ต่อมหมวกไต วิธีกระตุ้นต่อมหมวกไต

ต่อมหมวกไตล้า"โรคที่ทำให้ผู้บริหารแก่เร็ว

เมื่อพูดถึงความเครียดนั้นทุกคนก็ทราบดีอยู่แล้วว่า มันส่งผลในทางลบ ต่อสุขภาพ เป็นแน่ ยิ่งยุคนี้มีแต่ข่าว ของขึ้นราคา ปาหิน กินน็อตหลวง แต่จะว่าไปความ เครียดนี้ ถ้าไม่เห็นชัดเจนก็จะแค่ "รู้" ไปแกนๆเท่านั้น ไม่อยากจะนำพาป้องกัน แต่อย่างใด แต่ที่จริงแล้วผลอย่างเป็นรูปธรรมของความเครียดสามารถเห็นได้ จากชิ้นเนื้อรูปสามเหลี่ยมเล็กๆที่หุ้มขั้วบนของไตอยู่ เหมือนหมวกของชาว กรีกฟรีเจียน อวัยวะนี้จึงมีชื่อ น่ารักว่าต่อมหมวกไตไงครับ อันว่าต่อมหมวกไตนี้ดูแลเกี่ยวกับ สิ่งสำคัญที่สุดที่ลึกๆทุกคน ต้องปรารถนา จะมีนั่นคือ "ความหนุ่มสาว" ครับ มันทำหน้าที่คุมไม่ให้คุณแก่เร็วด้วยฮอร์โมนสำคัญชื่อ "ดีเอชอีเอ (DHEA)" อันฮอร์โมนดีเอชอีเอนี้มีความสำคัญในฐานะเป็น "แม่"ของฮอร์โมนเพศอื่นๆในร่างกายครับ

หาได้ลามปามเรียกแม่นับญาติเล่นไปไร้ความหมาย ด้วยว่าตัวมันจะเปลี่ยนไปเป็น ฮอร์โมนเพศของทั้งหญิงและชาย ก็แปลว่า มนุษย์เราทุกคนนั้น โดยปกติก็มี ฮอร์โมนเพศทั้งสองแบบอยู่ในตัวอยู่แล้ว โดย ที่ไม่จำเป็นต้องเกิดจาก การตัดอัณฑะ หรือฉีดฮอร์โมนแต่เพียงอย่างเดียวจึงจะมีฮอร์โมนเพศหญิงได้ ปกติก็มีอยู่แล้วครับ แต่ที่ไม่เกิดอาการ "สาว" ขึ้นมาจำพวกมีหน้าอกหน้าใจ, มีสะโพกผาย ผิวนวลเนียนก็ด้วยว่ามีฤทธิ์แรงของฮอร์โมนเพศชายเทสโทสเตอโรนคอยคานอำนาจอยู่

แต่อย่างไรก็ดีฮอร์โมนทั้งสองค่ายนี้ล้วน สร้างมาจากแม่คนเดียวกันนั่นคือ "ดีเอชอีเอ(DHEA)" ครับ แล้วแม่คนนี้สร้างมาจากไหน? คำตอบคือต่อมหมวกไตซึ่งเป็นเนื้อเยื่อชิ้นเล็กๆวางแปะอยู่บนไตทั้งสองข้างเรานี่เอง โดยต่อมนี้ก็อยู่ในกฎไตรลักษณ์เช่นเดียวกับอวัยวะอื่นๆครับ คือไม่อยู่ยั้งยืนยงตลอดชีวิต แต่จะค่อยๆฝ่อเสื่อมไปเรื่อยลดการสร้างฮอร์โมนอันจำเป็น สำหรับการดำรงความเป็นหนุ่มสาวลงเรียกภาวะนี้ว่า ต่อมหมวกไตทำงานน้อยลง หรือผมชอบเรียกง่ายๆว่า "ต่อมหมวกไตล้า (Adrenal fatigue)" ทว่าจะช้าหรือเร็วนั้นขึ้นอยู่กับ การดำเนินชีวิตของเราเป็นหลักครับ พูดง่ายๆว่า แก่เร็วแก่ช้าอยู่ในมือคุณนั่นเองครับ

รูปที่ 1 ต่อมหมวกไต(Adrenal glands) แหล่งสำคัญของฮอร์โมน ควบคุมความเป็นหนุ่มสาวของร่างกาย โดยความเครียดเป็นสาเหตุ
หลักที่ทำให้ต่อมหมวกไตเสื่อมเร็ว

รูปที่ 2 กราฟเส้นแสดงการเสื่อมของต่อมหมวกไตในระยะต่างๆ เริ่มจากระดับดีเอชอีเอต่ำแต่คอร์ติซอลสูงก่อน จากนั้นเมื่ออายุมากขึ้น จะต่ำทั้งสองค่าระยะนี้คือต่อมหมวกไตหยุด ทำงานอย่างแท้จริงสาเหตุของความล้า

ตัวเราเองยังมีอยากพักบ้างเมื่อถึงวัยเกษียณ แล้วจะไปกะเกณฑ์อะไรเอากับต่อมหมวกไตเล็กๆที่ต้องทำงานอยู่ตลอดเวลาในชีวิตคุณ จะไม่ให้เขาได้หยุดพักบ้าง แต่ทีนี้เขาจะหยุดไปดื้อๆหรือ เปล่าก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณแล้วครับ แล้วมองลึกลงไปถึงเหตุในตัวเราก็คือ "ใจ" นี่เองครับที่เป็นปฐมเหตุ ต่อมหมวกไตหาได้สไตร๊ค์เล่นเปล่าๆเหมือนแท็กซี่แถวสนามบินไม่ ดังจะขอขยายให้ดูเหตุที่ทำให้ต่อมหมวกไตขี้เกียจดังนี้

* ความเครียดทางใจ อารมณ์อันเป็นอกุศลจิตทั้งหลายเช่น กลัว โกรธ รู้สึกผิด วิตกวิจารณ์ต่างๆ นานานั่นแหละครับตัวดีเลย บางท่านบอกว่าไม่เครียดๆ แต่พอถึงเวลานอนแล้วฝันเป็นวรรคเวร นั่นแหละครับคือความเครียดในจิตใต้สำนึก ที่ถูกกดไว้มันผุดขึ้นมา เมื่อสมองได้พักผ่อน ความเครียดจากเรื่องในครอบครัวและการหย่าร้างก็จัดเป็นความเครียดรุนแรงระดับต้นๆทีเดียวครับ
* ความเครียดทางกาย ได้แก่ทำงานหนักไป ออกกำลังกายแบบหักโหมบ้าพลังจนปวดกล้ามเนื้อไปทั้งตัว รวมถึงการบาดเจ็บด้วยประการต่างๆ
* สารพิษในอาหารและสิ่งแวดล้อม เช่นยาฆ่าแมลง, ยาฆ่าวัชพืช, โลหะหนักต่างๆ, ตะกั่ว, แคดเมียม, ปรอท และอีกมากที่สะสมอยู่ในร่างกายเราตั้งแต่เริ่มกินอาหารมาแล้วส่งผลต่อต่อมหมวกไตในภายหลัง
* การเจ็บป่วยเรื้อรัง เช่นเป็นโรคเบาหวานหรือไตวายเรื้อรังก็ทำให้ร่างกายเกิดความเครียดเช่นกัน ถ้ายังเป็นอยู่เรื่อยไม่หายเสียที ก็เหมือนกับ เฆี่ยนให้ต่อมหมวกไตทำงานอยู่ตลอดเวลาไม่ได้พัก ผ่อนในที่สุดก็จะเสื่อมไป

จากปัจจัยหลักๆทั้งสี่ประการนี้จะเห็นว่าสรุปรวมความแล้วก็คือ

"ความเครียด" นั่นเองไม่ว่าจะทางกายหรือใจก็ตาม ภาวะต่อมหมวกไตขี้เกียจนี้บางทีจะทำให้เรารู้สึกเพลียล้า ไม่สดชื่น นอนหลับเท่าใด ก็ไม่อิ่มได้ แต่เมื่อไปหาคุณหมอก็มักจะได้รับคำตอบว่าให้ "กลับไปพักผ่อน" ซึ่งก็ถูกอยู่ส่วนหนึ่ง เพราะไม่มีสิ่งใด ที่จะแทนการนอนให้ได้วันละ 8 ชั่วโมงได้ แต่ที่ยังไม่ได้แก้คือเรื่องต่อมหมวกไตขี้เกียจทำงานนั่นเองที่คุณหมอไม่ถือว่าเป็นสาระสำคัญ เพราะที่จริงแล้วภาวะต่อมหมวกไตล้านี้ อาจนำไปสู่ภาวะต่อมหมวกไตเลิกทำงานอย่างถาวรก็ได้ ที่เรียกว่า "โรคแอดดิสัน (Addison's disease)" ต่อมหมวกไตจะไม่สามารถสร้างฮอร์โมนมา ทำให้ร่างกายรู้สึกดีมีความปกติสุขได้ บุคคลสำคัญระดับผู้มีอิทธิพลของโลกที่ป่วยด้วยโรคนี้ก็คือ ประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคเนดี้ ซึ่งมีโรคแอดดิสัน เป็นโรคประจำตัว จำต้องได้รับการฉีดสเตียรอยด์ฮอร์โมนเสริมให้ร่างกายทดแทนที่สร้างไม่ได้อยู่เป็นประจำ
แต่ข่าวนี้ถูกปิด เพราะช่วงนั้นสงครามเย็นกำลังระอุหนักมีการแข่งขันความเป็นเลิศกันในทุกด้านและสุขภาพของผู้นำ ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น เหตุที่ทำให้ท่านประธานาธิบดีมีโรคนี้ประจำตัวก็เพราะ"ความเครียด" นั่นเอง แต่หาใช่ความเครียดจากการต้องชิงไหวพริบกับครุสชอฟไม่ แต่เป็น เหตุการณ์ที่ เรือประจัญบานของญี่ปุ่นบุกเข้าโจมตี เรือตรวจการณ์ของ นายทหารหนุ่มเคเนดี้ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ส่งผลให้ทุกชีวิตบนเรือสูญสิ้น ยกเว้น ตัวท่านเคเนดี้เอง ที่ได้เห็นเหตุการณ์อันน่าสยองนี้ จนถึงกับช็อกและนี่คือ จุดเริ่มต้นที่ทำให้ต่อมหมวกไตของท่านมีปัญหามาโดยตลอด

ผลของความเครียดต่อต่อมหมวกไต พบภาวะร่างกายแก่ก่อนวัยได้เป็นเรื่องปกติและโรคอัลไซเมอร์ในนักโทษอายุน้อย ซึ่งเหล่านี้มีผลมาจาก ความเครียดจัดทำให้เกิดภาวะต่อมหมวกไตล้าและแก่เร็ว ถึงตอนนี้เราก็ควรมาดูกันให้ดีแล้วว่า เราเป็นสมาชิกคนหนึ่งในชมรมต่อมหมวกไตชอบอู้หรือไม่ โดยอาการของต่อมหมวกไตล้า มีหลักๆอยู่ดังนี้ ได้แก่ รู้สึกเหนื่อยง่าย, ปวดเมื่อยตามตัว, หมดความรู้สึกทางเพศ, หงุดหงิดง่ายกับคนรอบข้าง, อารมณ์แปรปรวนจนบางทีซึมเศร้า, สมาธิสั้น, อยากของหวานบ่อยขึ้น ซึ่งถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่าเป็นอาการคล้ายที่คนแก่ชอบบ่นทั้งสิ้น ทำให้ถูกมองข้ามไปเสมอว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ที่จริงแล้วนั้นมันสามารถแก้ไข ปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ไม่จำเป็นต้องทนแก่กว่าวัยอยู่เช่นนั้น

ถ้าคุณไม่แน่ใจอาจลองทำแบบสอบถามต่อไปนี้ดูได้ครับ
1) คุณรู้สึกเหนื่อยง่ายขึ้น 1-5
2) คุณรู้สึกไร้เรี่ยวแรงมากกว่ากระฉับกระเฉง 1-5
3) มักถูกทักว่าดูเหมือนคนไม่ค่อยสบาย 1-5
4) คุณทำงานหนักขึ้นแต่ได้ผลงานน้อยลง 1-5
5) คุณรู้สึกระแวงหรือไม่ไว้ใจในเรื่องต่างๆ 1-5
6) คุณรู้สึกซึมเศร้าอยู่บ่อยๆ 1-5
7) คุณมักลืมการนัดหมายและลืมของส่วนตัว 1-5
8) คุณหงุดหงิดง่าย 1-5
9) คุณมีความอดกลั้นได้น้อย 1-5
10) คุณผิดหวังกับคนรอบตัวบ่อยๆ 1-5
11) คุณพบสมาชิกครอบครัวและเพื่อนน้อยลง 1-5
12) คุณรู้สึกว่าตัวเองยุ่งจนไม่สามารถทำกิจกรรมประจำวัน ได้เช่นโทรศัพท์หรือส่งการ์ดวันเกิดให้เพื่อน 1-5
13) คุณรู้สึกไม่สบายทางกายมากขึ้น(ปวดเมื่อยเนื้อตัว, ปวดศีรษะ, รู้สึกหนาวง่าย) 1-5
14) คุณเคยรู้สึกสับสนเวลาเลิกงาน 1-5
15) คุณมีอารมณ์ขันน้อยลง 1-5
16) เรื่องเซ็กส์กลายเป็น "ภาระ" สำหรับคุณ 1-5
17) คุณมีเรื่องคุยกับผู้อื่นน้อย 1-5
18) คุณรู้สึกมีสุขน้อยลง 1-5

เมื่อรวมคะแนนแล้วก็นำมาแปลผลว่าต่อมหมวกไตขี้เกียจทำงานแค่ไหนดังนี้


0-25 ต่อมหมวกไตยังทำงานแข็งขันอยุ่
26-35 ความเครียดเริ่มส่งผลต่อต่อมหมวกไตบ้างแล้ว
36-50 ต่อมหมวกไตทำงานน้อยลงชัดเจน
51-65 ต่อมหมวกไตขี้เกียจอย่างเห็นได้ชัดทำให้คุณแก่ลงอย่างรวดเร็ว
มากกว่า65 ต่อมหมวกไตขี้เกียจจนอาจทำให้สุขภาพคุณอยู่ในขั้นวิกฤติ

สรุปง่ายๆอีกทีว่าถ้าคะแนนคุณได้มากกว่า 35 ขี้นไปนั้นต้องรีบแก้ไขต่อมหมวกไตของคุณเองแล้ว ด้วยว่าถ้าปล่อยไว้มัน จะเลวร้ายลง อย่างรวดเร็ว เผลอๆปีต่อไปคะแนนของคุณอาจขึ้นเป็นทวีคูณอยู่ในขั้นวิกฤติได้ เพราะอย่างไรก็ดี ต่อมหมวกไตนี้ก็เป็นของสำคัญคุณ ไม่อาจอยู่โดยไม่มีมันได้ ด้วยว่า ตอนเช้ามันก็จะช่วยหลั่ง ฮอร์โมนคอร์ติซอล ออกมากระตุ้นให้คุณรู้สึกกระฉับกระเฉง เริ่มต้นสู้กับ วันใหม่ได้ ส่วนตอนค่ำก็หลั่งน้อยลง ทำให้ร่างกายไม่ตื่นตัวมากพร้อมที่จะพักผ่อน เป็นวงจรเช่นนี้ บางคนถ้าต่อมหมวกไตเริ่มรวน หลั่งฮอร์โมนสลับกันคือ ช่วงที่ควรจะพักผ่อนก็หลั่งฮอร์โมนกระตุ้น เสียก็จะทำให้คุณหลับไม่สนิทหรือ "ตาหลับแต่หัวยังทำงานอยู่" แต่เมื่อถึงเช้ากลับง่วงนอนเสียทรมานมากมาย การตรวจต่อมหมวกไตด้วยแบบสอบถามนี้ถือเป็นการตรวจเบื้องต้น แต่ถ้าคุณรู้สึกว่าสุขภาพเริ่มทรุดโทรมลง กว่าแต่ก่อนมากก็ควรจะได้ไปพบแพทย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์เพื่อปรึกษาเรื่องการตรวจต่อมหมวกไต โดยละเอียดต่อไป

วิธีกระตุ้นต่อมหมวกไต

มนุษย์ทุกยุคสมัยต่างก็มีความเครียด ความทุกข์เฉพาะตัวในยุคนั้น ยุคหลังสงครามโลกก็ทนทุกข์เพราะข้าวยากหมากแพง ยุคปัจจุบันมี ทุกขเวทนา กล้าเพราะข้าวแพงเช่นเดียวกัน แล้วมิหนำซ้ำยังมีโรคระบาดต่างๆนับเนื่องกันเข้ามาหลายชนิด โรคต่อมหมวกไตทำงานน้อย หรือขี้เกียจทำงานนี้ จึงถูกจัดเป็นโรคประจำศตวรรษที่ 21 อีกโรคหนึ่ง ทำให้ผู้คนแก่ตัวลงเร็วมาก ลองสังเกตดูคนรอบข้างเราสิครับ มีหลายต่อหลายท่าน ที่เสียชีวิตด้วยโรคร้ายอย่างมะเร็งในวัยที่ยังเด็กอย่างน่าตกใจ นักร้องเดอะสตาร์ก็เสียชีวิตจาก มะเร็งตั้งแต่อายุยังไม่เต็มยี่สิบดี หรือนักร้องลูกทุ่งเสียงทองก็ป่วยเป็นมะเร็งตับทั้งที่ยังน่าจะได้ร้องเพลงขับกล่อมคนต่อไปได้อีกนาน เหล่านี้ล้วนมีปัจจัยจาก ความเครียดและต่อมหมวกไตทั้งสิ้นครับ เนื่องจากเมื่อต่อมหมวกไตขี้เกียจแล้วนั้นก็จะทำให้ภูมิคุ้มกัน ร่างกายอ่อนแอลง ร่างกายจะมีสภาพพร้อมเป็นรังของโรค ไม่ว่าจะโรคติดเชื้อหรือมะเร็งพอเข้ามาแหย่นิดหน่อย ร่างกายเราก็ปล่อยให้โดดแผล็วผ่าน ต.ม. เข้ามาเลยโดยไม่มีการ ตรวจพาสปอร์ต ทำให้เรากลายสภาพเป็นคนอมโรคง่าย เผลอแผล็บเดียวก็นั่งแก่หง่อมอมทุกข์แล้ว ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้วิธีแก้อย่างมีประสิทธิภาพครับ เริ่มตั้งแต่

1. แก้ที่ต้นเหตุคือ "ความเครียด" อันเป็นมหาปัจจามิตรของต่อมหมวกไต ความรู้สึกอันเป็น ความเครียดนี้ก็ได้แก่ ความโกรธ, กลัว, เสียใจ, กังวลใจ ดังที่ทางพระเรียกว่ามี ทุกข์ โศกะ ปริเทวะ อุปายาสะ ต่างๆนี้เกิดขึ้น ซึ่งก็เกิดขึ้นได้โดยเมื่อมีสิ่งมากระทบ เกิดเวทนาว่า เป็นสุขหรือทุกข์ปรุงแต่ง ให้กลายเป็นตัณหาอุปาทาน เกิดความยึดมั่นถือมั่นคือ เมื่อยึดมั่นว่ามีตัวตนก็เกิดทุกข์ ทำให้เครียดขึ้นมา ดังนั้นวิธีแก้เครียดนี้ที่ง่ายสุดคือ ต้องทำให้ไม่ เกิดเวทนาคือรู้สึกสุขทุกข์ขึ้นมาเมื่อมีสิ่งพึงใจหรือไม่พึงใจมากระทบ โดยใช้วิธีปิดประตู
ไม่รับรู้เช่นปิดตาหรือปิดหู ก็จะพอช่วยให้พ้นทุกข์ได้ชั่วคราว แต่ถ้าจะให้ดีฝึกไปนานๆจะ ทำให้รู้จัก "ปิดใจ" ได้อันเป็นที่สุดของ การแก้เครียดครับ
2. อย่าขาดอาหาร ข้อนี้คงไม่ได้เกิดจากภาวะข้าวยากหมากแพงในตอนนี้ จนต้องให้ประชาชน ลดการกินหมูกินข้าวกันก่อนนะครับ หากแต่หมายถึงว่ าอย่าทำงานเพลินจนลืมกินอาหารบางมื้อไปเสีย เพราะเวลาคุณหิวนั้นน้ำตาลในกระแสเลือดจะตกลง นั่นหมายถึงความเครียด อย่างหนึ่งและจะไปกระตุ้นต่อมหมวกไตให้ทำงานสร้างสารทุกข์ออกมา ทำให้คุณมึนศีรษะและยิ่งเหนื่อยหิวหนักขึ้น
3. แบ่งอาหารออกรับประทานเป็นมื้อย่อยๆ แทนที่จะกินเป็นมื้อใหญ่สามมื้อ อาจซอยออกเป็น 5-6 มื้อได้ เพื่อเป็นการเกลี่ย ระดับน้ำตาล ในเลือด ให้ไม่สูงปรูดปราดเหมือนเวลารับประทานอาหารมื้อหนัก
4. กินโปรตีนในทุกมื้ออาหารโดยเฉพาะโปรตีนที่ย่อยง่ายเช่นไข่ขาว, เนื้อปลาหรือเต้าหู้
5. เปลี่ยนอาหารคาร์โบไฮเดรตขัดขาวให้เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง, ข้าวซ้อมมือ , ธัญพืช, ข้าวโอ๊ต หรือขนมปังก็เปลี่ยนให้เป็น แบบโฮลวีตเสียบ้าง
6. งดเครื่องดื่มที่ไปกระตุ้นต่อมหมวกไต ให้ทำงานหนักจนเกินไปโดยเฉพาะคาเฟอีน, น้ำอัดลมที่ มีคาเฟอีน เพราะที่จริงคาเฟอีนไม่ได้ ช่วยกระตุ้นร่างกายมาก แต่ฤทธิ์ของมันคล้ายกับหลอก ร่างกายให้คิดว่ามีพลังอยู่ ยังสู้ไหว เพราะมันไปทำให้ตัวใจเต้นเร็ว แต่หลังจากฤทธิ์หมด คุณจะ รู้สึกเหนื่อยขึ้น และคาเฟอีนยังไปลดระดับวิตามินบีในร่างกายลงด้วย
7. ออกกำลังกายแบบที่มีจุดประสงค์ เพื่อผ่อนคลาย เช่น เดินชมสวน, โยคะ, ฝึกหายใจ, ทำสมาธิหรือยืดกาย ให้เลี่ยงการออกกำลังกา ยแบบหนัก และต่อเนื่องเช่นวิ่งแบบต่อเนื่องกันครึ่งชั่วโมงเป็นต้น
8. เลี่ยงเครื่องดื่มอัลกอฮอล์, อาหารแปรรูปทั้งหลายและบุหรี่ เนื่องจากนิโคตินในบุหรี่จะไปเพิ่ม ระดับสารทุกข์คอร์ติซอล จากต่อมหมวกไต และการสูบนานๆ จะส่งผลให้ระดับดีเอชอีเอและฮอร์โมนเพศเทสโทสเตอโรนกับโปรเจสเตอโรนต่ำลง
9. รับประทานอาหารเสริม ที่ช่วยบำรุงต่อมหมวกไต ดังนี้
1. วิตามินซี 1,000-3,000 มิลลิกรัมต่อวัน
2. แอล-ธีอะนิน 100-400 มิลลิกรัมต่อวัน
3. กรดแพนโธเทนิก(วิตามินบี 5) 300 มิลลิกรรัมต่อวัน
4. ชะเอมเทศ(Licorice) โดยให้ได้สารกลีเซอไรซินไม่เกน 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน

ด้วยสภาพบีบคั้นของสังคมปัจจุบันทำให้เราต้องทำกิจกรรมต่างๆอย่างรีบเร่งไปเสียหมด แต่ในบางคราวการรีบ โดยปราศจากสติ ก็อาจทำให้ยิ่งช้าลงดังเช่นชาวอเมริกันที่รีบเร่งสร้างความเจริญกันเสียจน ลืมนึกถึงจิตใจ เผลอแผล็บเดียวเครียดจนต่อมหมวกไตล้ากันไปถึง 80% ของประชากรแล้ว (Wilson,James, Adrenal Fatigue: The 21st Century Stress Syndrome) ซึ่งพระเจ้าอยู่หัวของเราท่านทรงมีพระปรีชาญาณเป็นหนักหนาเพราะทรงรู้สัจธรรมว่ายิ่งมนุษย์ เราเจริญทางวัตถุมากเท่าใด ความสำคัญของจิตใจก็มักจะถูกหลงลืมไปมาก จึงมีผู้ที่มีปัญหาความเครียดมากขึ้น เป็นเงาตามตัว ในสังคมที่พัฒนาทางวัตถุเต็มที่แล้ว จึงทรงเน้นย้ำในจุดเรื่องของความสุขทางใจเสมอ ดังในคราวที่พระเจ้าอยู่หัวของเรา เสด็จเยือนประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการเมื่อ พ.ศ. 2503 ได้พระราชทานสัมภาษณ์นักข่าวคนหนึ่งถึงสิ่งที่ทรงอยากฝากถึง ชาวอเมริกันว่า "คนอเมริกันดูช่างรีบร้อนกันเหลือเกิน ถ้าหากจะ GO SLOW จะทำให้มีความสุขยิ่งกว่านี้ ..." คำว่า "โก สโลว์" นี้เองที่เป็นพระปรีชาญาณของพระองค์ท่าน ที่ทรงมองทะลุปรุโปร่งไปถึงนิสัยและความเป็นอยู่ของฝรั่งชาติอเมริกัน ซึ่งในปัจจุบันนี้ประเทศไทยเราก็ก้าวมาถึงจุดนั้นแล้วคือจุดที่ถือวัตถุเป็นหลัก ทุนนิยมเป็นเจ้าเรือนแต่ในสังคม มีผู้คนป่วยทางจิตกันเยอะขึ้น ังนั้นพระราชดำรัสนี้ถ้าฝรั่งหรือคนไทยท่านใดฟังแล้วคิดตามก็จะรู้ว่าลึกซึ้งยิ่งนัก ยิ่งถ้าปฏิบัติตามแนว "โกสโลว์"นี้ได้นั้นเราก็จะไม่ต้องก้าวซ้ำรอยเท้าอเมริกันไปสู่ความสำเร็จในทางวัตถุทั้งหลายแต่ผู้คนกลับ ป่วยเป็นโรคแก่กว่าวัย จากต่อมหมวกไตเสื่อมกันเกือบทั้งประเทศเช่นนี้