สรุปหนังสือ 100 คนคิด 10 คนทำ 1 คนสำเร็จ

100 คนคิด

เปิดเสรีทางความคิดคนเรา เกิดมาทุกคนมีความคิดอยากจะได้อยากจะเป็น คิดไปต่างๆนาๆ คิดไปเถอะแต่ต้องคิดให้อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง อย่าคิดฟุ้งซานและอย่ากลัวว่าถ้าคิดออกมาแล้วคนอื่นจะหัวเราะ ในเมื่อมันเป็นความคิดทุกคนย่อมมีอิสระในการที่จะคิดอย่าปิดกั้นตัวเอง และคิดอย่างมีสติและความคิดที่ดีจะส่งผลดีแก่ตัวเราเอง และไม่ทำให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อน การที่คนเราได้คิดได้จิตนาการเป็นการเปิดโลกกว้างให้กับตัวเอง และการที่เราได้คิดได้จิตนาการอย่าทำให้มันเพียงแค่ความคิด หรือความฝันเฉยๆแต่เราต้องลงมือกระทำด้วยการลงมือ ทำย่อมดีกว่าการที่จะคิดหรือฝันเฉยๆ ถ้าไม่ลงมือกระทำก็เป็นแค่ความฝันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย การที่คนเราจะฝันต้องฝันให้ไกลๆและต้องไปให้ถึงจุดมุงหมาย การที่จะไปให้ถึงจุดหมายได้มันยาก แต่ก็ต้องมีความพยายามที่จะทำตามความฝัน มองโลกในแง่ดีเข้าไว้ ไม่ท้อเมื่อเจอกับปัญหาเราต้องเปลี่ยนความฝัน ให้เป็นความคิด เปลี่ยนความคิดให้เป็นความจริงแล้ว สิ่งที่เราได้ฝันไว้ต่อ ให้ไกลแค่ไหนก็อยู่แค่เอื้อม

ต้องมีการวางแผนแบบคร่าวๆก่อนจะทำการวางแผนหรือทำอะไรก็ต้องดูความพร้อมของตัวเองก่อนว่า มีความพร้อมแค่ไหนไม่ว่าจะเป็นความพร้อม ทางด้านร่างกายจิตใจ ทางการเงิน อุปสรรค์ที่จะต้องพบเจอในมีอะไรบ้าง เมื่อดูความพร้องของตัวเองแล้วก็ตั้งเป้าหมายให้กับตัวเองเลยว่า ยากทำอะไรในอนาคตอยากประสบความสำเร็จในด้านไหนบ้าง การตั้งเป้าหมายในชีวิตไม่ใช่เรื่องยากแต่สิ่งที่ยากก็คือ การลงมือกระทำให้ประสบความสำเร็จต่อมาเรามาดูโอกาส และความเป็นไปได้เมื่อมีโอกาสเราต้องรีบคว้าไว้อย่าไปกลัว เพราะความกลัวคือ มารร้ายที่จะทำให้สูญเสียโอกาสดีๆ ต้องมีความกล้าเข้าไว้ต้องกล้าที่จะรักษาโอกาสนั้นไว้และ จงรักอุปสรรค์เหมือนรักโอกาส เพราะในโลกนี้ไม่มีใครได้อะไรมาโดยปราศจากอุปสรรค์ก่อนที่คนเราจะประสบความสำเร็จก็ต้องพบเจอกับอุสรรค์ทุกคน และเราต้องฟันฝ่าอุปสรรค์ไปให้ได้อย่าท้อแท้หรือถอดใจค่อยๆ ก้าวไปอย่างช้าๆ แต่มีสติ

คิดบวกเข้าไว้อย่างในตัวอย่างของหนังสือเล่าว่า กบแข่งกันขึ้นเสาไฟพวกกองเชียก็ต่างพูดว่าขึ้นไม่ได้หรอกดูถูกต่างๆนาๆกบหลายตัวหล่นลงมาทีละตัวๆ แต่มีกบตัวหนึ่งพยายามจะขึ้นให้ได้จนมันสามารถทำสำเร็จกบทุกตัวต่างสงสัยว่าทำไมกบตัวเล็กๆ จึงมีพลังที่จะปีนขึ้นเสาไฟและทำให้ประสบความสำเร็จได้อย่างไร เรื่องกลับกลายเป็นว่า แท้จริงแล้วเจ้ากบน้อยตัวนั้นหูหนวก ดังนั้นเมื่อเวลาจะทำงานอะไรก็ตามให้ประสบความสำเร็จ เราต้องทำตัวให้คล้ายกับกบตัวนั้นคือต้องทำตัวให้เป็นคนหูหนวกเสียบ้าง คิดในทางบวกเข้าไว้คิดว่าเราทำดีแล้วและเราทำได้อย่าให้ความคิดที่เป็นลบมาแซรกแซงความคิด อย่าดูถูกตัวเอง และต้องรู้จักให้กำลังใจตัวเองเสมอ

ตัวเอง 30 ลิขิตฟ้า 70 ต้องฝ่าฟัน ชีวิตเราเมื่อผ่านกระบวนการคิดและการตั้งจุดมุ่งหมายแล้วการที่จะทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จได้ ต้องฟันฝ่าอุปสรรค์ต่างๆโดยไม่ย่อท้อ อย่ารอโชคช่วยเพราะสิ่งที่มองไม่เห็นเราไม่รู้ว่าจะมาเมื่อไรถ้ามัวแต่รออาจจะต้องรอไปตลอดชีวิต คำว่า 30 ลิขิตฟ้า 70 ต้องฝ่าฟันก็มีความหมายในตัวของมันเองอยู่แล้ว คนเราจะประสบความสำเร็จได้ต้องพึ่งตัวเองเองมากกว่าที่จะไปรอพึ่งโชคชะตา แต่ในบางจริงอยู่การที่จะทำอะไรก็ต้องอาศัยทั้ง 2 ตัวความพยายามและโชคชะตา แต่ถึงยังไงเราก็ต้องพึ่งตัวเองมากกว่า หลังจากนั้นเราก็ต้องคิดถึงผลสำเร็จในวันข้างหน้าสิ่งที่สำคัญในข้อนี้ก็คือ อย่าลืมเป้าหมายของตัวเองเป็นอันขาด จงตั้งหมั่นในเป้าหมายและคิดถึงความสำเจของวันข้างหน้าหากเรารู้สึกว่าเหนื่อยมากและท้อแท้ไม่มีแรกสู้ต่อไปแล้ว จงหยุดและคิดถึงเป้าหมายของตัวเองและคิดถึงความสำเร็จที่เราอยากได้ เช่น การเรียนปริญญาตรีทุกคนมีเป้าหมายเดียวกันคือ ใบปริญญาการที่จะได้มาก็ต้องมีความพยายามมีความอดทนบอกกับตัวเองดสมอ ว่าเป้าหมายของเราคือ ใบปริญญาเวลาสอบขี้เกียจอ่านหนังสือ ท้อแท้เหนื่อยก็หยุดคิดและนำเป้าหมายที่ตั้งไว้มาคิด รวมถึงคิดถึงคนรอบข้างด้วยพยายามคิดว่า เราจะเสียดายเวลาไหมที่ได้มายีนในจุดนี้แล้ว ไม่ประสบความสำเร็จ คนรอบข้างจะเป็นอย่างไร ถ้าจะล้มเลิกที่จะทำวันนี้แล้วความพยายามที่มีมาตลอดเพื่ออะไร เบื้องหลังของความโชคดีของใครบางคนคือ ความทุมเทขยันมุ่งมันและรับผิดชอบต่อเป้าหมายที่ตั้งไว้แต่จะไม่แค่ไม่กี่ครั้งที่จะพูดได้ว่าการประสบความสำเร็จเกิดจากความโชคดี เมื่อมีเป้าหมายที่พร้อมจะก้าวไปต้องมีระยะเวลากำหนดระยะเวลาในการที่จะทำให้ตัวเองประสบความสำเร็จ เช่น การศึกษาเมื่อเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรี ต้องจบตามหลักสูตรและภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้คือ 4 ปี หลังจากที่จบออกมาแล้วก็ต้องมีงานทำที่ดีมีครอบครัวที่ดี เป็นต้น

วางลำดับขั้นของเป้าหมายอย่างชัดเจนและกำหนดระยะเวลาของแต่ละขั้นไว้ด้วยให้ชัดเจนที่สุด หลังจากนั้นก็สำรวจวิเคราะห์ตนเอง และสิ่งที่ต้องทำการวิเคราะห์ตัวเองเป็นสิ่งที่สำคัญมากต้องรู้ว่าตัวเองมีความมั่นใจแค่ไหน มีความพยายามแค่ไหนที่จะพาตัวเองไปถึงเป้าหมาย มีความมุ่งหมั่นมีความหมั่นคงทางอารมณ์แค่ไหน เป็นคนที่มีความรู้ กล้าที่จะเผชิญกับปัญหาหรือไม่ สิ่งที่ตั้งเป้าหมายไว้คือสิ่งที่อยากได้จริงๆใช่ไหม เราต้องดูจากความถนัดเละประสบการณ์ที่ผ่านมาเมื่อเรามีประสบการณ์และเรามีความชอบ เรามักจะให้งานประสบความสำเร็จเสมอ การที่เราจะทำได้ ไม่ได้ก็ต้องดูความสารถของตัวเองว่าจะทำได้แค่ไหนสอบถามตัวเองเสมอว่าอะไรคือสิ่งที่เราไม่ชอบทำ และอะไรคือสิ่งที่เราชอบ ต้องพยายามหาสิ่งใหม่ๆให้กับชีวิตอย่าหยุดนิ่งอยู่กับที่และก่อนที่จะบอกตัวเองว่านี่เหละคือเป้าหมายของฉันต้องหมั่นใจว่าสิ่งนั้นคือสิ่งที่ต้องการจริงๆ เพราะเมื่อได้ลงมือกระทำต่อให้เจออุปสรรค์มากแค่ไหนก็จะพยายามเอาชนะให้ได้

ใจพร้อมสู้กายพร้อมด้วยหรือไม่ เมื่อรู้แล้วว่าอะไรคือสิ่งที่ต้องการและสิ่งที่เราต้องการนั้นเรามีความถนัดอยู่ด้วยมากน้อยเพียงใดเราต้องถามตัวเองก่อนว่า พร้อมหรือยังพร้อมที่จะฟันฝ่าอุปสรรค์ที่จะเกิดขึ้นได้ไหม เรากลัวความล้มเหลวไหมเป็น เราคนสู้งานหนักหรือไม่ กล้าที่จะเสี่ยงกล้าที่จะได้และกล้าที่จะเสียต้องถามตัวเองตลอด และเมื่อใดที่หมั่นใจในคำตอบก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมทำตัวเองให้แข็งแกร่ง เพื่อที่จะเผชิญกับความเป็นจริงที่จะเกิดขึ้นในขณะเดียวกัน การเตรียมตัวให้พร้อมเพียงอย่างเดียวไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดต้องมีการพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา เพราะการพัฒนาตัวเองในโลกแห่งความจริงและปัจจุบันนี้ มีความก้าวหน้าไปตลอดคนเราต้องรู้จักเรียนรู้ในสิ่งใหม่ หาเหตุผลว่าทำไมคนอื่นถึงคิดต่างจากเรา ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น และเพราะอะไรถึงเป็นเช่นนั้น ต้องพยายามที่จะหาคำตอบและอธิบายเหตุผลให้ได้และในการพัฒนาตัวเองนั้น ต้องหาจุดแข็งจุดอ่อนของตัวเองก่อน เมื่อรู้แล้วต้องยอมรับในจุดนั้นและนำมันมาแก้ไขปรับปรุงในจุดอ่อนของตัวเองเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ถ้าหากยอมรับตัวเองไม่ได้คนในสังคมก็จะไม่ยอมรับตามไปด้วย เช่น คนที่คิดว่าตัวเองนี้ถูกเสมอถ้าเปรียบกับผู้นำก็คงเป็นแบบเผด็จการคือ ไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นจากคนอื่นเอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ทำแบบนี้ส่วนใหญ่งานจะไม่ประสบความสำเร็จเพราะคนอื่นจะไม่มีโอกาสได้เสนอความคิด เพาระถึงยังไงเสนอไปแล้ว คนที่เป็นผู้นำก็ไม่รับฟังความคิดของคนอื่นอยู่ดีจึงทำให้เกิดความไม่หลากหลายทางความคิด ใครที่มีจุดอ่อนในลักษณะที่กล่าวมาข้างต้น ก็ต้องพยายามปรับปรุงตัวเองเพื่อความสำเร็จในอนาคต พอทราบจุดแข็งจุดอ่อน และนำมาปรับปรุงแล้ว เราก็มาวิเคราะห์สิ่งที่จะทำ คือแยกแยะความคิดให้ละเอียดถี่ถ้วน เพื่อที่จะได้มองเห็นองค์ประกอบต่างๆอย่างชัดเจนและต้องเปรียบเทียบให้เป็น ว่าจะทำแบบไหนอะไรที่ทำให้เราได้ประโยชน์มากกว่าและอะไรที่ทำให้คุ้มค่าคุ้มเวลามากกว่าและจากหนังสือ กล่าวว่า WELL BEGUN IS HALF DONE เริ่มต้นด้วยดีเท่ากับสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง เช่น ตัวอย่างนี้เป็นการยกขึ้นมาเองใน การเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยหารใครสามารถทำ เกรดในเทอมแรกได้ดีก็ถือว่าเป็นความสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่งเพราะในเทอมแระเกรดจะได้มากไม่มีตัวหารอะไรแต่ถ้าต้องการจะให้ประสบความสำเร็จในขั้นต่อๆ ไปก็ต้องเรียนรู้และมีความพยายามอย่างมากในการที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้

เราต้องกำหนดวันเริ่มทำและกำหนดวันแห่งความสำเร็จอย่าเอาแต่ใช้คำว่าอยากๆๆๆแต่ต้องลงมือกระทำด้วย กำหนดเลยว่าจะลงมือทำวันไหน จะทำอะไรก่อนและกำหนดวันเลยว่า จะต้องเสร็จภายในวันไหนการที่จะรู้ว่าจะเสร็จวันไหนก็ต้องมีการคำนวลเวลาก่อนว่าจะนานหรือเร็วไปไหม ต้องทำการแก้ไขปรับเปลี่ยนจนแผนที่ตั้งไว้ลงตัวและ นำไปแปะบนผนังตรงที่สะดุดตาที่สุดเพื่อเป็นการกระตุ้นและคอยเตือนไม่ให้ขี้เกียจ และอะไรที่เราได้ทำไปแล้ว ก็ทำเครื่องหมายบอกไว้และสิ่งไหนที่ยังไม่ได้ทำตามเวลาที่กำหนดไว้ให้ทำตัวสีแดงใหญ่ เช่น การเรียนหนังสือเราต้องเขียนว่า ต้องทำอะไรบ้าง ในแต่ละวันการบ้านมีวิชาอะไรต้องทำสิ่งไหนก่อนดีก็เรียงลำดับไว้หลังจากนั้น ก็ลงมือทำอันไหนที่เราทำเสร็จแล้ว เราก็ทำเครื่องหมายบอกไว้ ส่วนอันไหนที่ยังไม่ทำแล้วเลยเวลาที่กำหนด ก็ทำเป็นตัวสีแดงใหญ่ เพื่อเตือนสติแล้วลงมือกระทำในสิ่งที่ต้องทำ และจากหนังสือที่อ่านก็กล่าวว่า หัวใจที่ยิ่งใหญ่จะมีเป้าหมายส่วนหัวใจทั่วไปจะมีแต่ความปรารถนา คือ คนที่จะประสบความสำเร็จได้จริงๆ ต้องมีเป้าหมายและต้องไปให้ถึงเป้าหมายให้ได้ ส่วนคนที่ได้แต่ปรารถนาว่าอยากแต่ไม่ทำก็คงได้ปรารถนาก็เป็นแค่คนธรรมดาๆ

10 คนทำ

ทุกคนสามารถที่จะคิดได้แต่จะมีสักกี่คนที่กล้านำความคิดนั้น มาลงมือทำในในการลงมือทำ เราต้องทำในสิ่งที่สำคัญก่อนเรื่องไหนที่ไม่สำคัญเอาไว้ที่หลัง และปัญหาในในการลงมือกระทำนี้ก็คือ พอถึงเวลาทำจริงๆก็เราก็มัวแต่ทำงานที่เราสนใจมากกว่าทั้งที่ก็ไม่ได้สำคัญมากนัก แต่ก็อยากที่จะทำเราต้อง ห้ามตัวเองให้ได้โดยการเรียงลำดับความสำคัญงานไหนด่วน งานไหนที่ต้องส่งก่อนก็เก็บไว้ทำก่อนแน่นอนอยู่แล้วว่า งานมันมีเยอะอย่ามัวแต่คิดว่า งานเยอะไม่รู้ว่า จะหยิบอะไรมาทำก่อน จึงไม่ได้ทำอะไรเลยปล่อยให้เป็นดินพอกหางหมูในทางตรงกันข้าม หากหยิบขึ้นมาทำไม่ว่างานจะเยาะแค่ไหน ก็สมารถทำให้เสร็จเรียบร้อยได้ ในที่สุดเมื่อเราคิดไม่ออกคิดคนเดียวอาจจะทำให้งานออกมาไม่ดีเท่าที่ควร เราก็หาคนช่วยคิดหาคน และคนที่ช่วยคิดนั้น ไม่จำเป็นต้องเก่งและมีความเชี่ยวชานในด้านนั้นเสมอไปแต่ปรึกษาคนที่มีประสบการณ์ก็ได้ ไม่มีใครประสบความสำเร็จได้คนเดียวโดยผู้อื่นไม่อาศัยผู้อื่น การที่คนเราจะประสบความสำเร็จได้ก็ต้องอาศัยทีมงานตรงกับสุภาษิตที่ว่า คนเดียวหัวหายสองคนเพื่อนตาย หลังจากที่ได้คนปรึกษาแล้ว ต้องบริหารเวลาแบบมืออาชีพการบริหารเวลาแบบมืออาชีพ ก็คือวันมี 24 ชั่วโมง แต่เราอย่าให้หนึ่งวันมีเวลาแค่นั้น เราคงทำอะไรได้ไม่มาก บางคนบอกเวลาเหลือพอที่จะไปเดินเล่น ชอบปิ้ง แต่บางคนกลับไม่มีเวลาเลย การที่คนสองคนมีเวลาว่างไม่เท่ากันก็เกิดจากการบริหารเวลา การบริหารเวลาดีแสดงว่า คนนั้นมีความรับผิดชอบและมีเวลาว่างพอที่จะทำกิจกรรมต่างๆเพื่อหาความสุขเข้าตัวเอง แต่พวกที่ไม่มีเวลาแสดงว่า พวกนี้ใช้เวลาว่างไม่เป็นประโยชน์ทำให้ไม่มีเวลาทำงานจึงทำให้งานที่ค้างเยอะแยะมากมายทำให้ไม่มีเวลาว่างในการทำงานเวลาของคนทุกคนในหนึ่งวันมี 24 ชั่วโมงเท่ากันขึ้นอยู่กับว่าใครจะใช้เวลาอย่างคุ้มค่าที่สุดเลิกขี้เกียจ เลิกพลัดวันประกันพรุ่ง ไร้สาระให้น้อยลงอีกเท่านี้ก็ถือว่า เป็นคนที่บริหารเวลาได้ดี การปฏิบัติตัวก็ต้องทำอย่างมีขั้นตอนและมีระเบียบวินัยกับตนเอง อะไรควรทำก่อนอะไรควรทำที่หลังบวกกับการมีวินัยในตัวเอง เส้นทางสู่ความสำเร็จอยู่แค่เอื้อม วินัยในตัวคนมีไม่เหมือนกันบางคนมีมากและบางคนมีน้อยมาก แต่ถ้าจะให้ดีก็อย่าให้ตึงหรือหย่อนเกิดไปเดินทางสายกลาง อย่าที่พระพุทธเจ้าได้บอกไว้หลังจากนั้นเราต้องวางแผนอย่างชัดเจน แผนพวนนี้นอกจากจะบอกให้รู้ว่า มีอะไรต้องทำตอนไหนบ้างแล้วยังบอกให้รู้ด้วยว่า ต้องเตรียมตัวอย่างไรถ้ามีปัญหานี้เกิดขึ้นจะกระทบอะไรในอนาคตบ้างเมื่อรู้ก่อนก็เตรียมรับมือได้สบายๆหลังจากทำการวางแผนแล้วแผนฉุกเฉินก็ต้องมีด้วย

แผนฉุกเฉินต้องมี หากมีเหตุการณ์ฉุกเฉินที่เราไม่ได้คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นเราจะแก้ไขปัญหาได้ทันเวลา ถึงแม้เหตุการณ์ร้ายๆไม่เกิดขึ้นก็ยังดี ถือว่าเป็นคนมีความรอบคอบ ตัวอย่างในหนังสือบอกว่า ถ้าเราทำกิจการขนส่ง ช่วงแรกก็ได้กำไรดี แต่ถ้าหากวันหนึ่งน้ำมันเกิดแพงมา จะต้องทำอย่างไร ถ้ามีแผนสำรองไว้ไม่เสียหาย ถ้าหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินจะได้นำมาแก้ไขได้ แต่ถ้าไม่มีแผนสำรอง หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินเราก็ได้แต่ยืนดูความล้มเหลว โดยไม่ได้ทำอะไรเลย ถือว่าคนแบบนี้เป็นคนประมาท

ปัญหาและอุปสรรค์ คือการเรียนรู้ในโลกนี้ทุกคนต้องพบเจอกับปัญหาทั้งนั้น ไม่มีใครหรอกที่จะทำอะไรก็ราบรื่นไปเสียหมด เราต้องรู้จักพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส เมื่อเราเจอกับปัญหามารุมเล้าให้ขาดสติเราต้องหยุดพักทำใจให้สบาย แล้วค่อยกลับมาคิดแก้ไขใหม่ โดยใช้สติ การที่คนเราได้พบเจอกับปัญหาใหม่โดยใช้สติ การที่คนเราได้พบกับปัญหาและอุปสรรค์บ่อยครั้ง จะทำให้แข็งแกร่งขึ้นและตอนนั้น จะทำให้มันเป็นโอกาสที่ดีสำหรับตัวเรา เช่น จากตัวอย่างในหนังสือบอกว่า มีชายแก่เลี้ยงเจ้าล่าโง่อยู่ตัวหนึ่ง ชายแก่จูงเจ้าลาไปอยู่ดีๆ เจ้าลาตกท่อ ทำให้ขึ้นมาไม่ได้ ชายแก่ก็ไปขอให้ชาวบ้านมาช่วย แต่ก็หมดหนทาง ชายแก่ถอดใจจึงบอกให้ชาวบ้านขุดดินกลบเจ้าลาตัวนั้นซะ ในขณะที่ชาวบ้านกำลังนำดินกลบลงไป หลังของเจ้าลาก็สัมผัสกับดิน เจ้าลาสะบัดตัวทำให้ดินลงมาจากตัว แล้วก็เอาเท้าเหยียบ ทำให้เจ้าลาจากอยู่ลึกก็สามารถขึ้นจากบ่อได้ในที่สุด นิทานเรื่องนี้เป็นตัวอย่างที่ดีเลย ว่าการเจอกับปัญหาและอุปสรรค์อย่ามัวแต่ถอดใจ และจงพริกวิกฤตให้เป็นโอกาสเหมือนเจ้าลาตัวนั้น

ให้กำลังใจตัวเอง กำลังใจเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เมื่อยามใดที่ท้อแท้ เหนื่อยหน่าย ขอเพียงแต่เรามีกำลังใจก็จะสามารถผ่านพ้นวิกฤตนั้นไปได้ เราต้องมองว่าเรายังมีวันพรุ่งนี้อยู่ เมื่อท้อพักได้แต่อย่าถอย เพราะเมื่อถอยเมื่อไรก็จบทันทีเราต้องมองโลกในแง่ดีคิดในสิ่งที่ดีๆ และทำในสิ่งที่ดีๆผลดีก็จะตอบสนองกับตัวเราเอง อย่าทำเป็นคนลืมตัวเป็นวัวลืมตีน ต้องไม่ลืมอดีตของตนเองว่า ได้พบเจออะไรมาบางสามารถฟันฝ่าอุปสรรค์อย่างยากเย็นแค่ไหนกว่า จะได้มายืนอยู่จุดนี้เราต้องเป็นคนรู้จักศึกษาชีวิตของคนอื่นการเอาใจเขามาใส่ใจเรา เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขเชื่อไหมว่าเวลาเราท้อแท้หรือเหนื่อยใจมากที่สุด เราจะมีครอบครัวอยู่ข้างๆเราเสมอไม่ว่าเราจะดีหรือทำผิดมายังไง ครอบครัวจะอยู่ข้างเราเสมอ เมื่อเวลาได้อยู่กับครองครัวคุณรู้สึกไหมว่ามันอุ่นใจและมีกำลังใจที่จะสู้ต่อไป และก้าวต่อไปกล้าที่จะเผชิญ กับปัญหาที่จะเกิดขึ้นอย่างมีกำลังใจที่ดีที่สุด

1 คนสำเร็จ

คนที่สามารถทำได้สำเร็จจากคนนับร้อยคุณคือผู้ชนะ และคุณคือที่ 1 สำหรับตัวคุณเองอดทนเพื่อความสำเร็จ หากคุณคิดจะทำตามขั้นตอนที่กล่าวมาทั้งหมด ข้างต้น เพื่อความสำเร็จมันก็ขึ้นอยู่แค่เอื้อม แต่การที่จะประสมความสำเร็จจริงๆ เวลาอาจไม่ได้อยู่ตามแผนที่วางไว้จริงๆ อาจจะมากหว่านั้นเป็นเท่าตัวเลย เช่น คุณตั้งเป้าหมายไว้ 4 ปีจะประสบความสำเร็จ แต่เอาเข้าจริง 5-6 ปี นี้เหตุที่ต้องใช้คำว่าอดทนเพื่อความสำเร็จในวันข้างหน้า คุณอาจคิดว่าการรอคอยเป็นสิ่งที่ทรมารมาก รู้สึกเหนื่อยกับการที่ต้องมาอดทน แต่การอดทนเป็นเหตุให้คุณประสบความสำเร็จได้ และความสำเร็จที่ได้มาเป็นสิ่งที่มีค้าหอมหวานที่สุด

ทำตัวให้เป็นเหมือนน้ำครึ่งแก้ว เพราะว่าน้ำครึ่งแก้วเปรียบว่ามีความรู้ในระดับพื้นฐานแล้ว และพร้อมที่จะรับเอาสิ่งใหม่ๆ เขามาเสมอ ผิดจาดน้ำเต็มแก้ว เอาอะไรไปก็มีแต่ล้นออกไม่ยอมรับสิ่งใหม่ๆ ส่วนในแก้วไม่มีน้ำอยู่เลย รับเอามาเติมที่โดยไม่มีความรู้หรือพื้นฐานอะไรให้กับตัวเองเลยนี้ไงถึงบอกว่า ให้ทำตัวเป็นน้ำครึ่งแก้วไม่ทิ้งสิ่งเก่าๆ และยอมรับในสิ่งใหม่ๆ มาใช้ในการดำเนินชีวิต การทำแบบนี้สามารถทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จได้ง่าย ถ้าจะมองอีกด้านหนึ่งก็คือ เป็นคนที่มีการปรับตัวอยู่ตลอดเวลายอมรับสิ่งใหม่ๆ

การเรียนรู้ตลอดเวลา การเรียนรู้เป็นสิ่งที่สำคัญมากคนเราจะประสบความสำเร็จได้นั้น ต้องมีการเรียนรู้ การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่เราไม่เคยรู้มาก่อน การเรียนรู้ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ในตำราเรียนเท่านั้น เราต้องรู้จักเรียนรู้ด้านประสบการณ์ ประสบการณ์เป็นการเรียนรู้อีกทางหนึ่งที่สำคัญมาก เพราะการมีประสบการณ์การสังเกต สิ่งรอบตัวเป็นประโยชน์ต่อตัวเราเองทั้งสิ้น ทำให้เราได้รู้ได้จดจำในสิ่งที่เราไม่เคยรู้มาก่อน เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินชีวิต โดยการนำมาใช้หรือประยุกต์ใช้ เราก็ต้องจำแต่สิ่งที่ดีๆ และสิ่งไหนที่ไม่ดีก็เก็บไว้ในใจ ไม่ต้องแสดงออกมา จะให้ดีลบมันออกจากจิตใจ คิดแต่สิ่งดีๆ

รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น การบริการงานที่ดีหรือการทำงานที่ดี เราต้องยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น เพื่อที่จะได้แนวความคิดที่หลากหลาย การตัดสิ้นใจทำอะไรก็จะทำได้ดีที่สุด มีคำคำหนึ่งมักจะมาพร้อมกันเสมอ คือ ปัญหากับความสำเร็จ การที่คนเราจะประสบความสำเร็จได้ ต้องพบเจอกับปัญหาด้วยกนทั้งนั้น ปัญหามีไว้ให้แก้ ปัญหาสร้างความเข็งแกร่งให้กับตัวเรา ปัญหาทำให้เราสามารถที่จะฟันฝ่าให้ประสบความสำเร็จได้

10 วิธีรับมือกับปัญหา

  • มองว่าการแก้ปัญหาเป็นสิ่งที่ท้าทาย
  • การทำอะไรข้อมูลต้องสมบูรณ์
  • มีมุมมองในเชิงบวก
  • เป็นนักฟังที่ดี
  • บันทึกเรื่องราวที่เกิดขึ้น
  • ลดและควบคุมความเครียด
  • เรียนรู้ที่จะรับมือกับความเสี่ยง
  • เรียนรู้วิธีการปฏิเสธ
  • อย่าพยายามเปลี่ยนให้คนอื่นเป็นอย่าที่ต้องการ
  • อย่าทำหลายๆเรื่องพร้อมกันในเวลาเดียวกัน

ต้องรู้จักการทำงานเป็นทีม ถ้าจะฉายเดี่ยวก็ได้เมื่อไรที่ต้องการฉายเดี่ยว คุณต้องกลั่นกรองความคิดให้ดีเป็นรูปธรรม ให้ทุกคนมองเห็นภาพและ ก่อนที่เราจะไปทำงานเป็นทีมเราต้องแสดงศักยภาพของเราให้เพื่อนในกลุ่มเห็นก่อน เพราะการทำงานในบางครั้ง เราต้องพึ่งพาความสามารถของตัวเอง เป็นหลัก คนทุกคนมีความรู้ความสามารถในด้านต่างๆไม่เท่ากัน การทำงานแต่ละงานก็แตกต่างกันต้องอาศัยทักษะของทุกคนในทีม เพื่อที่จะมาทำงานให้เกิดประสิทธิภาพ การทำงานเป็นทีมทุกคนในทีมต้องมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน ทุกคนในทีมมีความสำคัญทั้งหมด เคารพสิทธิของบุคคลอื่น มีกฎระเบียบที่ชัดเจนและต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด จากหนังสือให้กลอนมา ร่วมใจ ร่วมคิด ร่วมทำ คำ 3 คำที่จะนำพาทีมไปสู่จุดมุงหมาย

การทำงานที่ดีเราต้องมีความเป็นผู้นำ เพราะการตัดสินใจคิดทุกอย่าง อยู่ในความรับผิดชอบของเรา การตัดสินใจที่ดีต้องเป็นการตัดสินใจที่เด็ดขาด ไม่ลังเล การเป็นผู้นำที่ดี คือต้องมีความรู้ในเรื่องที่จะทำมากที่สุด ต้องมีความอดทน ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น เป็นคนที่ไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่เปิดเสรีภาพ ทางความคิด รับสิ่งใหม่ๆเขามาเสมอ การที่คนใดคนหนึ่งจะเป็นผู้นำได้ เป็นเรื่องง่าย แต่จะเป็นผู้นำที่ดีได้นั้นเป็นเรื่องยากที่เดียว การเป็นผู้นำแล้วพาทีมประสบความสำเร็จถือว่าเป็นผู้นำที่ดีที่สุด

ความสำเร็จของชีวิต

การที่คนเรามีงานที่มั่นคง มีครอบครัวที่ดี คือประสบความสำเร็จสูงสุดที่ตั้งเป้าหมายไว้แล้วเราก็ต้องรู้จักแบ่งเวลาให้เป็น คือเวลาทำงานก็ต้องทำให้ดีที่สุด ส่วนเวลาที่เหลือก็ต้องแบ่งให้ครอบครัว เพราะครอบครัวเป็นกำลังใจที่สำคัญในการทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จ

รู้จักพอ พอใจในสิ่งที่มีและเป็นอยู่ในตอนนี้ อย่าหลงใหลในลาบยศ คำว่าพอใช้ได้หลายทาง เช่น ต้องรู้จักใช้เงินพอประมาณ คือไม่ใช้เงินสุรุยสุราย ใช้อย่างมีสติ และคำว่าพอในเงินทอง แค่เรามีอยู่มีกินมีความสุขก็พอแล้วไม่ต้องดินรนจนทำให้รู้สึกเหนื่อยหน่าย จนทำให้ไม่มีความสุขในชีวิต แค่เรารู้จักคำว่าพอ คำเดียวก็ทำให้ชีวิตเรามีความสุขได้

ความกตัญญูเป็นสิ่งที่สำคัญมาก การรู้คุณคนเป็นสิ่งที่ดีเป็นอย่างยิ่ง การที่เราประสบความสำเร็จจนได้มายืนอยู่ตรงจุดนี้เพราะใคร เราต้องตอบแทนพระคุณคนที่มีพระคุณต่อเรา เราต้องย้อนกลับไปคิดว่าถ้าไม่มีพวกเขาในวันนั้น ในวันนี้เราจะได้มายืนอยู่จุดนี้ไหม ความกตัญญูเป็นผลดีกับตัวเราหากเรารู้จักตอบแทนบุญคุณ เราจะล้มสักกี่ครั้งก็ยังจะมีคนยื่นมือมาช่วยเราเสมอ

เราต้องทำตัวเสมอต้นเสมอปลายอย่าทำเป็นวัวลืมตีน แต่ก่อนเคยปฏิบัติตัวอย่างไรปัจจุบันก็ทำอย่างนั้นด้วย ไม่ใช่ประสบความสำเร็จแล้วจะลืมว่า เมื่อก่อนเคยเป็นอย่างไร นี้เป็นการปฏิบัติตัวไม่ถูกต้อง ต้องไม่ลืมผู้มีพระคุณ ไม่ลืมเพื่อนฝูงที่เขาฟันอุปสรรค์มากับเรา นึกถึงเขาอยู่เสมอ แล้วจะทำให้ประสบความสำเร็จ เราต้องรู้จักคบคนให้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นคนดีหรือไม่ดี แต่การคบคนดีย่อมจะพาไปในทางที่ดีเสมอ คนไม่ดีถึงเราไม่อยากคบแต่หากจำเป็นที่จะต้องคบก็ต้องเตือนสติตัวเองว่าอย่านำพาตัวเองเข้าไปในทางที่ไม่ดี คบไว้รู้ว่าไม่ดีก็อย่าทำตาม แต่ควรนำมาใช้กับตัวเอง คือการที่เรารู้ว่าคนไหนปฏิบัติตนอย่างไร มีสติจนต้องบอกตนเองว่า สติติดตัวอย่าได้ขาด มีสติทำให้เราพ้นภัยจากอันตรายทั้งสิ้น เช่น สมมุติเราจะถูกลากไปข่มขืน ถ้าเราขาดสติเราก็จะต่อสู้ดิ้นร้น ร้องโว้ยวาย อาจทำให้ โจนฆ่าเราได้ หากเรามีสติ พุดกับมันดีๆ ทำเป็นยอมแล้วหาจังหวะที่มันเผลอ ชีวิตเราก็จะปลอดภัย

การที่คนเราจะประสบความสำเร็จได้เป็นสิ่งที่ยากแต่ถ้าหากเราทำอย่างตั้งใจและไม่ย่อท้อมีความพยายามมีความคิด มีการวางแผน การตั้งเป้าหมายให้กับชีวิต มีความอดทนรอในสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เราต้องมีความกตัญญู ไม่ลืมตน หาสิ่งใหม่ๆให้กับชีวิต ใฝ่หาความรู้และสิ่งที่สำคัญต้องมีสติในการทำทุกขั้นตอน ทั้งหมดจะทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จได้
เราต้องทำตัวให้เหมือนเป็ด เพราะเป็ดทำอะไรได้หลากหลายอย่าง ไม่ว่าจะเดิน ลอยน้ำ หรือบิน เป็ดก็สามารถทำได้ เปรียบเหมือนกับคนเรา ต้องมีความสามารถหลากหลายด้าน ต้องมีการปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ให้ได้อย่างดี และมีประสิทธิภาพ


สรุปโดย กาญจนา ดวงแก้ว ผลงานเขียนหนังสือ 100 คนคิด 10 คนทำ 1 คน ของ พรหมมาตร์ ชายสิม