วิตามินบี 2 Riboflavi
- Tab 1
- Tab 2
- Tab 3
- Tab 4
- Tab 5
วิตามินบี 2
วิตามินบี 2 หรือ Riboflavin เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ ทนต่อกรด อากาศ และความร้อน แต่จะสลายตัวได้เร็วในด่างและแสงแดด
วิตามินบี 2 มีความจำเป็นต่อการหายใจของเซลล์ ช่วยในการเผาผลาญอาหาร ประเภทคาร์โบไฮเดรตและไขมันให้เป็นพลังงาน ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโต รักษาสุขภาพของผิวหนังและระบบประสาท บำรุงสายตา และช่วยให้เม็ดเลือดแดง คงสภาพ
แหล่งที่พบ
พบได้ในอาหารจำพวก นม เนย ไข่ ยีสต์ เนื้อสัตว์ ตับ ผักสีเขียว และแหล่งที่พบวิตามินบี 1 โดยนมจะมีปริมาณวิตามินบี 2 มากกว่าวิตามินบี 1 ถึง 4 เท่า
ปริมาณที่แนะนำ
ค่า RDA สำหรับเด็กอายุ 0-6 เดือน ประมาณ 0.3 มิลลิกรัมต่อวัน เด็กอายุ 7-12 เดือน ประมาณ 0.4 มิลลิกรัมต่อวัน เด็กอายุ 1-3 ปี ประมาณ 0.5 มิลลิกรัมต่อวัน เด็กอายุ 4-8 ปี ประมาณ 0.6 มิลลิกรัมต่อวัน เด็กอายุ 9-13 ปี ประมาณ 0.9 มิลลิกรัมต่อวัน
สำหรับวัยรุ่นหญิงอายุ 14-18 ปี ประมาณ 1.0 มิลลิกรัมต่อวัน วัยรุ่นชายอายุ 14-18 ปี ประมาณ 1.3 มิลลิกรัมต่อวัน ผู้ใหญ่เพศหญิงอายุมากกว่า 18 ปี ประมาณ 1.1 มิลลิกรัมต่อวัน ผู้ใหญ่เพศชายอายุมากกว่า 18 ปี ประมาณ 1.3 มิลลิกรัมต่อวัน หญิงตั้งครรภ์ ประมาณ 1.4 มิลลิกรัมต่อวัน และหญิงให้นมบุตร ประมาณ 1.6 มิลลิกรัมต่อวัน
ผลของการขาดวิตามินบี 2
คนกลุ่มที่อาจจะขาดวิตามินบี 2 ได้แก่ ผู้สูงอายุ ผู้ที่เจ็บป่วยเรื้อรัง คนยากจน และผู้ที่ติดสุรา
เมื่อร่างกายขาดวิตามินบี 2 จะมีอาการแสดงทางตา ริมฝีปาก ลิ้น และผิวหนัง เริ่มด้วยริมฝีปากอักเสบ แห้งและแตก มุมปากจะซีด แตก เรียกลักษณะดังกล่าวว่า ปากนกกระจอก ลิ้นจะมีสีแดงปนม่วง เมื่อเป็นมากขึ้นจะมีอาการทางผิวหนัง ผิวหนังจะตกสะเก็ด รวมทั้งผมแห้งและร่วง ต่อมาจะมีอาการอักเสบของตา มีน้ำตามาก ตาสู้แสงไม่ได้ คันตา และแสบตา
ผลของการได้รับมากเกินไป
โดยทั่วไปแล้ว การได้รับวิตามินบี 2 ในปริมาณที่สูงกว่าค่า RDA มักไม่พบความเป็นพิษ อย่างไรก็ตาม อาจมีปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นได้จากการได้รับวิตามินบี 2 ในปริมาณที่สูงมากๆ ได้แก่ โรคหิด หมดสติ รู้สึกแสบร้อน และปัสสาวะมีสีเหลือง
สารหรืออาหารเสริมฤทธิ์ ได้แก่ วิตามินบีรวม วิตามินบี 6 วิตามินบี 5 วิตามินบี 3 วิตามินซี
สารหรืออาหารต้านฤทธิ์ ได้แก่ สุรา ยาปฏิชีวนะ ยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน
วิตามินบี 2
วิตามินบี 2 เรียกชื่อทางการว่าไรโบฟลาวิน (Riboflavin) อันที่จริงวิตามินบี ๒ ถูกค้นพบตั้งแต่ปีค.ศ.๑๘๗๙ หรือร้อยกว่าปีมาแล้ว แต่ไม่มีใครเห็นคุณค่า เพราะไม่รู้ว่ามันคืออะไร โดยนักวิทยาศาสตร์สมัยโน้นได้จับ อาหารหลายชนิด มาสกัด และพบสารละลายในน้ำที่มีสีเหลืองเห็นว่า คงมีประโยชน์ จึงตั้งชื่อให้ว่า 'แลคโตโครม'
แต่ในช่วงเวลานั้น ไม่มีใครสนใจเจ้าแลคโตโครมนี้ จึงตั้งทิ้งไว้เฉยๆ ระหว่างนั้นเองได้เกิดโรคชนิดหนึ่ง แพร่ระบาดลุกลาม ไปเรื่อยๆในหมู่ประชาชน พบอการแผลเรื้อรังบริเวณลิ้นและริมฝีปาก คนที่เป็นโรคนี้จะ อ่อนเพลีย ไม่มีแรงทำงาน และมุมปาก มีแผลประหลาด เป็นหลุมน่าเกลียด ดูคล้ายปากของนกกระจอก จึงเรียกมันว่าโรคปากนกกระจอก
ในปีค.ศ.๑๙๑๑ นักวิทยาศาสตร์ชือ สแตนนัสได้ทำการศึกษาภาวะขาดสารอาหาร และบันทึกไว้ว่าโรคปากนกกระจอก อาจเป็นผลจากการขาดสารอาหารที่จำเป็นบางอย่าง
ต่อมาเขายังพบอีกว่า หนูทดลองที่ถูกป้อนด้วยอาหารที่สกัดสารสีเหลืองทิ้งแล้ว จะมีอาการของโรคผิวหนัง ผื่นคัน ขนร่วง เปลือกตาบวม เยื่อบุตาอักเสบ
ท่านผู้อ่านคงเห็นได้ว่าเรากำลังค้นพบเงื่อนงำของวิตามินบี ๒ แล้ว
แต่การศึษาเรื่องนี้กลับไม่คืบหน้านานนับสิบปี จนถึงยุคของการค้นพบวิตามิน คือในช่วงปีค.ศ.๑๙๒๐-ค.ศ.๑๙๓๐ นักวิทยาศาสตร์ทางโภชนาการหลายท่านเริ่มตระหนักว่า ยังมีสารอาหารพิฌศษที่มีความจำเป็นต่อร่างกายนอกเหนือจากแป้ง โปรตีน ไขมัน และน้ำ ตอนนั้นเราค้นพบแล้วว่า สารจำเป็นน่าจะมี ๒ กลุ่ม คือกลุ่มที่ละลายอยู่ในไขมัน กับกลุ่มที่ละลายอยู่ในน้ำ
หลังจากนั้นไม่นานมีผู้ค้นพบว่าสารที่ละลายได้ในน้ำนั้น มิได้เป็นสารตัวเดียวโดดๆ แต่มีมากกว่าหนึ่งชนิด และเป็นสารจำเป็นพิเศษกลุ่มใหญ่ทีเดียว
นักโภชนาการหลายท่านได้ทดลองสกัดสารสำคัญจากอาหารมากขึ้นเรื่อยๆ พบตรงกันว่า มีสารชนิดหนึ่งที่มีฤทธิ์เร่งการเจริญเติบโตของร่างกาย พบในตับ ไข่ นม และใบไม้ใบหญ้า
สารตัวนี้ไม่ว่าสกัดจากแหล่งใด ก็จะมีสีเหลืองเหมือนกันหมด มันคือแลคโตโครมที่เคยค้นพบในอดีต
ปีค.ศ.๑๙๓๒ วาร์เบิร์กและคริสเตียนสกัดยีสต์แยกสารสีเหลืองออกมาได้อีก เจ้าสารสีเหลืองนี่คืออะไรหนอ ทำไมมันแทรกซึมอยู่ในอาหารมากมาย
ถึงปีค.ศ.๑๙๓๓ โบเฮอร์(L.E Booher) รายงานการค้นพบว่า เธอสามารถสกัดสารกระตุ้นความเจริญเติบโตที่มีสีเหลืองจากหางนมเช่นกัน
โดยสังเกตพบว่า ยิ่งเหลืองเข้มเท่าไร ยิ่งมีประสิทธิภาพดีขึ้นเท่านั้น
เป็นผู้หญิงที่เก่งนะครับ ช่างสังเกตอย่างนี้ สามีคงแย่แน่
ในปีเดียวกันนั้นเองคูนช์และเพื่อนร่วมงานก็สามารถแยกสารสีเหลืองบริสุทธิ์จากอาหารเป็นผลสำเร็จ ตั้งชื่อให้ว่า ไรโบฟลาวิน ซึ่งรู้จักกันต่อมาคือ วิตามินบี ๒ นั่นเอง
ขณะที่นักโภชนาการกำลังมุ่งความสนใจไปที่สารสีเหลืองทรงพลังในอาหาร นักชีวเคมีก็ได้ศึกษาเอนไซม์สีเหลือง ตัวหนึ่งไปพร้อมๆกัน เอนไซม์สีเหลืองตัวนี้ ทำงานในปฏิกิริยาเคมีสันดาปอาหารให้เป็นพลังงาน
นักชีวเคมีสามารถแยกเอนไซม์ออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งเป็นสารพวกโปรตีน ต่ออยู่กับอีกส่วนซี่งเป็นสารสีเหลือง
ผลการวิเคราะห์พบว่า เจ้าสารสีเหลืองที่เกาะกับโปรตีน ก็เป็นวิตามินบี ๒ อีกเช่นกัน
มันบอกอะไรเรา
มันบอกว่าวิตามินบี ๒ เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะจับกับเอนไซม์ซึ่งเป็นโปรตีน แล้วช่วยเร่งปฏิกิริยาเคมีเกิดเร็วขึ้น ทำให้ร่างกายได้รับพลังงานมากเพียงพออย่างรวดเร็ว นี่เป็นเหตุผลว่ทำไมการขาดวิตามินบี ๒ จึงทำให้อ่อนเปลี้ยเพลียแรง
หน้าที่หลัก
วิตามินบี ๒ ทำงานคู่กับเอนไซม์ (เรียกเป็นทางการว่า Coenzyme) ช่วยเร่งขบวนการทางเคมีให้เกิดเร็วขึ้น นักกีฬาจึงจำเป็นต้องได้รับวิตามินบี ๒ เต็มร้อย มิฉะนั้นก็อ่อนเพลีย เพราะร่างกายผลิตพลังงานไม่ทันใช้
วิตามินบี ๒ ช่วยเปลี่ยนแป้งและน้ำตาล ไขมันและโปรตีนให้กลายเป็นพลังงาน
แต่การทำงานของมันมิใช่ประเภทโดเดี่ยวผู้น่ารัก วิตามินบี ๒ ทำงานเป็นทีมร่วมกับวิตามินบีชนิดอื่นๆและมันก็ช่วยเสริมการทำงานของวิตามินบีชนิดอื่นด้วย
วิตามินบี ๒ มีส่วนเกี่ยวข้องกับเอนไซม์ที่แตกต่างกันเอนไซม์ที่แตกต่างกันอย่างน้อยห้าชนิด วิตามินบี ๒ ถูกเก็บสะสมไว้ในตับและไตเป็นจำนวนมาก พร้อมจะถูกดึงเข้าสู่เนื้อเยื่อในปริมาณที่สม่ำเสมอ
แม้วิตามินบี ๒ จะมิใช่ตัวกระตุ้นพลังงานโดยตรง แต่ก็ยอมรับโดยทั่วไปว่า นักกีฬาและผู้ที่ออกกำลังกายหนัก ควรได้รับวิตามินบี ๒ มากเป็นพิเศษ เพื่อให้มั่นใจว่า ขบวนการสร้างพลังงานจะดำเนินไปได้ด้วยดี
มีการศึกษาชิ้นหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า นักกีฬาหญืง จำต้องได้รับวิตามินบี ๒ มากกว่าคนทั่วไป
แหล่งของวิตามินบี ๒
สำหรับฝรั่งมังค่า นมอาจเป็นแหล่งวิตามินบี ๒ที่ดีที่สุด เพราะพวกเขามีวัฒนธรรมการดื่มนมเป็นนิสัย นมหนึ่งแก้วให้วิตามินบี ๒ ราวหนึ่งในสี่ของปริมาณที่ร่างกายต้องการในหนึ่งวัน แม้แต่อาหารจากนม เช่น นมเปรี้ยว เนย เนยแข็ง หรือไอศกรีมใส่นม ก็ช่วยเสริมให้ได้รับวิตามินบี ๒ เพิ่มเพียงพอในแต่ละวัน
สำหรับเราชาวไทยเราได้รับวิตามินบี ๒ จากตับ ไต เนื้อสัตว์มาก และผักสีเขียว เห็ด ในปริมาณพอควร แต่เทียบกับนมแล้วยังห่างชั้น
ดังนั้นต้องกินผักสีเขียวให้มากไว้ จะได่ไม่ขาดวิตามินบี ๒ หรือจะเสริมด้วยนมวันละ ๑-๒ แก้วก็ยิ่งดี แต่ระวังไขมันจากนมด้วยนะครับ
อาหาร ผักผลไม้ ๑ ขีด |
ปริมาณบี ๒ (เป็นมิลลิกรัม) |
วิตามินบี ๒ ทนต่อความร้อนและอากาศได้ดี แต่ไม่ทนต่อแสง นมชนิดใส่ขวดแก้วหรือขวดพลาสติกใส มีโอกาสสูญเสียวิตามินบี ๒ ได้ถึงครึ่งหากโดนแสงนาน ๔-๖ ชั่วโมงนมกล่องจึงดีกว่าตรงนี้เอง
ขนาดความต้องการ
เนื่องจากมันเป็นตัวเสริมในขบวนการใช้พลังงาน ความต้องการวิตามินบี ๒ จึงขึ้นกับความต้องการพลังงานในร่างกาย กล่าวคือ หากคุณใช้พลังงาน ๑,๐๐๐ แคลอรี่ คุณต่องใช้วิตามินบี ๒ ในปริมาณ ๐.๖ มิลลิกรัม ดังนั้นผู้หญิงทั่วไปจึงใช้วิตามินบี ๒ ราว ๑.๓ มิลลิกรัมต่อวัน ส่วนผู้ชายเพิ่มมากเป็น ๑.๗ มิลลิกรัมต่อวันโดยประมาณ และสำหรับหญิงท้อง หญืงให้นมบุตรย่อมต้องการวิตามินบี ๒ เพิ่มอีกราว ๐.๓-๐.๕ มิลลิกรัมต่อวัน เพื่อแบ่งไปเลี้ยงทารก ส่วนคนชราใช้พลังงานน้อย ความต้องการวิตามินบี ๒ ก็ลดลงไปด้วย
ขาดและเกิน
การขาดจะก่อผลต่ออวัยวะหลายส่วน เช่น ผิวหนังแตกเป็นขุยหรือเป็นมัน อาจแตกเป็นแผลเหมือนผิวหน้าหนาว หรือเป็นหลุมลึก ที่มุมปาก ดังที่เรียกปากนกกระจอก อาจอักเสบลุกลามที่ริมฝีปาก ล้นเป็นสีม่วงแดง ในสัตว์ทดลอง หากทำให้ขาดวิตามินบี ๒ นานๆจะเกิดภาวะตาพิการ จึงเชื่อว่าวิตามินบี ๒ อาจเกี่ยวกับโรคตาในคน เช่น ต้อกระจก แต่ยังไม่พิสูจน์ยืนยัน นอกจากนี้ ยังพบอาการตาไวต่อแสงมากเป็นพิเศษจนเกิดทุกข์ทรมาน (แต่อาจเกิดจากสาเหตุอื่นได้ด้วย) ส่วนในแง่อันตรายจาก การกินเกินขนาดนั้นกล่าวได้ว่า วิตามินบี ๒ ปลอดภัยมาก เพราะยังไม่พบพิษในขนาดสูง วิตามินบี ๒ มีสีเหลืองเข้ม และสามารถสะท้อนแสงได้ ดังนั้นถ้ากินวิตามินบี ๒ มาก ปัสสาวะจะมีสีเหลืองเข้ม เพราะว่าร่างกายจะดูดวิตามินไว้ใช้เท่าที่จำเป็น ที่เหลือจึงถูกขับทิ้งออกมา
วิตามินบี 2
Riboflavin ที่เรียกว่าเป็นวิตามิน B2, เป็นสมาชิกของกลุ่มที่สองที่ซับซ้อน B ชื่อ riboflavin"มาจาก"ribose"หมายถึง ribose น้ำตาลที่พบในหลายวิตามินและ flavin""หมายถึงสีเหลือง
เนื่องจากส่วนหนึ่งของวิตามินที่ซับซ้อน B ซึ่งอยู่ครบถ้วนความร้อนแม้หลังจากที่มีโมเลกุลคล้ายกับน้ำตาล ribose และเป็นสีเหลืองจะมาเป็นที่รู้จักกันเป็น riboflavin
วิตามินนี้มีความสำคัญมากทั้งที่มองเห็นและอัลตราไวโอเลตมากแสงและการสูญ เสียอาจเกิดขึ้นหากอาหารที่สัมผัสกับแสง เพราะนมเป็นแหล่งหลักของ riboflavin, ภาชนะทึบแสงหรือแสงอัลตราไวโอเลตป้องกันวัสดุที่ใช้ในบรรจุภัณฑ์เพื่อรักษา เนื้อหา riboflavin นอกจากนี้การปรุงอาหารในปริมาณมากของน้ำท่อระบายน้ำส่วนหนึ่งของเนื้อหา Riboflavin จากอาหาร
Riboflavin ถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดผ่านผนังของลำไส้เล็ก จากนั้นจะดำเนินไปเนื้อเยื่อของร่างกายและรวมอยู่ในเซลล์ของเอนไซม์ ตับมีความเข้มข้นสูงสุดของวิตามินนี้เนื่องจากมีประมาณหนึ่งในสามของ riboflavin ทั้งหมดในร่างกาย นอกเหนือจากตับไตและหัวใจมีความเข้มข้นของวิตามิน richest นี้ แต่ร่างกายไม่เก็บวิตามินจำนวนมากนี้ Riboflavin เป็นหลักขับออกในปัสสาวะ เหงื่อเป็นเส้นทางย่อยอื่น ๆ ของการขับถ่าย
Riboflavin ยังเป็น"วิตามิน Beauty"ตั้งแต่ส่งเสริมสุขภาพผิว, เล็บและผมนอกเหนือจากการผลิตและซ่อมแซมเนื้อเยื่อของร่างกาย
หน้าที่ของวิตามิน B2 :
1. มันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับหลากหลายของกระบวนการ cellular
2. Riboflavin จำเป็นสำหรับการแปลงของโปรตีนไขมันและคาร์โบไฮเดรตเป็นน้ำตาลที่"เผา"ในการผลิตพลังงาน
3. จะช่วยในการผลิตและการซ่อมแซมเนื้อเยื่อร่างกายใช้ออกซิเจนอย่างมีประสิทธิภาพโดยเซลล์
4. Riboflavin ช่วยการเจริญเติบโตตามปกติและการพัฒนาการผลิตและการควบคุมของฮอร์โมนบางตัวของเซลล์เม็ดเลือดแดงและแอนติบอดี
5. มันส่งเสริมสุขภาพผิว, เล็บและผมแข็งแรงบุเมือกของปากริมฝีปากและลิ้น
6. Riboflavin ยังมีบทบาทสำคัญในด้านสุขภาพตาและสายพันธุ์ตา alleviates วิตามินนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งใน counteracting แนวโน้มต่อต้อหิน
7. ร่างกายต้องการ riboflavin รักษาเยื่อเมือกที่อยู่ตลอดทางเดินอาหารและการรักษาโทนของกล้ามเนื้อตามเยื่อบุทางเดินอาหาร
8. Riboflavin ช่วยย่อยอาหารและช่วยในการทำงานของระบบประสาท
9. นอกจากนี้ยังทำงานเป็นสารต้านอนุมูลอิสระโดย neutralizing อนุภาคเสียหายในร่างกายที่เรียกว่าอนุมูลอิสระ
10. Riboflavin จะต้องมีการเปิดใช้งานและการสนับสนุนกิจกรรมของวิตามินบี 6, โฟเลท, ไนอาซินและวิตามินเค
11. อุปทานเหลือเฟือของวิตามิน B2 มีความแข็งแรงและช่วยรักษาลักษณะและความรู้สึกของเยาวชน
ข้อดีของการเก็บ Riboflavin :
* Riboflavin ได้รับการแสดงการต่อต้านและคัดค้านผลของสารก่อมะเร็งในร่างกายซึ่งหมายความ ว่ามันจริงสามารถช่วยป้องกันการพัฒนาของมะเร็ง หนึ่งการศึกษากับหนูพบว่าหนูที่ให้สารก่อมะเร็งไม่จริงเพื่อพัฒนามะเร็งใน อัตราที่สูงมากเมื่อได้รับปริมาณมากวิตามินบี 2
* Riboflavin มีความสามารถในการช่วยรักษาระบบภูมิคุ้มกันทำงานที่เหมาะสม นี้ทำให้ทนต่อผลกระทบที่จะมีความเครียดในร่างกายจึงช่วยให้ร่างกายจัดการกับ ภาวะเครียดอย่างมีประสิทธิภาพ
* Riboflavin เป็นสารอาหาร ทำงานโดย neutralizing อนุมูลอิสระ อนุมูลอิสระเหล่านี้หากไม่เป็นกลางสามารถทำลายเยื่อหุ้มเซลล์โต้ตอบกับสาร พันธุกรรมและอาจนำไปสู่กระบวนการ aging รวมทั้งการพัฒนาของจำนวนสภาวะสุขภาพเช่นโรคหัวใจและมะเร็ง
* ในการศึกษานักวิจัยสามารถแสดงให้เห็นว่ามีประโยชน์ Riboflavin จิตวิทยานอกจากประโยชน์ของมันให้แก่ร่างกาย นักวิจัยพบว่าจำนวนมาก Riboflavin ในร่างกายได้ดีขึ้นเชื่อมโยงกับความเข้มข้นเพิ่มขึ้นพาหิรวัฒน์และระดับที่ สูงกว่าความสุขทั่วไป
* Riboflavin จะได้รับสำหรับปัญหาผิวเช่นสิว, ผิวหนัง, แผลเปื่อยและแผลที่ผิวหนัง
* Riboflavin ยังมีบทบาทสำคัญในด้านสุขภาพตาและสายพันธุ์ตา alleviates วิตามินนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งใน counteracting แนวโน้มต่อต้อหิน
* มันยังใช้ในการรักษาปัญหาแอลกอฮอล์ ulcers, ปัญหาทางเดินอาหารและปวดขา
วิตามิน B2 และนอน
อาหารอุดมด้วยวิตามิน B2 เป็นที่รู้จักกันเป็น inducers นอน เนื่องจาก B2 วิตามินควบคุมการกรดอะมิโนจำนวนมากรวมทั้งโพรไบโอ นี้กรดอะมิโนโพรไบโอ L, มีผลต่อสมองส่วนที่ควบคุมการนอนหลับที่
นี้จากการที่ร่างกายแปลงนี้กรดอะมิโนโพรไบโอ, ติที่ถูกแปลงแล้วลงในเมลาโทนินอนหลับเรียกฮอร์โมน เมลาโทนิเป็นสิ่งสำคัญในการควบคุมรอบของการตื่นนอนของเรา เมลาโทนิจึงเป็นธรรมชาติช่วยให้นอนหลับดีขึ้น
ดังนั้นร่างกายต้องการเพียงพอของ VitaminB2 ผลิต serotonin ซึ่งถูกแปลงไปแล้ว เมลาโทนิ serotonin ทั้งสองและเมลาโทนิทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและง่วงนอน
จำนวนที่แนะนำของ B2 วิตามินต่อวันเป็น 1.5 mg ชาย 1.3mg สำหรับผู้หญิง
คนต้มเบียร์ของยีสต์เป็นแหล่งธรรมชาติ richest of Riboflavin แหล่งอื่น ๆ อุดมไปด้วยวิตามิน B2 มีนมไข่เนื้อถั่วกล้วย, ผักขม, ปลา, ผักชนิดหนึ่งข้าวสาลี wholegrain ข้าว wholegrain และอวัยวะ แหล่งอาหารเช่นถั่ว, บรอคโคลี่, ผักขมและปลาให้แมกนีเซียมนอกจากวิตามิน B2 แมกนีเซียมเป็นที่รู้จักกันเพื่อช่วยการนอนหลับลึก อาหารเช่นกล้วยนอกจากมีวิตามิน B2 ยังมีเมลาโทนิ ดังนั้นอุปทานของเมลาโทนิภายนอกยังช่วยเพิ่มระดับเมลาโทนิและช่วยเตรียมร่าง กายของคุณนอนหลับ ข้าวสาลีทั้งยังฟอร์มแหล่งอาหารสำคัญเพราะอุดมไปด้วยวิตามิน B2 เนื้อหาและคาร์โบไฮเดรตรวม คาร์โบไฮเดรตหรือแป้งมีความสำคัญสำหรับโพรไบโอกรดอะมิโนที่จะมีประสิทธิภาพ มากที่สุด เนื่องจากในการบริโภคคาร์โบไฮเดรตร่างกายออกอินซูลินซึ่งดันทั้งหมดยกเว้นก รดอะมิโนโพรไบโอเข้าสู่เซลล์กล้ามเนื้อ ใบนี้โพรไบโอครั้งแรกในสายเพื่อไปสมองจะแปลง serotonin แล้วที่เมลาโทนิน
วิตามินบี 2 รักษาต้อกระจก
ต้อกระจกอายุที่เกี่ยวข้องกับสาเหตุของความพิการภาพในสหรัฐอเมริกาและประเทศ อื่น ๆ พัฒนา ต้อกระจกเป็นพื้นที่ที่มีเมฆหรือทึบแสงในเลนส์ใสปกติของตา
เป็นเลนส์ต่อการเปลี่ยนแปลงอาการเฉพาะหลายรวมทั้งเบลอมองเห็นความไวต่อแสง และแสงสะท้อน; สายตาสั้นเพิ่มขึ้น; หรือบิดเบือนภาพในตาทั้งอาจพัฒนา
การวิจัยเน้นบทบาทของสารอาหารเนื่องจากหลักฐานที่แสงเกิดความเสีย หายออกซิเดชันของโปรตีนเลนส์อาจนำไปสู่การพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับต้อกระจก อายุได้ Vitamin B2 (Riboflvin) เป็นดีอนุมูลอิสระ anti - โภชนาการได้รับการต่อต้านอนุมูลอิสระที่ต้องการสำหรับการศึกษาจำนวนมาก
การศึกษาน้อยมีการหารือ here :
1. กรณีศึกษาควบคุมพบลดลงอย่างมีนัยสำคัญของความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับต้อ กระจกอายุ (ร้อยละ 33 ถึง 51 เปอร์เซ็นต์) ในชายและหญิงใน quintile สูงสุด (1 / 5 ของกลุ่มตัวอย่างหรือประชากร) ของการรับประทานอาหาร riboflavin (มัธยฐาน 1.6 - 2.2 mg / วัน) เมื่อเปรียบเทียบกับในวันสุด quintile (มัธยฐาน 0.08 mg ในทั้งชายและหญิง)
2. อีกกรณีศึกษาควบคุมรายงานว่าบุคคลใน quintile สูงสุดของภาวะโภชนาการ riboflavin มีประมาณครึ่งหนึ่งเกิดต้อกระจกอายุที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ที่อยู่ใน quintile ต่ำสุดของ riboflavin สถานะ
3. การศึกษาตัดขวางของออสเตรเลีย 2,900 คนและหญิง 49 ปีและอายุพบว่าผู้ที่อยู่ใน quintile สูงสุดของปริมาณ riboflavin ร้อยละ 50 มีโอกาสน้อยที่จะมีต้อกระจกกว่าในที่สุด quintile
สังเกตการณ์การศึกษาเหล่านี้ให้การสนับสนุนบทบาทของวิตามิน B2 อาหารและเสริมในการป้องกันต้อกระจก แต่หลอกควบคุมการทดลองการแทรกแซงจะต้องยืนยันความสัมพันธ์ระหว่าง Riboflavin และต้อกระจก
Vitamin B2 (หรือเรียกว่า riboflavin) แต่การกระจายอย่างกว้างขวางในผักและอาหารสัตว์เป็นปัจจุบันเท่านั้นในปริมาณ น้อยในส่วนใหญ่ คนต้มเบียร์ของยีสต์เป็นแหล่งธรรมชาติ richest of Riboflavin อาหารอื่น ๆ ที่มี riboflavin ดังนี้
ผลิตภัณฑ์นมไข่นมชีสโยเกิร์ต
ซีฟู้ด : หอยปลาหน้ามันเช่นปลาทู, ปลาเทราท์, ปลาไหล, ปลาชนิดหนึ่งและเก๋ง
ผักใบเขียว : บัวลำต้นเขียวหัวผักกาด, beets, ผักขม, colocasia และใบแครอทหน่อไม้ฝรั่ง collards และผักชนิดหนึ่ง
ผลไม้ : มะละกอ, ลูกเกด, currants, แอปเปิ้ลคัสตาร์, กล้วยและแอปริค็อต
อาหารของสัตว์ที่มา : ตับและไตของวัวและแกะทั้งนมผงและนมไขมันต่ำของของวัว
: อัลมอนด์วอลนัท chilgozas, พิสตาเชียถั่วถั่วเหลืองและถั่วมัสตาร์ดเมล็ดถั่ว เมื่อกินถั่วเปลือกสดเป็นหอยที่มีวิธีการรักษาธรรมชาติของวิตามินที่ B
แหล่งอื่น ๆ ได้แก่ พืชตระกูลถั่วเช่นถั่วเหลืองผู้ใหญ่และอาณาจักรและส่วนผสมธัญพืช
ผลขัดข้าวและข้าวสาลีในการสูญเสียมากที่สุดของ riboflavin ตั้งแต่วิตามินมีอยู่ในจมูกและรำข้าวซึ่งออกในระหว่างกระบวนการนี้
คนทั่วไปอาจไม่สามารถรับปริมาณที่เหมาะสมของ riboflavin เว้นแต่เขากินจำพวกของนม
ปริมาณที่แนะนำ
o ทารก ต้องการประมาณ 0.4 0.6 มิลลิกรัม/วัน เด็ก 0.8 1.2 มิลลิกรัม/วัน ผู้ใหญ่ 1.2 1.7 มิลลิกรัม/วัน หญิงตั้งครรภ์ มากกว่า 3 มิลลิกรัม/วัน หญิงให้นมบุตร มากกว่า 0.5 มิลลิกรัม/วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย และการขับออกของร่างกาย แต่ถ้ามีการสร้างการเจริญเติบโต ความต้องการวิตามินบี 2 จะเพิ่มขึ้นตาม
* ผลของการขาด
o อาการ ที่พบมักเกิดร่วมกับการขาดวิตามินตัวอื่นร่วมด้วยไม่ใช่เฉพาะวิตามินบี 2 โดยมักมีความผิดปกติกับตา ปาก และลิ้น และผิวหนัง เช่น ตามีน้ำตามากและตาเจ็บ ตามีความไวต่อแสง มีอาการริมฝีปากแห้ง แตก เป็นโรคปากนกกระจอก ลิ้นจะมีสีแดงปนม่วง ต่างกับไนอะซินที่มีลิ้นแดงเลือดหมู ผิวหนังจะตกสะเก็ด ริมปากเป็นขุย คล้ายขี้กลาก รวมทั้งผมแห้งและร่วง
* ข้อมูลอื่นๆ
o การดูดซึม
+ วิตามิน นี้ถูกดูดซึมที่ลำไส้เล็ก ส่วนบน โดยเปลี่ยนเป็น ฟลาวินโมโนนิวคลีโอไทด์ ในลำไส้เล็ก ไต และตับ และถูกส่งเข้ากระแสเลือดไปยังเนื้อเยื้อต่างๆ ของร่างกาย บางส่วนจะถูกขับออกทางปัสสาวะ บ้างก็เชื่อว่าวิตามินบี 2 มีการดูดซึมจากแบคทีเรียที่ลำไส้สร้างขึ้นมา เนื่องจากมีการตรวจพบวิตามินบี 2 ที่อุจาระด้วย แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ชัดเจน เนื่องจากปริมาณที่ตรวจพบในอุจจาระมีปริมาณสูงมากกว่าที่รับประทานเข้าไป
o สารหรืออาหารเสริมฤทธิ์
+ วิตามินบีรวม วิตามินบี 6 กรดแพนโทเธ็นนิค วิตามินบี 3 วิตามินซี วิตามินบี 5
o สารหรืออาหารต้านฤทธิ์
+ สุรา ยาปฏิชีวนะ ยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน
o การประเมิน
+ สามารถ ทำได้โดย วัดปริมาณไรโบฟลาวินในปัสสาวะ การวัดการทำงานของเอนไซม์ glutathione reductase ในเม็ดเลือดแดง โดยปกติจะมีระดับวิตามินบี 2 ในซีรัม เท่ากับ 4 24 ไมโครกรัมต่อเดซิลิตร และพบในปัสสาวะ มากกว่า 120 ไมโครกรัมต่อเดซิลิตร