ความสุขคืออะไร

ความสุข คือ ความสบาย หรือความสำราญ แยกออกได้เป็นสองฝ่าย คือ ความสุขทางกาย กับความสุขทางใจ ความสุขทางกาย ได้แก่ ความสุขที่สัมผัสได้จากประสาททั้ง 5 คือ รูป เสียง กลิ่น รส และผิวหนัง เรียกว่า “กามคุณ 5” จัดว่าเป็นฝ่ายรูป หรือความสุขที่เกิดจากเนื้อหนังมังสา อันเป็นสิ่งสกปรก ความสุขทางใจ ได้แก่ ความสุขที่สัมผัสได้ทางจิตคือ ความสบายใจ ความสุขใจ ความอิ่มใจ ความพอใจ อันเกิดจากจิตใจที่สงบและเย็น จัดว่าเป็นฝ่ายนาม อันเป็นความสุขที่สะอาด

 

นักจิตวิทยาชื่อ  วีนโฮเฟ่น (1997)  ให้นิยามความสุขว่า  หมายถึง การประเมินของแต่ละคนว่า  ชื่นชอบชีวิตโดยรวมของตนเองมากแค่ไหน  การที่เราบอกว่าเรามีความสุข  จึงหมายถึงเรารู้สึกชอบ หรือพึงพอใจกับชีวิตเรานั่นเอง คนที่มีความสุขนั้น  เป็นคนที่แทบจะไม่รู้สึกวิตกกังวลกับชีวิตตนเอง  ชอบสนุกสนานอยู่กับเพื่อนฝูง  และชอบประสบการณ์ใหม่ ๆ  มีอารมณ์มั่นคงไม่เปลี่ยนแปลงขึ้นลงง่าย  และมักจะหวังว่าตนจะพบเจอสิ่งดี ๆ  ในอนาคต

ความสุข 8 ประการ

แนวความคิดความสุข 8 ประการ หรือ Happy 8 ของสํานักงานสนับสนุนสุขภาวะองค์กร สํานักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาวะ (สสส.) สังเคราะห์ขึ้นมา บนพื้นฐานของความต้องการให้เกิด ความสุขที่สมดุล และยั่งยืนโดยเป็นความสุขที่สมดุลของโลก 3 ใบที่ทับซ้อนกัน ได้แก่
1) ความสุขของตนเอง 2) ความสุขของครอบครัว และ 3) ความสุขขององค์กร/สังคม

 

ความสุข 8 ประการ จึงหมายถึง การจัดสมดุลชีวิตมนุษย์ผ่านความสุขในโลก 3 ใบ ที่ทับซ้อนกัน คือ ความสุขของตนเอง ครอบครัว และองค์กร/สังคม ความสุข 8 ประการ ประกอบด้วย เป็นผู้ที่มีสุขภาพดี ดูแลตนเองไม่ให้เป็นภาระของผู้อื่น (Happy Body) เป็นผู้ที่มีน้ําใจช่วยเหลือผู้อื่น (Happy Heart) เป็นผู้ที่สามารถจัดการกับอารมณ์ของตนเอง (Happy Relax) เป็นผู้รักการเรียนรู้และเป็นมืออาชีพในงานของตนเอง (Happy Brain) เป็นผู้มีคุณธรรมและ ความกตัญญู (Happy Soul) เป็นผู้ใช้เงินเป็น (Happy Money) เป็นผู้ที่รักและดูแลครอบครัวตนเองได้ (Happy Family) เป็นผู้ที่รักและดูแลองค์กร/สังคมของตนเองได้(Happy Society) ดังนี้

  1. เป็นผู้ที่มีสุขภาพดี ดูแลตนเองไม่ให้เป็นภาระของผู้อื่น (Happy Body) คือ มีสุขภาพแข็งแรง ทั้งกายและจิตใจใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ซึ่งเกิดจากการรู้จักใช้ชีวิต รู้จักกิน รู้จักนอน
  2. เป็นผู้ที่มีน้ําใจช่วยเหลือผู้อื่น (Happy Heart) คือ การมีน้ําใจ การคิดถึงคนอื่น มีน้ําใจ เอื้ออาทรต่อกันและกัน การรู้บทบาทของเจ้านาย ลูกน้อง บทบาทของคุณพ่อ บทบาทของคุณแม่ และผลของการ กระทําของตนเองต่อสิ่งต่างๆ
  3. เป็นผู้ที่สามารถจัดการกับอารมณ์ของตนเอง (Happy Relax) คือ การรู้จักการผ่อนคลายกับ สิ่งต่าง ๆ ในการดําเนินชีวิต เมื่อชีวิตในการทํางาน และ/หรือการดําเนินชีวิตประจําวันมีความเครียด ต้องหาวิธี ผ่อนคลาย เพื่อรักษาสมดุลของชีวิตไว้
  4. เป็นผู้รักการเรียนรู้และเป็นมืออาชีพในงานของตนเอง (Happy Brain) คือ การศึกษาหาความรู้ การพัฒนาตัวเองตลอดเวลา เพื่อให้เป็นมืออาชีพ และเพื่อให้เกิดความมั่นคงก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
  5. เป็นผู้มีคุณธรรมและความกตัญญู (Happy Soul) คือ การเป็นผู้ที่มีคุณธรรม โดยเฉพาะ หิริโอตัปปะ (ความละอายและเกรงกลัวต่อการกระทําของตน) ซึ่งเป็นคุณธรรมเบื้องต้นพื้นฐานของการอยู่รวมกัน ของสังคมมนุษย์และเป็นคุณธรรมที่สําคัญต่อการทํางานเป็นทีม นอกจากนี้ควรมีคุณธรรมอื่น ๆ เช่น การเป็นคนดี มีศรัทธาต่อศาสนามีศีลธรรมในการดําเนินชีวิต มีความซื่อสัตย์มีความรับผิดชอบ มีระเบียบวินัยตรงต่อเวลา เป็นต้น
  6. เป็นผู้ใช้เงินเป็น (Happy Money) คือ เป็นผู้ใช้เงินเป็น มีเงินเก็บ รู้จักใช้ เป็นหนี้อย่างมีเหตุผล มีชีวิตที่เหมาะสมกับตนเอง หรืออาจกล่าวว่า เป็นบุคคลที่สามารถจัดการรายรับรายจ่ายของตนเองได้ ทั้งนี้ต้องบริหารจัดการรายรับและรายจ่ายของตนเองและครอบครัว โดยอาจทําบัญชีรายรับรายจ่าย
  7. เป็นผู้ที่รักและดูแลครอบครัวตนเองได้ (Happy Family) คือ การมีครอบครัวที่อบอุ่นและมั่นคง ให้ความสําคัญต่อครอบครัว และครอบครัวเป็นกําลังใจที่ดีในการทํางาน เพราะครอบครัวเป็นเหมือน ภูมิคุ้มกัน เป็นกําลังใจเมื่อต้องเผชิญกับอนาคตหรืออุปสรรคในชีวิต การมีครอบครัวเข้มแข็งจะทําให้สังคม มั่นคงด้วย
  8. เป็นผู้ที่รักและดูแลองค์กร/สังคมของตนเองได้ (Happy Society) คือ การเป็นสมาชิกที่ดีของ องค์กรและสังคม โดยสังคมมี2 ระดับ คือ สังคมในที่ทํางานกับสังคมนอกที่ทํางาน

ความสุข 8 ประการ เป็นแนวคิดของการจัดสมดุลชีวิต เพื่อให้มีความสุข ดังนั้น การจัดสมดุลของ แต่ละบุคคลจะแตกต่างกัน ตามต้นทุนและบริบทของตนเอง ครอบครัว และองค์กร/ชุมชน ดังนั้น ความสุข ของแต่ละบุคคลจึงแตกต่างกัน เช่น ก มีความสุขที่ได้ผ่อนคลายความเครียดด้วยการไปเที่ยวต่างประเทศ เพราะมีความพร้อมเรื่องการเงินและภาษา แต่ ข ซึ่งเพิ่งมีลูก มีความสุขที่ได้อยู่ร่วมกับครอบครัว หรือ ค ซึ่งเพิ่งพบการศึกษาและเริ่มทํางาน เลือกวิธีการผ่อนคลายด้วยการดูภาพยนตร์เป็นต้น

 

การมีความสุข 8 ประการ ของบุคคลหนึ่ง ๆ จะต้องไม่ทําให้ตนเองครอบครัว องค์กร/ชุมชน เดือดร้อน เช่น การทํางานหนักเพื่อให้ตนเองก้าวหน้าในหน้าที่การงาน จนไม่มีเวลาให้กับครอบครัว หรือป่วย จนเป็นภาระให้ครอบครัวต้องมาดูแล แนวความคิดความสุข 8 ประการ จึงเป็นแนวทางการพัฒนาตนเองของพนักงาน เพื่อให้มีความสุขใน การทํางาน อย่างไรก็ตามในการพัฒนาองค์กรให้เป็นองค์กรแห่งความสุข องค์กรควรกระตุ้นและ พัฒนาให้พนักงานมีความสุขตามแนวคิดความสุข 8 ประการ นี้ ด้วยการจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น การจัดอบรมการ ทําบัญชีครัวเรือน การให้ความรู้เรื่องการดูแลสุขภาพ การตรวจร่างกายของพนักงาน ทั้งนี้เพราะความสุข ของพนักงาน จะนําไปสู่ความสุขขององค์กร

 

สุขกันเถอะเรา Happiness Now หนังสือเล่มนี้จะกล่าวสรุปถึงกลยุทธ์ต่างๆ ของคนที่มีความสุขและมีประสิทธิภาพ

1. ปรัชญาของคุณ

  • ปรัชญาส่วนตัวของเราเป็นเหมือนเลนส์กระจกที่เราใช้มองทะลุ ทุกปัญหาและทุกโอกาส บางครั้งก็เป็นเหตุผล ที่ให้กับตัวเอง เพื่อยืนหยัดต่อไปหรือเลิกล้ม
  • คนที่มีความสุขไม่จำเป็นต้องฉลาดกว่า รวยกว่า หรือมีทักษะความสามารถมากกว่าเสมอไป แต่พวกเขามีปรัชญาส่วนตัว ที่ใช้การกับตัวเองได้เป็นอย่างดี

2. ให้ผ่านพ้นไปทีละวัน

  • ในยามที่สิ่งต่างๆ เลวร้ายสุดๆ คุณจงพุ่งสมาธิของคุณใส่ใจอยู่กับ ชั่วขณะปัจจุบันนั้น ค่อยๆ จัดการปัญหาไปทีละอย่าง คุณก้าวไปได้ก้าวหนึ่งแล้ว คุณเริ่มเชื่อมั่นในตัวเองขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นก้าวต่อไป และก้าวต่อไปอีกเรื่อย ๆ ในที่สุดคุณก็พบว่า สิ่งที่เลวร้ายที่สุดนั้นได้จบลงแล้ว
  • ความสุขไม่ได้อยู่ที่อายุของคุณ แต่อยู่ที่ทัศนคติของคุณต่างหากครับ
  • "เขี่ยนิสัยขี้กังวลออกไปซะ" ขอให้อยู่กับปัจจุบัน ทำสิ่งที่คุณทำได้ในวันนี้ และปล่อยความกังวลทิ้งไป
  • พยายามพัฒนาความซื่อสัตย์ ความมุ่งมั่น ความใจดีมีเมตตา ความถ่อมตน และความ กล้าหาญของตัวคุณเอง สิ่งเหล่านี้เป็น "บุคลิกลักษณะ"
  • ความคิดของคุณทำให้จิตใจคุณแข็งแกร่งขึ้น โดยการเผชิญหน้ากับปัญหา การต่อสู้ดิ้นรนก่อให้เกิดความเข้มแข็ง เมื่อเผชิญอุปสรรค ให้ย้ำเตือนตัวเองว่า อุปสรรคนี้จะทำให้จิตใจฉันเข้มแข็ง ฉันจะต้องมีความสุขเพิ่มขึ้น
  • เมื่อสิ่งต่างๆ อยู่เหนือการควบคุม คุณต้องเปลี่ยนแปลงความคิดของตัวเอง สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้กำหนดความสุขของคุณ แต่วิธีการที่คุณคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นต่างหาก ที่เป็นตัวกำหนดความสุขของคุณเอง
  • หากคุณรู้สึกคับข้องใจหรือไม่มีความสุขกับงาน กลยุทธ์ที่ดีที่สุดสำหรับคุณคือ ทุ่มเททุกสิ่งที่คุณมีให้กับงานนั้นๆ เพื่อคุณจะได้รู้สึกดีเกี่ยวกับตัวเองมากขึ้น คุณได้พัฒนาทักษะ พัฒนาชื่อเสียงของคุณ
  • หากมีสิ่งใดที่คุณอยากทำ กลยุทธ์คือ จงฝึกฝนทุกวัน แต่อย่าคาดหวังที่จะเห็นความก้าวหน้าในแต่ละวัน ในการที่จะประสบความสำเร็จนั้น คุณต้องมีความอดทนและพากเพียรอย่างไม่ลดละ และต้องมีพรสวรรค์
  • คุณไม่อาจหาความสุขพบในที่ที่ปลอดปัญหา คุณจะพบความสุข ทั้งๆ ที่มีปัญหา

3. กฎของชีวิต

  • ให้ถือว่าปัญหาชีวิตทุกปัญหา คือบทเรียนที่จะทำให้คุณแข็งแกร่งขึ้น แล้วคุณก็จะไม่รู้สึก เหมือนตัวเองตกเป็นเหยื่อ ผู้เคราะห์ร้ายอีกต่อไป
  • อย่าคาดหวังที่จะควบคุมผู้อื่น อย่าคาดหวังที่จะให้ผู้อื่นทำตามอย่างคุณ อย่าให้ความสุขของคุณขึ้นอยู่กับคนอื่น ยามที่เราคิดแบบเดิมๆ ยังคงทำอะไรแบบเดิมๆ ก็จะเกิดความเจ็บปวดทางกายและใจแบบเดิม
  • สร้างจินตภาพในใจอย่างสม่ำเสมอ เป็นประจำว่า ตัวคุณมีระเบียบ มีความมั่นใจ หรือทำผลงานได้ดีที่สุดเท่าที่คุณทำได้ เมื่อเวลาผ่านไปหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน คุณจะสังเกตได้ถึงความแตกต่าง ไม่มีใครยึดติดอยู่กับที่ หากคุณเอาจริงเอาจัง คุณก็จะเปลี่ยนรูปแบบเดิมๆ ของตัวเองได้
  • ระวังคำพูดของคุณให้ดี สังเกตว่าคุณพูดถึงตัวเองอย่างไรบ้าง อย่าพูดอะไรที่ไม่ดีเกี่ยวกับตัวเอง ต้องไม่วิจารณ์ตัวเอง คิดถึงตัวเองในแง่บวก เพราะเราจะกลายเป็นอย่างที่เราคิดว่าเราเป็น
  • ความคิดของคุณคือแม่เหล็ก คนที่มีความสุขจะดึงดูดคนอื่นที่มีความสุขให้เข้ามาหาคนที่ชอบคิดในแง่บวกจะดึงดูดโอกาสดีๆ ให้เข้ามาหา คนเลวก็จะดึงดูดคนเลวให้เข้ามาในชีวิต
  • การตั้งเป้าหมาย ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในระหว่างที่เราเพียรพยายามมุมานะทำให้สำเร็จ เราไม่ได้ตั้งเป้าหมายเพื่อให้ได้บางสิ่ง แต่เพื่อการพัฒนาเปลี่ยนแปลงตัวเราเอง
  • เราจะเปลี่ยนแปลงชีวิตได้ก็ต่อเมื่อเราทุ่มเทพลังให้กับเวลา ณ ปัจจุบัน แต่ถ้าเราตั้งความหวัง ความคิดของเราจะไปอยู่กับอนาคต ดังนั้นยิ่งเราตั้งความหวังมากเท่าไร เราก็ยิ่งติดอยู่กับที่มากขึ้นเท่านั้น ขอให้ตั้งเป้าหมาย วางแผน นึกภาพพัฒนาการของคุณ ทุ่มเทความสามารถ สิ่งที่คุณคิดคือสิ่งที่คุณเป็น เมื่อคุณตั้งความหวัง คุณก็จะคับข้องใจ
  • ในการบรรลุเป้าหมายที่มีคุณค่าใดๆ คุณต้องตัดสินใจก่อนว่า "ฉันจะทำสิ่งนี้ ไม่ว่าจะต้องทุ่มเทเพียงใดก็ตาม
  • พัฒนารูปแบบแห่งความสำเร็จ ฝึกทักษะความสามารถให้เชี่ยวชาญ และตั้งเป้าให้สูงขึ้นจะทำให้คุณมีความเชื่อมั่นในตนเอง ไม่ว่าคุณจะมุ่งไปทางไหน ขอให้เริ่มจากงานเล็กๆ ก่อนและทำงานให้สำเร็จจนกลายเป็นนิสัย
  • ผู้ที่ประสบความสำเร็จ จะล้มเหลวบ่อยกว่า เป็นกฎของธรรมชาติไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นเฉพาะกับใครบางคนเป็นการส่วนตัวเท่านั้น เราต้องทำความเข้าใจและทำงานร่วมกับกฎของธรรมชาติให้ได้
  • เมื่อสิ่งต่างๆ เกิดผิดพลาด จงจำไว้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณนั้น ไม่ได้สำคัญที่สุด วิธีการคิดของคุณเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณสำคัญกว่า
  • จงเริ่มต้นด้วยการรู้สึกซาบซึ้งขอบคุณ จงมีความสุขกับสิ่งที่คุณมีอยู่ในขณะนี้ แล้วสิ่งดีๆ ทั้งหลายจะเข้ามาหาคุณมากขึ้นเอง ทุกครั้งที่คุณกล่าวขอบคุณ คุณจะรู้สึกสงบสุขในจิตใจเพิ่มขึ้น และมีพลังมากขึ้น

4. ผองเพื่อนและครอบครัว

  • หากคุณมองสิ่งดีๆ คุณก็จะพบกับสิ่งดีๆ หากคุณมองความผิดพลาด คุณก็จะพบแต่ความผิดพลาด การยอมรับในคุณภาพ ของใครบางคนอย่างจริงใจ จะทำให้คุณมีความสุข
  • อย่าพยายามเปลี่ยนแปลงคนอื่น ปล่อยให้พวกเขาได้ทำผิดพลาด แล้วเรียนรู้เอง เพราะคนเราแบ่งได้เป็นสองกลุ่ม คือ
    1. คนที่คอยปรับกลยุทธ์ในการดำเนินชีวิตอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำ
    2. คนที่ชอบรอให้ชนกำแพงอิฐก่อน แล้วจึงค่อยเปลี่ยนแปลง แต่ก็ไม่มีกลุ่มไหนอยากให้
    คุณไปสอนวิธีการดำเนินชีวิตให้พวกเขา
  • การให้อภัยคนอื่น เพื่อประโยชน์ของตัวคุณเอง คุณไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับสิ่งที่พวกเขาทำ คุณเพียงแค่ต้องการให้ชีวิตของคุณ ดำเนินต่อไปด้วยดีเท่านั้น ความอาฆาตและความขุ่นเคืองใจจะทำลายระบบภูมิคุ้มกันของคุณ เพิ่มโอกาสเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ โรคมะเร็ง แม้กระทั่งโรคเบาหวาน ความทุกข์ระทมขมขื่นทำให้คุณล้มป่วยได้
  • ในโลกแห่งความเป็นจริง คนอื่นไม่อาจเปลี่ยนชีวิตของเราได้ เราเองต่างหากที่เปลี่ยนแปลงตัวเอง เมื่อคุณเริ่มมองไปยัง ด้านที่สว่าง สดใส คุณก็จะเริ่มดึงดูดเพื่อนฝูง หรือผู้ร่วมงานที่มีความสุขให้เข้ามาหา การที่จะให้มีผู้คนที่คิดในแง่ดีๆ มาอยู่รอบตัวได้นั้น คุณต้องมีรอยยิ้มบนใบหน้าเป็นอันดับแรกภารกิจในชีวิตของคุณไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงโลก แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงตัวเอง

5. กลยุทธ์แห่งความสำเร็จ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้

  • คนธรรมดาทั่วไปมักทุ่มเท ความพยายามในระดับปกติธรรมดา ให้กับสิ่งต่างๆ มากมายแต่ผู้ที่ประสบความสำเร็จ จะทุ่มเทความ พยายามส่วนใหญ่ให้กับสิ่งที่สำคัญก่อน ปริมาณแรงกายแรงใจที่คุณทุ่มเทลงไปไม่ใช่สิ่งสำคัญ แต่สำคัญที่ว่าคุณทุ่มเทมันไปที่ใด
  • หากครอบครัวของคุณมองโลกในแง่ร้ายและเป็นคนเจ้าทุกข์ คุณจำเป็นต้องหาเพื่อนที่สดใสร่าเริง และมีความสุข ในชีวิตของคุณ คุณต้องคบหาสมาคมกับคนที่มองโลกในแง่ดีเอาไว้บ้างเพราะบรรดาคนที่มองโลกในแง่ร้ายจะพากันดึงให้คุณจมดิ่งตกต่ำลงเรื่อยๆ โดยที่คุณไม่รู้ตัว
  • เมื่อคุณต้องการบางสิ่งบางอย่างมากพอ คุณก็จะหาหนทางให้ได้ ไม่มีสิ่งมีค่าใดที่ได้มา โดยไม่ต้องขวนขวาย ความสำเร็จ ไม่เกี่ยวกับ ความจริง แต่เกี่ยวกับทัศนคติของคุณ
  • เมื่อเราให้โอกาสตัวเองอีกครั้ง และรับความช่วยเหลือบ้าง เรามักจะทำได้สำเร็จ
  • จงทำอย่างจริงใจ คำพูดของคุณกำหนดอนาคตของคุณเอง หากคุณอยากให้ผู้คนเชื่อมั่น ในตัวคุณ และหากคุณอยากเชื่อมั่นในตัวเอง คุณก็ต้องพูดให้ฟังดูจริงจัง
  • จงมุ่งมั่นในสิ่งที่คุณต้องการ เมื่อคุณมีความมั่นใจ คุณก็จะมีแต่ภาพด้านบวกในใจ คุณจึงประสบความสำเร็จ คุณไม่สมบูรณ์แบบก็จริง แต่คุณให้โอกาสดีที่สุดที่เป็นไปได้กับตัวเอง
  • ถ้าคุณขอ คุณก็มีโอกาสจะได้ การขอในสิ่งที่คุณต้องการ จะทำให้คุณมีความสุขมากขึ้น และสุขภาพดีขึ้น
  • ผู้คนจะปฏิบัติต่อคุณเช่นเดียวกับที่คุณปฏิบัติต่อตัวเอง ทุกสิ่งย่อมส่งผลกระทบต่อสิ่งอื่นๆ วิธีการเดินของคุณส่ง ผลกระทบต่อ ความรู้สึกของคุณ วิธีการแต่งตัวของคุณส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของคุณ
  • จงนับถือตัวเอง แล้วคุณจะได้รับความนับถือจากผู้อื่นด้วย
  • หากมีบางอย่างที่คุณอยากทำจริงๆ ไม่ต้องรอเวลาที่เหมาะสม ลงมือทำเลยดีกว่าเมื่อคนอื่นรู้ว่า คุณได้ทุ่มเททำอย่างดีที่สุดแล้ว พวกเขามักสนับสนุนให้กำลังใจคุณ
  • จงอยู่กับงานนั้นๆ ให้นานพอจนกว่าคุณได้บรรลุเป้าหมายแล้ว ค่อยตัดสินใจว่า คุณจะเลิกทำสิ่งนั้นหรือไม่ กำหนดเป้าหมายที่ดี ทำให้มันสำเร็จ แล้วค่อยตัดสินใจว่า คุณจะเลิกหรือเปล่ามันน่าทึ่งมากที่ความสำเร็จเล็กๆ เปลี่ยนแปลงความคิดของคุณได้
  • เคล็ดลับแรกสู่ความสุขและความสำเร็จคือ การเห็นคุณค่าของสิ่งที่เรามีอยู่แล้ว
  • ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณทำ ล้วนสำคัญทั้งสิ้น

 

ความสุขจาก หนังสือ Time Magazine

 

บอกว่า ที่อเมริกามีงานวิจัยพบว่า คนที่มีความสุขมากที่สุดในโลกคือ ผู้ดำเนินตามทางของพระพุทธองค์ ทดสอบด้วยการสแกนสมองพระที่ทำสมาธิ และได้ ผลลัพธ์ออกมาว่า เป็นจริง

- หลักความเชื่อของเหตุที่ทำให้เกิดความสุขนั้น ก็คือ อยู่กับปัจจุบันขณะปล่อยวางได้ในสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ควบคุมความอยากที่ไม่มีสิ้นสุด

- ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ทะเลาะ และใช้หลักเวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ให้อภัยตัวเอง และผู้อื่น มีจิตใจ เมตตา กรุณา และเสียสละเพื่อผู้อื่น

- อริยสัจ 4 สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ และบอกไว้ด้วยทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค แท้จริงแล้ว ก็คือ ทางเดินไปหาคำว่า " ความสุข " เพราะ ถ้าเมื่อไร เรากำจัด " ความทุกข์ " ได้แล้ว ความสุขก็จะเกิดขึ้น

- อุปสรรค ของ ความสุข ก็คือ แรง ปรารถนา และ ตัณหา คนเรา จะมี ความสุข ไม่ ขึ้นอยู่ กับว่า" มีเท่าไร "
แต่ ขึ้นอยู่ ที่ว่า เรา " พอเมื่อไร "
ความสุข ไม่ได้ ขึ้นกับ จำนวน
สิ่งของ ที่เรามี หรือเราได้...

- ดังนั้น วิธี จะมี ความสุข
อันดับแรก ต้อง
" หยุด ให้เป็น และ พอใจ ให้ได้ "
- ถ้าเรา ไม่หยุด ความอยาก ของเรา แล้ว ละก็...เรา ก็ จะต้อง วิ่งไล่ตาม หลายสิ่ง
ที่เรา " อยากได้ " แล้วนั่น มันเหนื่อย และ ความทุกข์ ก็จะ ตามมา...

- ข้อ ต่อมา ที่ทำ ให้เรา เป็นสุข คือ การมอง ทุกอย่าง
ในแง่ บวก ชีวิต แต่ละวัน
แน่นอน.. เรา ต้องเจอ ทั้ง เรื่องดี และ ไม่ดี ถ้าเรา อยากจะ มีความสุข เราต้อง เริ่ม ด้วยการ มองแต่ สิ่งดี ๆ
มองให้ เป็นบวก เพื่อ ใจเรา จะได้ เป็นบวก คิดถึง สิ่งที่ เราทำ สำเร็จแล้ว ในวันนี้ สิ่งดี ๆ ที่เรา ได้ทำ

- ข้อต่อมา คือ การให้
หมาย รวมถึง การให้ ใน รูปแบบ สิ่งของ หรือเงิน เรียกว่า.. บริจาค และ การให้ ความ เมตตา กรุณา ต่อกัน
ให้อภัย ทั้งตัวเอง และ คนอื่น
สิ่งเหล่านี้ ล้วน แล้วแต่ เป็น ปัจจัย ทำให้เรา มี ความสุข....

- การ ปล่อยวาง ให้ได้
ใน ทุกสิ่ง ที่ เกิดขึ้น แล้ว
และ ที่กำลัง จะเกิดขึ้น ใน อนาคต ไม่ว่า เรื่องจะ ร้ายแรง
และ เศร้าโศก เพียงใด จำไว้ ว่า มัน จะโดน เวลา พัดพา มันไป จากเรา ไม่ช้า ก็เร็ว เรา จะผ่านพ้น ไปได้....และ ยอมรับ ในความ เป็นจริง ของ ชีวิต ไม่ว่า จะเป็น เรื่องที้เรา ไม่ชอบ เพียงใด ไม่ว่า ผิดหวัง
สูญเสีย เจ็บป่วย ล้วน แล้วแต่ เป็น ส่วนหนึ่งของ ชีวิตเรา
ทุกคน ต้อง ได้ผ่านบท ทดสอบ นี้ทั้งสิ้น ไม่ว่า เราจะ เป็นใคร...

- ทำตนเอง ให้สดใส
ด้วยการ ยิ้มให้ ตนเอง
- ทำ คนอื่น ให้ สดใสได้
ด้วยการ ยิ้มให้เขา
- การยิ้ม ไม่ต้อง ลงทุน อะไร เลย แต่สร้าง ความ สดใส ได้มาก ทำให้เรา เป็นสุข อยู่เสมอ เพราะ ความสุข มัน อยู่ใกล้ แค่นี้เอง แค่ที่ ใจ ของเรา นี่เอง

- ยิ้มแย้ม อย่าง แจ่มใส
เห็นใคร ทักก่อน นี่คือ.. วิธี แสดงเสน่ห์ แบบง่าย ๆ แต่ ให้ผล มาก

- การ ให้อภัย ไม่ต้อง ลงทุน อะไรเลย
- แต่การ แก้แค้น ลงทุนมาก

- เขาด่า ว่าเรา ไม่ถึง นาที
เขาอาจ ลืมไป แล้วด้วย
แต่เรา ยังจดจำ ยังเจ็บใจ อยู่
... นี่เรา ฉลาด หรือโง่ กันแน่

- บ่นแล้ว หมดปัญหา ก็น่าบ่น
บ่นแล้ว มีปัญหา ไม่รู้ จะบ่น หาอะไร

- เรา ยังเคย เข้าใจผิด ผู้อื่น
ถ้า คนอื่น เข้าใจเรา ผิดบ้าง
ก็ใช่ว่า จะเป็น เรื่องแปลก อะไร ทำไม ต้อง เศร้าหมอง ในเมื่อเรา ไม่ได้ เป็นอย่าง ที่ใคร เข้าใจ

- อย่าโกรธ ฟุ่มเฟือย
- อย่าโกรธ จุกจิก
- อย่าโกรธ ไม่เป็น เวลา
- อย่าโกรธ มาก จะเสีย สุขภาพกาย และ สุขภาพจิต

- แม้ จะฝึก ให้เป็น ผู้ไม่โกรธ ไม่ได้
- แต่ฝึก ให้เป็น ผู้ไม่โกรธ บ่อยได้
- ฝึก ให้เป็น ผู้รู้จัก ให้อภัย ได้

- การ นินทา ว่าร้าย เป็นเรื่อง ของเขา
- การให้ อภัย เป็นเรื่อง ของเรา

- การชอบ พูดถึง ความดี ของเขา คือ ความดี ของเรา - - การ ชอบพูด ถึงความ ไม่ดี ของเขา คือความ ไม่ดี ของเรา

- โทษ คนอื่น แก้ไข อะไร ไม่ได้
- โทษ ตนเอง แก้ไขได้

- แก้ตัว ไม่ได้ ช่วยอะไร
แต่ แก้ไข ช่วยให้ ดีขึ้น

- การ นอนหลับ เป็นการ พักกาย
- การทำ สมาธิ เป็นการ พักใจ
คน ส่วนใหญ่ พักแต่กาย
ไม่ค่อย พักใจ

- รู้จัก ทำใจ ให้รัก ผู้บังคับ บัญชา
- รู้จัก ทำใจ ให้รัก ลูกน้อง
- รู้จัก ทำใจ ให้รัก เพื่อน ร่วมงาน
- สวรรค์ ก็อยู่ ที่ทำงาน
- เกลียด ผู้บังคับ บัญชา
- เกลียด ลูกน้อง
- เกลียด ผู้ร่วมงาน
- นรก ก็อยู่ ที่ทำงาน

- การ ที่เรา ยังต้อง แสวงหา ความสุข แสดงว่า เรายังขาด ความสุข แต่ ถ้าเรา รู้จัก ทำใจ ให้ เป็นสุข ได้เอง ก็ ไม่ต้อง ไปดิ้นรน แสวงหา ที่ไหน

- อ่อนน้อม อ่อนโยน
อ่อนหวาน นั้นดีแล้ว
- อ่อนข้อ ให้เขาบ้าง ก็ยิ่งดี
- แต่... อ่อนแอนั้น ไม่ดี
- ในการ คบคน ศิลปะ ใด ๆ
ก็สู้ ความ จริงใจ ไม่ได้
- จง ประหยัด คำติ
แต่อย่า ตระหนี่ คำชม

- อภัย ให้แก่กัน ในวันนี้ ดีกว่า อโหสิ ให้กัน ตอนตาย

- ถ้าคิด ทำความดี ให้ทำได้ ทันที
- ถ้าคิด ทำ ความชั่ว ให้เลิกคิด ทันที
- ถ้า เลิกคิด ไม่ได้ ก็อย่าทำ วันนี้ ให้ ผลัดวัน ไปเรื่อย ๆ

- ถึงจะรู้ ร้อยเรื่อง พันเรื่อง ก็ ไม่สู้ รู้เรื่อง ดับทุกข์
- โลกสว่าง ด้วยแสงไฟ ใจสว่าง ด้วยแสงธรรม
- แสงธรรม ส่องใจ แสงไฟ ส่องทาง

- ผู้ สนใจธรรม สู้ ผู้รู้ธรรม ไม่ได้
- ผู้รู้ธรรม สู้ผู้ ปฎิบัติธรรม ไม่ได้
- ผู้ ปฎิบัติธรรม สู้ผู้ที่ เข้าถึง ธรรม ไม่ได้

- มีทรัพย์มาก ย่อม มีความ สะดวก มาก
- มีธรรมะ มาก ย่อมมี ความสุข มาก

󾀥 เมื่อก่อน ยังไม่มีเรา
เราเพิ่ง มีมา เมื่อ ไม่นาน มานี้เอง
และ อีก ไม่นาน ก็จะ ไม่มี เราอีก
จึงควร รีบทำดีทำสมาธิภาวนา ในขณะที่ ยังมี... เราอยู่

เห็นว่าดีโปรดส่งต่อนะครับ