การแต่งห้องเล็ก

9 วิธีแต่งห้องเล็กให้กิ๊บเก๋

คำว่ากิ๊บเก๋ ที่จริงแล้วน่าจะเป็นคำว่ากิมมิกเล็กๆ ที่ใช้ในการแต่งห้อง เพราะเราเชื่อว่ามาถึงวันนี้สำหรับคนรักบ้าน เรื่องแนวการแต่งบ้านหลักๆ อย่างโทนสี เฟอร์นิเจอร์

น่าจะเรียกได้ว่าโทนหลักลงตัวเข้ากันได้เป็นอย่างดี พอหมดหน้าที่ของอินทีเรียดีไซน์หลัก ที่เหลือก็คือ เจ้าของบ้านก็ได้เวลาเอาข้าวของเครื่องใช้จับๆ วางๆ ให้เป็นระเบียบ และนี่ก็คือเวลาที่เหมาะที่สุดสำหรับการใช้ความกิ๊บเก๋ เรียกอารมณ์ขันให้กับบ้านของเราแล้ว และต่อไปนี้คือความภูมิใจนำเสนอไอเท็มและแนวแต่งบ้านกิ๊บเก๋ ที่เรารวบรวมมาแนะนำกันในวันนี้

โปร่ง โล่ง สบาย

ก่อนอื่นจะไปแต่งห้องให้สวยเราก็ต้องทำห้องให้เรียบร้อยเสียก่อน อันที่จริงแล้วข้อนี้เราไม่จำเป็นต้องแนะนำเลยก็ได้ เพราะทุกคนต้องการความโล่ง สะอาดตา สามารถจัดได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว แต่ข้อแนะนำที่เราอยากบอกเล็กๆ น้อยๆ ก็มีอยู่ว่า ทุกอย่างที่อยู่ในห้องกวาดลงกล่องให้หมด เหลือแต่เฟอร์นิเจอร์ เพียงปัดฝุ่นจัดวางใหม่ให้เรียบร้อย แล้วคุณจะมองเห็นอะไรบ้างอย่างในห้องอย่างที่ไม่เคยเห็น แล้วเวลานั้นค่อยนำสิ่งที่กวาดลงกล่องมาจับวางเพียงชิ้นสองชิ้น จะทำให้เรารู้ว่าสิ่งไหนคือขยะและสิ่งไหนคือของแต่งบ้าน

ตู้บิลด์อิน

ตู้เสื้อผ้าแบบบิลด์อินคงเป็นของแสลงสำหรับนักแต่งบ้านสไตล์คลาสสิกและคอนเทมโพรารีเป็นอย่างยิ่ง ไม่เป็นไรหากคุณมีบ้านเนื้อที่ 4 ไร่ แต่สำหรับคนที่มีเนื้อที่บ้านไม่พอเก็บไม้กอล์ฟ 4 ชุด ของเล่นสะสมที่ไม่อยากให้ภรรยารู้ เรายังคงแนะนำว่าบิลด์อินคือคำตอบที่ดีที่สุด ลองนึกดูสิว่าสิ่งที่ดูเหมือนผนังธรรมดา สามารถกดเลื่อนเปิดเป็นตู้เก็บสารพัดรองเท้าและของใช้รกๆ ของคุณได้เป็นอย่างดี

แน่นอนของเล่นสะสมของคุณผู้ชายก็เป็นหนึ่งในนั้น นอกจากดูเท่มีลูกเล่นกับผนังแล้ว ยังช่วยให้บ้านของเราดูกว้างขึ้นอีกด้วย แต่ก่อนทำแนะนำซื้อทริปเที่ยวต่างประเทศให้ภรรยาไปกับพ่อตาแม่ยายสักทริป แล้วคุณจะทำตู้เก็บของรักของหวงได้สะดวกโยธินยิ่งขึ้น

ตู้จดหมายสีหวาน

ตู้จดหมายเป็นสิ่งแสดงการติดต่อสื่อสาร และการรอคอยในภาพยนตร์หลายๆ เรื่อง ลองนำตู้จดหมายมาพ่นสีใหม่แบบสีพาสเทลหวาน ที่บอกถึงความโรแมนติก การผจญภัย และจินตนาการสุดโลกของคุณไว้ในตู้จดหมาย เชื่อเถอะว่าใครผ่านไปผ่านมาก็ต้องมองด้วยรอยยิ้มอย่างแน่นอน

แมวหัวบันได

นี่คือของแต่งบ้านยอดนิยมในยุค 80 แมวหัวกระได ทำไมต้องหัวกระไดไม่มีใครตอบได้ แล้วทำไมต้องเป็นแมวก็ไม่รู้ (สงสัยคนคิดคนแรกจะเบื่อสิงห์เฝ้าบันได ก็เลยเปลี่ยนเป็นแมวหรือเปล่า) เรารู้แต่เพียงว่ามันน่ารัก และเดี๋ยวนี้แมวก็ไม่ได้อยู่หัวกระไดที่เดียวแล้ว แมวอยู่ในทุกๆ ที่ที่เจ้าของอยากให้อยู่ บนชั้นวางของ ชั้นหนังสือ ริมสระน้ำ (เอาไว้แกล้งปลา) หรืออยู่ในใจคุณ (อูย...นั่นชื่อน้องแมว) แล้วก็ไม่ได้มีแต่แมวเพียงอย่างเดียว ยังมีสุนัข ไก่ และกบ ในอิริยาบถต่างๆ วางขายทั่วจตุจักร ลองซื้อมาแต่งบ้านดู เชื่อเถอะว่าไม่ผิดหวังสำหรับกิมมิกเล็กๆ ชิ้นนี้

หนังสือแต่งบ้าน

ยานอนหลับและยากล่อมประสาทขนานแรงที่สุดเท่าที่มีในบ้าน ระดับความแรงของยาและฤทธิ์ที่ออกขึ้นอยู่กับประเภทของหนังสือ ถ้าเป็นหนังสือตำราเรียน แค่เห็นตัวเลขบทที่ 1 เราก็หลับได้ ส่วนนิยายเรื่องโปรดจะออกฤทธิ์กล่อมประสาทว่าเราเป็นเจมส์ บอนด์ ออกล่า แวมไพร์ ทไวไลต์ โชว์ แทน อย่างไรก็ดีหนังสือนอกจากมีคุณเสริมความรู้แล้ว ยังให้คุณในการแต่งบ้าน เสริมภูมิให้เจ้าของบ้านดูดีในสายตาแขกผู้มาเยี่ยมเยือน ลองคุณไม่มีหนังสือในบ้านสักเล่มสิ แขกรับเชิญจะได้คิดว่า บ้านนี้ไม่อ่านหนังสือหนังหาบ้างเลยหรือไร

เฟอร์นิเจอร์อเนกประสงค์

สิ่งที่ทำได้มากกว่า 1 มักจะได้รับคำชมและความนิยมเสมอ เฟอร์นิเจอร์อเนกประสงค์ที่เป็นได้มากกว่า 1 อย่างโซฟาสามารถปรับเอนเป็นที่นอน สตูลวางเท้าใช้เป็นที่เก็บของได้ สิ่งเหล่านี้เหมาะสำหรับไลฟ์สไตล์คนเมืองที่ต้องการความอเนกประสงค์ในพื้นที่จำกัด ลองหาซื้อเฟอร์นิเจอร์แบบนี้ไว้ใช้งาน และเราจะรู้สึกชีวิตมีลูกเล่นอีกเพียบ

บ้านนก

เอาละเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากนกกระจิบมาทำรังที่หน้าต่างห้องนอน ก็เลยนึกขึ้นได้ว่านกเป็นสิ่งบ่งชี้ความสมบูรณ์ของป่าและธรรมชาติ หากเรามีนกอยู่ในบริเวณบ้าน ก็น่าจะช่วยเพิ่มความเป็นธรรมชาติให้กับตัวบ้านได้มากขึ้น ระวังเรื่องหวัดนกให้ดีๆ ก็พอ

บ้านนก

ภาพเล่าเรื่องราว

เราทุกคนต่างมีเรื่องราวการเดินทางของตัวเองเสมอ และภาพคือสิ่งที่เล่าเรื่องราวเหล่านี้ได้ดีที่สุด ลองนำภาพการเดินทางท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ ของคุณติดไว้ตามที่ต่างๆ ของบ้าน ไล่เรื่องราวตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบัน จะทำให้แขกทุกคนรู้จักความเป็นตัวตนของคุณมากยิ่งขึ้น แล้วอย่าลืมปล่อยภาพหลุดออกมาบ้างละ อย่างภาพสวีตริมสระน้ำหลังบ้าน หรือภาพเปิ่นๆ จะช่วยทำให้ภาพลักษณ์ของเราดูเป็นธรรมชาติน่าคบหามากขึ้น

แต่งบ้านสไตล์ญี่ปุ่น

รู้นะว่าทุกคนมีคำถามก็คือ ทำไมต้องสไตล์ญี่ปุ่น ทำไมไม่เป็นแบบไทย ก็แบบไทยน่ะหาแต่งยาก แล้วรบกวนสไตล์แต่งโทนหลักของบ้านอย่างรุนแรง ส่วนสไตล์ยุโรปก็ราคาแพง ดังนั้นแนวเอเชียอย่างจีน หรือ ญี่ปุ่น น่าจะเหมาะสำหรับการแต่งบ้านในยุคปัจจุบัน เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นแนวการแต่งบ้านในพื้นที่เล็ก รวมทั้งมีราคาไม่แพงอีกด้วย

แล้วอะไรล่ะที่เรียกว่าการแต่งสไตล์ญี่ปุ่น ลองหาซื้อของแต่งบ้านที่ร้าน 60 บาทดูสิรับรองมีครบ สิ่งสำคัญของสไตล์ญี่ปุ่นก็คือเน้นน้อยชิ้น และเคลื่อนย้ายได้ง่าย และที่ขาดไม่ได้คือไม้ไผ่

ทั้งหมดนี้ก็คือ 9 แบบ 9 สไตล์ที่เป็นกิมมิกเล็กๆ ในการแต่งบ้านให้กิ๊บเก๋ เป็นสีสันที่บ่งบอกความเป็นตัวของตัวเอง อย่างที่ใครก็ออกแบบให้คุณไม่ได้