฏการณ์ของปฏิสัมพันธ์ และมนุษยสัมพันธ์ภายในองค์การด้วย ทั้งสองสิ่งนี้จะต้องประสาน และสอดคล้องกันดุจเหรียญ ซึ่งต้องมีทั้งสองด้าน จะขาดด้านใดด้านหนึ่งเสียมิได้ ฉันใดก็ฉันนั้น กล่าวคือ หากมนุษยสัมพันธ์ของบุคคลในองค์การเป็นไปด้วยดี ก็จะเป็นสิ่งกระตุ้น และชักนำให้ปฏิสัมพันธ์ในองค์การนั้นดำเนินไปด้วยดี และถ้าหากปฏิสัมพันในองค์การเป็นไปอย่างราบรื่นก็จะเป็นผลให้เกิดมนุษยสัมพันธ์โดยทั่วไปของบุคคลในองค์การนั้น ๆ เป็นไปอย่างแนบแน่นองค์การบรรลุจุดมุ่งหมายได้โดยอัตโนมัติอีกด้วย หรืออีกนัยหนึ่ง หากใช้แผนภูมที่ I เป็นสื่อนำความคิดในที่นี้ก็จะสามารถกล่าวได้ว่า ลักษณะ และรูปแบบของปฏิสัมพันธ์ในองค์การใด ๆ ย่อมส่งผลต่อลักษณะ และรูปแบบของปฏิสัมพันธ์ขององค์การนั้น ๆ จนก่อให้เกิดความสำเร็จ หรือความล้มเหลวขององค์การได้ในที่สุด
5. การเสริมสร้างมนุษยสัมพันธ์ในองค์การ
นับตั้งแต่หน่วยงานเล็ก จนถึงหน่วยงานใหญ่ องค์การระดับเล็กจนถึงระดับใหญ่ ย่อมจะให้ ความสำคัญต่อ มนุษยสัมพันธ์ ในองค์การของตนอยู่เสมอ ปัญหามีอยู่ประการเดียวก็คือ การเสริมสร้างมนุษยสัมพันธ์
นั้นจะเริ่มต้นขึ้น ได้อย่างไร เพราะเป็นสิ่ง ที่ไม่ง่ายนัก แต่ก็เป็นสิ่งที่ไม่ยาก จนไม่อาจกระทำได้
การเสริมสร้างมนุษยสัมพันธ์ ควรเป็นเรื่องของทางวิชาการแทนการปล่อย ปะละเลยให้เป็นไปโดยธรรมชาติ เป็นเรื่องที่มีแต่ได้กับได้เท่านั้น แต่เนื่องจากผลเสียของการละเลยเรื่องมนุษยสัมพันธ์นี้ไม่ส่งผลชัดเจนขึ้นทันทีทันใด
แต่จะค่อย ๆ เสื่อมโทรม และร่วงโรยลงทีละน้อย ๆ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ความเจริญก้าวหน้าทางมนุษยสัมพันธ์ในองค์การเป็นไปอย่างเชื่องช้า เช่นเดียวกับโรคฟัน มักจะปล่อยทิ้งไว้จนถึงระดับหนึ่ง เท่านั้นจึงจะไปรับการรักษาเยียวยาจาก
ทันตแพทย์
แท้ที่จริงแล้วการเสริมสร้างมนุษยสัมพันธ์ในองค์การ เป็นเรื่องสำคัญยิ่ง และสามารถกระทำหรือก่อให้เกิดขึ้นได้ไม่ยากนัก ทั้งนี้โดยการให้ความรู้ความเข้าใจตลอดจนพัฒนาบุคลากรในด้านต่าง ๆ เช่น
1) การพัฒนาทางด้านความรู้ความเข้าใจในวิชาจิตวิทยา
2) การพัฒนาทางด้านความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ
3) การเสริมสร้างลักษณะนิสัย และการฝึกปฏิบัติต่าง ๆ เช่น กระบวนการกลุ่ม และพฤติกรรมสัมพันธ์ เป็นต้น
อย่างไรก็ตามมนุษยสัมพันธ์ในองค์การใด ๆ จะเจริญก้าวหน้าไปได้อย่างไรหรือไม่นั้น ยังขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ และสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ อีกด้วย
6. สรุป
1) บทความชิ้นนี้มีวัตถุประสงค์ที่จะกระตุ้น และชี้ให้เห็นความสำคัญของมนุษสัมพันธ์ในองค์การ โดยการยกประเด็น ปฏิสัมพันธ์ (Interactions) ในองค์การมาเป็นเครื่องชี้นำ, เปรียบเทียบ และแสดงความสัมพันธ์
ของปฏิสัมพันธ์กับมนุษยสัมพันธ์ (Human Relations)
2) กรณีการเสริมสร้างมนุษยสัมพันธ์ในองค์การนั้น มิได้แสดงเป็นรายละเอียดไว้ เพราะเห็นว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องเฉพาะเจาะจงลงไป จึงแสดงไว้เป็นหัวข้อเท่านั้น
3) ผู้เสนอบทความนี้ มีความเชื่อว่า มนุษยสัมพันธ์นั้นมีความจำเป็นอย่างมากในทุกองค์การ และประสิทธิภาพของมนุษยสัมพันธ์ จะมีมากเพียงใดนั้น ย่อมขึ้นอยู่กับองค์ประกอบต่าง ๆ อีกด้วย เช่น เงื่อนไขขององค์การ
รูปแบบ และทฤษฎีหรือแนวความคิดในการบริหารองค์การ เป็นต้น