กรดอะมิโน
- Tab 1
- Tab 2
- Tab 3
- Tab 4
ความรู้เรื่อง อะมิโนแอซิด
หน้าที่ของกรดอะมิโน
กรดอะมิโนเป็นหน่วยทางเคมี หรือเป็นรูปแบบเพื่อนำไปสร้างโปรตีน โปรตีนไม่สามารถถูกสร้าง หรือคงอยู่ได้ โดยปราศจาก การรวมตัวกัน ของกรดอะมิโน ฉะนั้นเพื่อให้เข้าใจว่ากรดอะมิโนนั้นสำคัญอย่างไร คุณต้องเข้าใจก่อนว่า โปรตีนนั้นสำคัญอย่างไร ต่อการดำรงชีวิต
โปรตีนเป็นส่วนประกอบของทุกโครงสร้างและของทุกสิ่งมีชีวิต อวัยวะที่เล็กที่สุดจนถึงใหญ่ที่สุดของสิ่งมีชีวิต ทุกชนิด จะประกอบด้วย โปรตีนในหลายรูปแบบ โปรตีนจึงเป็นส่วนประกอบทางเคมี ที่จำเป็นที่ทำให้เรา ดำรงชีพอยู่ได้ ในร่างกายมนุษย์ โปรตีนเป็นตัวสร้างกล้ามเนื้อ ,กระดูก ,ผิวหนัง ,เลือด ,เอ็น ,อวัยวะ ,ต่อม ,ผม ,เล็บ ,เอนไซม์ ,ฮอร์โมน ,แอนติบอดี (ภูมิคุ้มกัน) และของเหลวต่างๆในร่างกาย (ยกเว้นน้ำดีและปัสสาวะ)
โปรตีนเป็นส่วนประกอบที่จำเป็นสำหรับการเติบโตของกระดูก เอนไซม์ ฮอร์โมน และยีน ซึ่งนอกจากน้ำแล้ว โปรตีนก็เป็นส่วนประกอบหลักของ ร่างกาย ถึง 20% ของน้ำหนักตัว ฉะนั้นโปรตีน จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ต่อการมีร่างกายแข็งแรง และมีสุขภาพดี เพราะโปรตีนจะทำ หน้าที่สร้างเนื้อเยื่อของร่างกาย ซ่อมแซมและบำรุงรักษา เพื่อยืดอายุเนื้อเยื่อของร่างกาย ส่วนอาหารอื่นๆเพียงทำหน้าที่สนับสนุนเท่านั้น โปรตีนจำเป็นสำหรับการสร้างกระดูก เซลล์เม็ดเลือดแดง และภูมิต้านทานโรค และทำหน้าที่เป็นตัวนำออกซิเจนไปใช้ในร่างกายอีกด้วย
เพื่อให้ได้โปรตีนที่สมบูรณ์ กรดอะมิโนเฉพาะอย่างจะต้องประกอบตัวกันได้ดี ซึ่งกรดอะมิโน สามารถเรียงต่อกัน ในรูปแบบต่างๆเป็น โปรตีนได้ถึง 50,000 ชนิดที่แตกต่างกัน และ 20,000 ชนิดเป็นเอนไซม์ โปรตีนแต่ละชนิดเกิดจากการประกอบกัน ของกรดอะมิโน ที่แตกต่างกันจำนวนมาก เชื่อมต่อกันเพื่อนำมาใช้ตามความจำเป็นเฉพาะแบบ ซึ่งไม่สามารถแลกเปลี่ยนกันได้ และกรดอะมิโน มีส่วนประกอบ ของไนโตรเจนถึง 16% จึงแตกต่างจากคาร์โบไฮเดรต และไขมันในร่างกาย เมื่อรับประทานอาหารจำพวกโปรตีนเช่นเนื้อสัตว์ ร่างกายต้อง ย่อยโปรตีน ให้เป็นกรดอะมิโนอิสระ หรืออีกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า กรดอะมิโนเดี่ยว (Amino Acid) ก่อนดูดซึมเข้าไปในเซลล์เพื่อสร้างโปรตีนที่ต้องการ
โปรตีนประกอบด้วยกรดอะมิโน 22 ชนิดในอัตราส่วนที่พอเหมาะพอดี คุณภาพของโปรตีนในอาหารขึ้นอยู่กับ อัตราส่วนของกรดอะมิโน ที่มีอยู่ในโปรตีนนั้น อัตราส่วนของกรดอะมิโน ที่ดีที่สุดสำหรับร่างกายมนุษย์ ได้แก่ น้ำนมมารดา (ให้คุณค่าสูงสุดเต็ม 100) ไข่ไก่ทั้งฟอง (94) นมวัว (85) เนื้อสัตว์ปีกและปลา (อยู่ระหว่าง 86 - 76) กรดอะมิโน 22 ชนิดที่เป็นที่รู้จัก ซึ่งจะประกอบกันเป็นโปรตีน อีกหลายร้อยหลายพันชนิดในสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ในร่างกายมนุษย์สามารถผลิตกรดอะมิโนได้ 80% ตามที่ร่างกายต้องการได้ โดยเมื่อร่างกายได้รับกรดอะมิโนที่จำเป็นอย่างครบถ้วน ซึ่งเราเรียกกรดอะมิโนที่ร่างกายผลิตเองได้นี้ว่า กรดอะมิโนที่ไม่จำเป็น (Nonessential Amino Acids) ซึ่งได้แก่ Alanine ,Arginine ,Aspartic Acid ,Asparagine ,Cystine ,Glutamine ,Glycine ,Proline ,Serine and Tyrosine
ส่วนอีก 20% จะต้องได้รับจากการรับประทานอาหาร เพราะร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ ซึ่งเรียกว่า อะมิโนที่จำเป็น (Essential Amino Acids) ซึ่งมีด้วยกัน 9 ชนิด ได้แก่ Histidine ,lsoleucine ,Leucine ,Lysine ,Methionine ,Phenylalanine ,Threonine Tryptophan and Valine กรดอะมิโนเหล่านี้ ส่วนใหญ่มีอยู่ในอาหารจำพวกเนื้อวัว เนื้อไก่ ปลา นม เนย และไข่ มีคนไม่น้อยคิดว่าการรับประทานอาหารอย่างอุดมสมบูรณ์ก็จะได้โปรตีนอย่างครบถ้วน ข้อสันนิษฐานนี้ไม่ถูกต้องเสียทีเดียว เพราะโปรตีนในอาหารจะสูญเสียไปเมื่อผ่านขบวนการต่างๆเช่น การใช้ความร้อน การแช่แข็ง การตากแห้ง การเพิ่มสารเคมีต่างๆ อาหารยิ่งผ่านกรรมวิธีการผลิตมาเท่าไรก็ยิ่งสูญเสียโปรตีนมากเท่านั้น
กรดอะมิโนส่วนใหญ่ (รวมทั้งไกลลีน) สามารถปรากฏในรูปแบบที่เป็นเหมือนภาพในกระจกของอีกอันหนึ่ง ที่เรียกว่า D - และ L - series เป็นกรดอะมิโนในรูปแบบธรรมชาติ ที่พบในสิ่งมีชีวิตต่างๆ ยกเว้น Phenylalanine กระบวนการประกอบของกรดอะมิโนเป็นโปรตีน หรือแยกโปรตีนเป็นกรดอะมิโนเดียวเพื่อถูกนำไปใช้ในร่างกาย เป็นกระบวนการที่ต่อเนื่อง เมื่อเราต้องการโปรตีนเอนไซม์มากๆ ร่างกายจะผลิตโปรตีน เอนไซม์ เมื่อเราต้องการสร้างเซลล์ ร่างกายก็จะผลิตโปรตีนเพื่อสร้างเซลล์ ร่างกายจะผลิตโปรตีนต่างๆ ที่ร่างกายต้องการขึ้นมาจากกรดอะมิโนที่จำเป็น และร่างกายจะไม่สามารถผลิตโปรตีนต่างๆออกมาได้ หากขาดกรดอะมิโนที่จำเป็นตัวใดตัวหนึ่งซึ่งนำไปสู่ปัญหาทางสุขภาพมากมาย
หากปราศจากกรดอะมิโน ระบบประสาทที่ทำหน้าที่เสมือนการส่งผ่านสัญญาณส่วนมากไม่สามารถทำหน้าที่ได้ (เป็นสิ่งสำคัญของสมอง เพื่อรับ - ส่งข้อมูล) ถ้าขาดกรดอะมิโน อาจก่อให้เกิดความผิดพลาดในการส่งข้อมูลข่าวสาร การได้รับโปรตีนปริมาณสูงจะช่วยเพิ่มความว่องไวของสมองได้ชั่วคราว ในส่วนอื่นๆ สำหรับสารอาหารที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ กรดอะมิโนช่วยให้วิตามิน และเกลือแร่ ทำหน้าที่ได้สมบูรณ์เต็มที่ และช่วยให้ถูกดูดซึมไปใช้ได้ง่ายและมีประสิทธิภาพ
ความสำคัญของโปรตีน
- ให้ความเจริญเติบโต และรักษาสุขภาพให้แข็งแรง กระตุ้นการหลั่ง GROWTH HORMONE (ฮอร์โมนที่ใช้ในการเติบโตของมนุษย์)
- ซ่อมแซมเนื้อเยื่อส่วนที่สึกหรอ ทำให้กล้ามเนื้อ เอ็น กระชับและแข็งแรงขึ้น ลดไขมันที่สะสมในร่างกาย ปรับสมดุลของไนโตรเจน เพื่อเพิ่มพละกำลังให้ดีขึ้น
- ช่วยสร้างความต้านทานโรค (Anti - Body)
- .เป็นส่วนประกอบสำคัญชองเซลล์เนื้อเยื่อ และสร้างสารเซลล์ต่างๆ ที่เป็นของเหลวในร่างกาย รวมทั้งฮอร์โมน
- .เป็นแหล่งพลังงานเมื่อร่างกายขาดคาร์โบไฮเดรต และไขมัน
การสลายของโปรตีนในร่างกาย โดยปกติ แบ่งออกได้ดังนี้
โปรตีนในกล้ามเนื้อ มีการสลายตัวภายใน 180 วัน
โปรตีนในตับสลายตัวทุก 10 วัน
โปรตีนในเยื่อบุลำไส้มีการสลายตัวทุกวัน
โปรตีนในฮอร์โมน อินซูลิน มีอายุ 6.5 - 9.0 นาที
การบริโภคโปรตีน/กรดอะมิโน ที่เกิดประโยชน์เต็มที่ต่อร่างกาย ควรเลือกอาหารที่มีกรดอะมิโนอิสระ สามารถดูดซึมได้เร็วไม่ต้องย่อยอีก โปรตีนในร่างกายไม่ได้อยู่ในสภาวะคงที่ มีการปรับปรุงตลอดเวลา ทั้งเสริมสร้าง/ย่อยสลาย ร่างกายจะสร้างโปรตีนใหม่ๆทดแทนตลอดเวลา จนกว่าร่างกายจะขาดกรดอะมิโน
สาเหตุของการขาดโปรตีน
- ขาดการออกกำลังกาย ซึ่งจะทำให้การทำงานของกระเพาะอาหารและลำไส้ลดลง อาหารจะย่อยยาก การดูดซึมโปรตีนลดลง
- ความเครียด ทำให้เกิดการสลายและสูญเสียโปรตีนมากกว่าปกติ
- เบื่ออาหารหรือไม่มีเวลารับประทานอาหาร ทำให้เสียสมดุลของอาหารที่ให้พลังงาน โปรตีนที่สะสมไว้จะถูกนำมาใช้งานมากกว่าปกติ
- การตรากตรำทำงานหนัก หรือขาดการพักผ่อน ทำให้ร่างกายสึกหรอมากกว่าปกติ
- นักกีฬาที่ฝึกซ้อมหนัก ทำให้โปรตีนของเซลล์กล้ามเนื้อถูกทำลายมากขึ้น
อาการของคนที่ขาดโปรตีน
อ่อนเพลีย ,เหนื่อยง่าย ,ขาดความกระปรี้กระเปร่า ,สมองไม่แจ่มใส ,คำจำลดน้อยลง ,ร่างกายทรุดโทรม ,น้ำหนักลดลง ,ความต้านทานโรคต่ำ ,แผลหายช้า ,ระบบประสาททำงานผิดปกติ
โปรตีนจำเป็นสำหรับใคร?
สำหรับร่างกายมนุษย์ที่เติบโตเต็มที่แล้ว ความต้องการโปรตีนตามมาตรฐานทั่วไปที่ถือว่าเหมาะสมคือ ต้องการโปรตีนวันละประมาณ 1 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม (หมายถึงโปรตีน 1 กรัมนะครับ ไม่ใช่อะมิโน 1 กรัม เพราะในโปรตีน 1 กรัมนั้น อาจมีอะมิโนแค่ 0.05 กรัม เท่านั้น - webmaster)โดยเฉพาะกลุ่มคนต่อไปนี้ เป็นกลุ่มคนที่ต้องการโปรตีนที่มีคุณภาพสูงอย่างครบถ้วน
- .ผู้ที่คร่ำเคร่งกับงาน หรือนักเรียน นักศึกษา
ความตึงเครียดทางจิตใจและสมอง ทำให้ร่างกายมีการหลั่งสาร อีฟิเนฟริน (EPINEPHRINE) เพิ่มมากขึ้น มีผลทำให้เกิดการสูญเสียโปรตีนมากขึ้น จึงจำเป็นต้องได้รับโปรตีนสูงกว่าปกติ เพื่อให้ร่างกายไม่อ่อนเพลีย และจะทำให้สดชื่น - .นักกีฬา หรือผู้ที่ชอบออกกำลังกาย
เนื่องจากกล้ามเนื้อถูกใช้งานอย่างหนัก และมีการใช้พลังงานจำนวนมาก จึงต้องการโปรตีนสูงกว่าปกติ เพื่อให้พลังงาน และเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงอยู่เสมอ - .ผู้สูงอายุ
ระบบการย่อยอาหาร และระบบทางเดินอาหารเสื่อมสมรรถภาพ ประกอบกับ การสึกหรอของฟัน ทำให้การบดเคี้ยวอาหารไม่ดีพอ ร่างกายไม่สามารถดูดซึมสารอาหารไปใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ โปรตีนสำหรับผู้สูงอายุจึงควรเป็นโปรตีน ที่ย่อยง่าย และมีคุณภาพสูง - ผู้ที่อยู่ในระหว่างการควบคุมน้ำหนัก
เนื่องจากการลดอาหาร จึงต้องการโปรตีนสูงเป็นพิเศษ โดยโปรตีนจะช่วยเสริมสร้างร่างกายและกล้ามเนื้อให้แข็งแรงเป็นปกติ ผิวพรรณดีขึ้น ไม่ซูบซีด และเนื่องจากโปรตีนไม่ถูกสะสมในร่างกายจึงไม่ทำให้อ้วน - ผู้ที่ชอบดื่มสุราเป็นประจำ
ปกติตับ จะทำหน้าที่เป็นตัวทำลายแอลกอฮอล์ที่เข้าไปในร่างกาย โปรตีนจะทำให้เซลล์ของตับทำหน้าที่ได้อย่างดี ถ้าขาดโปรตีน ตับย่อมทำงานหนัก เซลล์ของตับก็จะเสื่อมสมรรถภาพไป จนอาจเกิดพังผืดขึ้นในตับ และกลายเป็นตับแข็งในที่สุด - สตรีมีครรภ์
ต้องการโปรตีนสูงกว่าปกติ เพื่อเสริมสร้างร่างกาย และสมองของทารก นอกจากนี้ ยังช่วยในการผลิตน้ำนมของมารดาอีกด้วย สตรีมีครรภ์ที่ขาดโปรตีนจะทำให้เกิดอาการบวม โลหิตเป็นพิษ เกิดโรคแทรกได้ง่าย และทารกที่คลอดออกมาจะไม่แข็งแรง
ความรู้เรื่องโปรตีน
โปรตีนเป็นอาหารหมู่สำคัญ กรดอะมิโนก็เป็นหน่วยย่อยของโปรตีน การได้กรดอะมิโนที่เหมาะสมครบถ้วน มีความสำคัญต่อสุขภาพ มากกว่าการได้รับโปรตีนปริมาณมากๆเสียอีก หากเราขาดกรดอะมิโนตัวใดตัวหนึ่ง ก็เหมือนกับว่า เราขาดส่วนผสมใน การทำปูนซีเมนต์ให้แข็งตัว หรือหากแข็งตัวได้ ก็จะกลายเป็นปูนที่ไม่แข็งแรง ผมยกตัวอย่างเช่น ในข้าวโพดจะขาดกรดอะมิโนตัวหนึ่งคือทริปโตแฟน หากเราขาดตัวนี้ ก็จะส่งผลต่อการทำงานของสมอง ดังนั้นเราจะต้องทานอาหารชนิดอื่นที่มีอะมิโนตัวนี้เข้าไป สมองก็จะได้ทริปโตแฟนไปใช้นั่นเอง
ประโยชน์ของโปรตีนคือ คลายเครียด ลดความดันเลือดสูง รักษาอาการเสื่อมก่อนวัย รักษาโรคจากเชื้อไวรัส เช่น เริม กระทั่งแก้อาการนอนไม่หลับ สำหรับผิวพรรณนั้น กรดอะมิโนจะช่วยทำให้ผิวพรรณดี เต่งตึงขึ้น นอกจากนี้ อะมิโนยังช่วยนการย่อย และทำให้ภูมิต้านทานโรคดีขึ้นด้วย
ความรู้เกี่ยวกับโปรตีน
เริ่มจากการที่นักวิทยาศาสตร์ชาวดัตซ์ชื่อ เกอร์ริท จัน มุลเดอร์ ค้นพบว่าในพืชและสัตว์มีสารสำคัญมากสำหรับการดำรงชีวิต จึงตั้งชื่อให้ว่า "โปรตีน" ซึ่งมีรากศัพท์มาจากภาษากรีก แปลว่า "สำคัญที่หนึ่ง"
โปรตีนเป็นส่วนประกอบของร่างกาย ที่มีมากเป็นอันดับสองรองจากน้ำ หากเอาร่างกายมนุษย์ไปตากแห้ง จนน้ำระเหยไปหมด สิ่งที่เหลืออยู่ก็คือ โปรตีนนั่นเอง สำหรับในร่างกายนั้น กล้ามเนื้อจะมีโปรตีนมากเป็น 1 ใน 3 ของโปรตีนทั้งหมด ในกระดูกมีโปรตีนมากเป็น 1 ใน 5 ส่วนผิวหนังมีโปรตีนเป็น 1 ใน 10 ของทั้งหมด
โปรตีนในพืชและสัตว์จะแตกต่างกันตรงที่ พืชสามารถสร้างโปรตีนได้เอง โดยเอาไนไตรเจนจากดิน รวมเข้ากับคาร์บอนไดออกไซด์ ในอากาศ แล้วสร้างเป็นโปรตีน แต่สำหรับสัตว์นั้น หากต้องการโปรตีน มีทางเดียวก็คือต้องกินสัตว์ด้วยกัน หรือไม่ก็กินพืชเอา
ในคนที่ไม่มีความเครียด หรือไม่ได้ออกกำลังกายอย่างหนัก ควรจะได้รับโปรตีนอย่างน้อยวันละ 1 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กก. เช่นถ้าคุณหนัก 60 กก. ก็ควรรับโปรตีนเข้าไป 60 กรัม โดยคิดคร่าวๆเอาว่า เนื้อสัตว์ 1 ขีด (100 กรัม) จะให้โปรตีน 20 กรัม ก็คือควรทานวันละ 3 ขีดเป็นอย่างน้อย และแน่นอนว่า ถ้าคุณออกกำลังกาย หรือว่าเครียดกับการทำงาน คุณก็ต้องทานโปรตีนให้มากกว่านี้อีก
ความรู้เกี่ยวกับอะมิโน
โปรตีนมีหน่วยย่อยคือกรดอะมิโน กรดอะมิโนมีทั้งหมด 20 ชนิด เรียงร้อยกันขึ้นเป็นสายโปรตีน มีอยู่สองรูปแบบคือ แบบแอล และแบบดี (L form และแบบ D form) ทั้งสองแบบนี้มีลักษณะกลับกัน เพียงแต่อาศัยการหมุนซ้ายหรือขวาของการเรียงตัวมากำหนด สำหรับกรดอะมิโนในสัตว์และกรดอะมิโนในคน จะมีตัวกรดที่เหมือนกัน แต่การเรียงตัวของกรดเหล่านั้น จะไม่เหมือนกัน
กรดอะมิโนคือหน่วยเล็กที่สุดของโปรตีน กรดอะมิโนประกอบด้วยอะตอมของไนโตรเจน อย่างน้อย 1 อะตอม เราอาจคิดว่า กรดอะมิโนเป็นกรด และมีรสเปรี้ยวแบบมะนาว แต่ความจริงไม่ใช่เช่นนั้น เพราะมันมีสภาพค่อนข้างเป็นกลาง จะมีความเป็นกรดน้อยๆ ในแง่ของชีวเคมีเท่านั้น เมื่อเรากินโปรตีนเข้าไป น้ำย่อยจะทำการย่อยก้อนโปรตีน ออกเป็นกลุ่มของอะมิโนหลายๆกลุ่ม ต่อจากนั้นร่างกายจึงเริ่มดูดซึมอะมิโนแต่ละตัวเข้าไปใช้
ร่างกายของเราไม่สามารถเก็บกรดอะมิโนไว้ใช้แบบที่มันเก็บน้ำตาลไว้เป็นพลังงาน ดังนั้น กรดอะมิโนที่เกินมา ก็จะถูกสลายทิ้ง โดยเอาส่วนที่เป็นไนโตรเจน ออกไปกับปัสสาวะ ในรูปของยูเรีย ส่วนที่เป็นคาร์บอนไฮโดรเจนและออกซิเจน จะถูกร่างกายเปลี่ยน ให้เป็นพลังงาน สำหรับประโยชน์หลักๆของอะมิโนก็ได้แก่
1.กรดอะมิโนเป็นวัตถุดิบ ซึ่งเป็นหน่วยย่อยในการสร้างเซลล์ และเนื้อเยื่อทั่วร่างกาย ทำหน้าที่สองอย่างคือ สร้างโปรตีนใหม่ ในร่างกายส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งใช้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
2.ยิ่งมีกรดอะมิโนมาก ก็เพิ่มความสามารถในการสร้างเอนไซม์เพื่อใช้ในการย่อยอาหารมาก และยังเพิ่มความสามารถใน การเจริญพันธ์ของมนุษย์ด้วย
3.กรดอะมิโนจำเป็นสำหรับการไหลเวียนของเลือด
4.กรดอะมิโนให้พลังงานแก่ร่างกาย โดยโปรตีน 1 กรัมจะให้พลังงาน 4 แครอลี
โปรตีน (หรือก็คือกรดอะมิโนนั่นเอง) ในร่างกายของเรา มีลักษณะเคลื่อนไหวตลอดเวลา คือมีทั้งการสร้าง และการทำลาย ในเวลา เดียวกัน ส่วนที่ว่าจะสร้างเร็วกว่าทำลายนั้น ก็ขึ้นอยู่กับอายุ สภาพร่างกาย ความเจ็บป่วย เช่นคนอายุมากขึ้น ก็จะมีการสลายโปรตีน มากกว่าการสร้าง
เราสามารถแบ่งโปรตีนออกเป็นสามประเภท โดยตัวแยกประเภทก็คือดูว่า มันมี กรดอะมิโนจำเป็น (ได้แก่ ไลซีน ,วาลีน, ไอโซลิวซีน, ลิวซีน ,ทรีโอนีน ,ทริปโตแฟน ,เมทีโอนีน ,ฟีนายอะลานีน และฮีสติดีน) อยู่ครบถ้วนหรือไม่ โดยแบ่งได้ดังนี้
1.โปรตีนสมบูรณ์ หมายความว่า ประกอบด้วย กรดอะมิโนจำเป็น ครบทุกชนิด อันได้แก่ โปรตีนจากเนื้อสัตว์ รวมทั้งไก่และปลา ไข่ นม ซึ่งนักเพาะกายควรทาน แต่ต้องจำไว้ด้วยว่า อาหารพวกนี้ นอกจากให้โปรตีนแล้ว ก็ยังมีไขมัน และคอเลสเตอรอลสูงด้วย การใช้อาหารเสริมก็เป็นทางหลีกเลี่ยงที่ดีอันหนึ่ง
2.โปรตีนเกือบสมบูรณ์ หมายความว่า มีอะมิโนจำเป็น เกือบจะครบ ขาดเพียงหนึ่งถึงสองตัวเท่านั้น จะอยู่ในพืชบางอย่างเช่น ถั่วฝัก หรือถั่วที่มีเมล็ดทั้งหลาย โปรตีนชนิดนี้ ใช้ได้กับคนที่โตแล้ว เพราะถึงจะได้กรดอะมิโนไม่ค่อยครบ แต่ก็ไม่มีผลต่อสุขภาพเท่าไร แต่ห้ามให้กับเด็กอย่างเด็ดขาด เพราะจะทำให้เด็กไม่โตเท่าที่ควร
3.โปรตีนไม่สมบูรณ์ หมายความว่า ไม่มีกรดอะมิโนจำเป็นเลย
ของฝากเล็กน้อยเกี่ยวกับกรดอะมิโน
สำหรับผู้ที่ลดความอ้วน โดยการทานอาหารแต่น้อย หากทำเกิน 2 อาทิตย์แล้วละก็ ร่างกายคุณจะเริ่มสลายกล้ามเนื้อออกมาเผาผลาญ เป็นพลังงานสำรอง ดังนั้นหากคุณอดอาหารเพื่อรูปร่างที่ผอมลง ควรควรพึ่งพาอาหารเสริมโปรตีนด้วย เพราะเคยมีรายงานว่า คนอ้วนที่พยายามลดน้ำหนัก ตายระหว่างอดอาหารเป็นจำนวนมาก สาเหตุการตายเนื่องจากหัวใจวาย เพราะพลังงานที่ได้รับ มีน้อยเกินไป และร่างกายก็ขาดเกลือแร่จำเป็น เช่นโปแตสเซียม แมกเนเซียม และฟอสเฟต และที่สำคัญคืออะมิโนแอซิด
โปรตีนประกอบด้วยไนโตรเจน 16 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของกรดอะมิโน เมื่อร่างกายเราใช้โปรตีน หรือไม่ได้ใช้ก็ตาม โปรตีนก็จะถูกย่อย เป็นสารไนโตรเจนออกมากับเหงื่อบ้าง ออกมาเป็นผิวหนัง ,เล็บ และผม รวมทั้งถูกขจัดออกทางปัสสาวะ ในรูปของยูเรีย เราจึงถือว่าไนโตรเจน เป็นธาตุที่ใช้บอกสภาวะสมดุล ของโปรตีนในร่างกายด้วย ดังนั้นถ้าเกิดความเครียด ไม่ว่าจาก อากาศร้อนเกินไป หนาวเกินไป เหงื่อออกมากไป ก็แสดงว่าเราขาดสภาวะสมดุลของไนโตรเจน ร่างกายเราจึง ต้องการกรดอะมิโน เพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ
หากร่างกายเราได้รับบาดเจ็บรุนแรง หรือเกิดอาการอักเสบอย่างร้ายแรง ร่างกายจะเสียไนโตรเจน ซึ่งเมื่อเทียบออกมาเป็นโปรตีนแล้ว จะเท่ากับว่าเราเสียโปรตีนไปถึงวันละ 0.9 กรัมต่อวัน ดังนั้นถ้าไม่ได้โปรตีนทดแทนให้เพียงพอ ก็อาจมีปัญหาได้
ไข่ ให้โปรตีนมากที่สุด และย่อยง่ายที่สุดในอาหารธรรมชาติด้วยกัน คือให้โปรตีนถึง 94 เปอร์เซ็นต์ รองลงมาก็คือปลา ซึ่งให้โปรตีน 80 เปอร์เซนต์ ส่วนสัตว์ประเภทหมู และไก่ ให้ 67 เปอร์เซ็นต์
เราควรจะมีกรดอะมิโนพร้อมอยู่ในกระแสเลือด เพื่อให้ร่างกายฉกฉวยเอาไปใช้ได้ทันทีที่ต้องการ และโดยเฉพาะถ้าเป็นนักเพาะกายด้วยแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก
นักโภชนาการ จุฬาฯ ระบุกินอาหารครบ 3 มื้อในสัดส่วนพอเหมาะ ก็ให้ "เปปไทด์" ไปย่อยเป็น "กรดอะมิโน" สร้างสารสื่อประสาท ด้านนักวิชาการสิ่งทอแจง "ชุดนาโน" กระชับสัดส่วนด้วยสารให้รังสีอินฟราเรด เป็นแนวคิดที่เป็นไปได้ แต่ยากจะทอเส้นใยผ้าให้แข็งแรง และเพิ่มความร้อนในระดับที่ลดไขมันได้
หลังจากโฆษณาเครื่องดื่ม "ซอยเปปไทด์" โปรตีนจากถั่วเหลืองโลดแล่นอยู่บนจอทีวีมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ทางศูนย์สื่อสารวิทยาศาสตร์ไทย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้จัดเวทีเสวนาคุยกันฉันวิทย์ เรื่อง "วิทยาศาสตร์กับการโฆษณาสินค้า" เมื่อวันที่ 26 พ.ย.51 ณ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ผศ.ดร.รมณี สงวนดีกุล หัวหน้าภาควิชาเทคโนโลยีอาหาร คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วิทยากรที่ร่วมวงเสวนากล่าวว่า เปปไทด์ (peptide) คือโปรตีนที่ย่อยแล้ว ซึ่งสุดท้ายจะย่อยเป็นกรดอะมิโน โดยแหล่งของโปรตีนมีอยู่หลายแหล่ง อาทิ นม ถั่วเหลือง เป็นต้น โดยแต่ละแหล่งโปรตีนให้กรดอะมิโนที่ต่างชนิดกัน
"ในแง่โภชนาการสุดท้าย โปรตีนจะย่อยไปเป็นกรดอะมิโน ซึ่งร่างกายดูดซึมได้แน่ๆ และเป็นรูปแบบที่ร่างกายนำไปใช้สร้างโปรตีนอื่นๆ แต่ก็มีได-เปปไทด์ (di-peptide) ซึ่งเป็นกรดอะมิโน 2 ตัว และไตร-เปปไทด์ (tri-peptide) ที่มีช่องทางในการดูดซึมเข้าไปได้ จากอาหารที่เรารับประทาน ถ้ารับประทานอย่างครบถ้วนเหมาะสมทั้งสามมื้อ ไม่เว้นมื้อนานเกินไป เราก็น่าจะมีสารอะมิโนไว้เตรียมพร้อม และอาหารฟังก์ชันก็อาจไม่ใช่สิ่งจำเป็น" ผศ.ดร.รมณี
อย่างไรก็ดี นักโภชนาการจากจุฬาฯ ระบุว่า สารเปปไทด์จากโปรตีนถั่วเหลืองที่วางจำหน่ายนั้นคงไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ แต่น่าจะเป็นทางเลือกในเรื่องอาหารเสริมมากกว่า ซึ่งถ้าจำเป็นก็ใช้เป็นทางเลือกได้ และคงไม่ใช่รับประทานแล้วจะสมองดีตลอดเวลา และผู้บริโภคเองก็ต้องพิจารณาว่าสิ่งที่ได้รับคุ้มกับราคาหรือไม่ พร้อมกล่าวด้วยว่าเครื่องปรุงอาหารไทยๆ หลายชนิดก็มีเปปไทด์อยู่เหมือนกัน อาทิ ซีอิ๊ว น้ำปลา ถั่วเน่า หรือสมุนไพรบางชนิด เป็นต้น
ทางด้าน ภญ.ยุวดี พัฒนวงศ์ ผู้อำนวยการกองควบคุมเครื่องมือแพทย์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้กล่าวถึงการลงโทษการโฆษณาเกี่ยวกับสินค้าที่เข้าข่ายเป็นเครื่องมือแพทย์ ซึ่งปัจจุบันมีพระราชบัญญัติที่มีบทลงโทษรุนแรงขึ้น จากเดิมที่มีการโฆษณาเครื่องมือแพทย์โดยไม่ได้อนุญาตจะถูกปรับ 1 หมื่นบาท เพิ่มเป็นปรับ 5 หมื่นบาท และโทษจำคุกอีก 6 เดือน หรือทั้งจำและปรับ อีกทั้งยังมีบทลงโทษสำหรับโฆษณาเกินจริงหรือทำให้เข้าใจสาระสำคัญของเครื่องมือแพทย์ผิดไป โดยจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ ทางกองควบคุมเครื่องมือแพทย์ได้จ้างบริษัทให้อัดเทปและตัดโฆษณาที่เข้าข่ายทำผิดพระราชบัญญัติ โดยมีความร่วมมืกับกองอื่นๆ ในสำนักงาน อย.ด้วย แต่ ภญ.ยุวดีบอกว่า ยังเปิดให้ประชาชนร่วมกันเฝ้าระวังและแจ้งเบาะแสผู้กระทำผิดได้ที่สายด่วน 1556 หรือเว็บไซต์ http://www.fda.moph.go.th โดยผู้ที่เก็บหลักฐาน เช่น เอกสารโฆษณา เทปอัดคำพูดโฆษณา เป็นต้น แล้วเมื่อเจ้าหน้าที่พิสูจน์ว่ามีการโฆษณาเกินจริง ผู้แจ้งเบาะแสจะได้สินบนนำจับ 15% ของค่าปรับ และกรณีที่มีการโฆษณาหลายสื่อ ก็ถือเป็นความผิดหลายคดี ซึ่งค่าปรับก็จะคูณตามจำนวนสื่อและช่วงเวลา และกว่า 50% ของผู้แจ้งเบาะแสแก่ อย.คือคู่แข่งทางธุรกิจ
พร้อมกันนี้ ในเวทีเสวนาที่ผู้จัดการวิทยาศาสตร์ได้เข้าร่วมสังเกตการณ์ ยังได้พูดถึง "ชุดกระชับสัดส่วนนาโน-อินฟราเรด" ที่มีการโฆษณาว่าใส่สารระดับนาโนเพื่อให้เนื้อผ้าสามารถปล่อยรังสีอินฟราเรดได้ เพื่อช่วยสลายไขมันและกระชับสัดส่วน ซึ่ง ดร.ชาญชัย สิริเกษมเลิศ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมเทคโนโลยี สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ กล่าวว่า เป็นไปได้ที่จะผลิตสิงทอซึ่งให้รังสีอินฟราเรด แต่เท่าที่มีข้อมูลนั้นมีผู้ผลิตสิ่งทอที่ทำให้อุรหภูมิเพิ่มขึ้น 0.9 องศาเซลเซียส ซึ่งผู้บริโภคต้องพิจารณาเองว่าอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นระดับนี้เพียงพอที่จะสลายไขมันได้หรือไม่
ดร.ชาญชัยกล่าวอีกว่า หากจะผลิตสิ่งทอที่ให้ผลในการสลายไขมัน ต้องทำให้เนื้อผ้าสามารถเพิ่มอุณหภูมิได้ในระดับห้องอบซาวน่า ซึ่งในทางปฏิบัติเมื่อใส่อนุภาคนาโนลงไปในกระบวนการผลิตเส้นใย จะทำให้เส้นใยผ้ามีความแข็งแรงลดลง ขาดง่าย อย่างไรก็ดี เขากล่าวว่าไม่อยากโจมแนวคิดในการพัฒนาสินค้า ซึ่งจะทำให้ไม่มีใครกล้าเสนอแนวคิดใหม่ๆ
"ไม่อยากมองด้านลบอย่างเดียว เพราะต่อต้านไปแล้วจะไม่มีใครกล้าออกแนวคิดใหม่ แต่ผู้ผลิตก็ต้องมีระบบรับรองว่าสินค้าได้มาตรฐานแค่ไหน อย่างไต้หวันก็จะมีห้องปฏิบัติการรับรอง ซึ่งจากที่มีข้อมูล เขาก็ให้ข้อมูลแค่ว่าชุดอินฟราเรดของช่วยเพิ่มอุณหภูมิแค่ 1 องศาเซลเซียส แล้วผู้บริโภคก็ต้องพิจารณาว่าจะช่วยได้หรือไม่ ซึ่งแฟร์ และสินค้าอยู่ได้ยาว" ดร.ชาญชัยกล่าว พร้อมเผยด้วยสินค้าหลายอย่างที่นำเข้าจากต่างประเทศ ถูกนำมาโฆษณาจนเกินจริง
ทางด้าน ผศ.ดร.รมณี และ ภญ.ยุวดี เสริมว่า วิธีที่จะกระชับสัดส่วนและลดไขมันที่ดีสุดคือการออกกำลังและควบคุมอาหาร โดย ภญ.ยุวดีได้ยกตัวอย่างรุ่นน้องในที่ทำงานซึ่งมีรูปร่างดีว่า เขาออกกำลังกายด้วยการซิท-อัพวันละ 200 ครั้ง จึงทำให้รักษารูปร่างที่ดีไว้ได้