วิตามินบี 6
- Tab 1
- Tab 2
- Tab 3
วิตามินบี 6
วิตามินบี 6 เป็นวิตามินประเภทละลายในน้ำ มีประโยชน์ต่อร่างกาย หลายประการ ได้แก่
- ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันและเม็ดเลือดแดง
- ช่วยในการเผาผลาญโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน
- ช่วยรักษาสุขภาพของผิวหนังและระบบประสาท
- ช่วยกำจัดโฮโมซิสเตอีนส่วนเกิน โฮโมซิสเตอีนคือกรดอะมิโนที่ร่างกายผลิตขึ้นเมื่อมีการย่อยโปรตีน สมาคมหัวใจแห่งอเมริกาพบว่า ระดับโฮโมซิสเตอีนในเลือดสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ
- ช่วยเปลี่ยนไกลโคเจนในตับและกล้ามเนื้อให้เป็นพลังงาน
- ช่วยในการสังเคราะห์และควบคุมการปฏิบัติหน้าที่ของ DNA และ RNA ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการบ่งบอกพันธุกรรม
แหล่งที่พบ
วิตามินบี 6 พบมากในเนื้อสัตว์ เช่น ปลา เครื่องในสัตว์ เช่น ตับ นม ไข่แดง ข้าวที่ไม่ได้ขัดสี เมล็ดธัญพืช ถั่วชนิดต่างๆ ผักใบเขียว กล้วย เป็นต้น
ปริมาณที่แนะนำ
ร่างกายเราต้องการวิตามินบี 6 ปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น ประมาณ 2 มิลลิกรัมต่อวัน
ภาวะบางอย่างที่อาจทำให้ความต้องการ วิตามินบี 6 เพิ่มมากขึ้น ได้แก่ การติดสุรา โรคตับ ท้องร่วง มีปัญหาด้านลำไส้ ความเครียด การเจ็บป่วยเรื้อรัง หรือบาดเจ็บสาหัส เป็นต้น
ผลของการขาด
คนที่ขาดวิตามินบี 6 พบได้น้อย เพราะมีในอาหารพอเพียง และต้องการในปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น สาเหตุของการขาดวิตามินบี 6 อาจเนื่องมาจากได้รับอาหารไม่เพียงพอ ได้รับยาบางชนิด เช่น ยารักษาวัณโรค ยาคุมกำเนิด และผู้ที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรม
อาการของการขาดวิตามินบี 6 ได้แก่ อ่อนเพลีย เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน บางคนผมร่วง ริมฝีปากแห้งแตก มีแผลในปาก มีอาการทางประสาท ความคิดสับสน นอนไม่หลับ ซึมเศร้า บางคนมีโลหิตจางแบบเม็ดเลือดแดงมีขนาดเล็ก
ผลของการได้รับมากเกินไป
โดยปกติแล้ววิตามินบี 6 ไม่ได้ทำให้เกิดผลข้างเคียงใดๆ ยกเว้นหากรับประทานขนาดเป็นกรัมนานหลายเดือน เช่น ขนาด 6 กรัมนาน 2 เดือน เพื่อรักษาอาการปวดท้องก่อนมีประจำเดือน จะมีผลต่อระบบประสาท มีอาการเดินเซ มึนงง รอบๆ ปาก มือ และเท้าชา หากตรวจร่างกายจะพบว่าเสียความรู้สึกในการรับรู้ตำแหน่งการสั่นสะเทือนของปลายแขนและขา ความเจ็บปวด ความรู้สึกร้อน การรับรู้สัมผัส และปฏิกิริยาตอบกลับโดยอัตโนมัติ อาการจะดีขึ้นเมื่อหยุดวิตามินบี 6 แล้ว 6 เดือน
สารหรืออาหารเสริมฤทธิ์ ได้แก่ วิตามินบีรวม วิตามินบี 1 บี 2 บี 5 วิตามินซี แมกนีเซียม โปตัสเซียม
สารหรืออาหารต้านฤทธิ์ ได้แก่ ยาพวกคอร์ติโซน ฮอร์โมนเอสโตรเจน ยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน
วิตามินบี 6
เป็นที่รู้จักกันดีในแง่ของวิตามินบำรุงประสาทและภูมิคุ้มกันโรค มันจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการทำงานของเอนไซม์มากกว่า ๖๐ ชนิด และยังเป็นประโยชน์ต่อการสร้างสารสำคัญอีกมาก เช่น โปรตีนและกรดนิวคลีอิก
นักโภชนาการชั้นนำไม่แน่ใจว่า มนุษย์ปัจจุบันได้รับ วิตามินบี 6 เพีงพอหรือเรากำลังอยู่ในภาวะครึ่งผีครึ่งคน คือได้รับต่ำจนแทบจะขาดแคลน
ถึงแม้ทุกวันนี้วงการแพทย์ยังไม่พบ การขาดวิตามินบี 6 ในประชากรหมู่มาก แต่นักโภชนาการยังเชื่อว่าการเสริมบ้างก็น่าจะดี โดยเฉพาะในคนสูงวัย ซึ่งเสี่ยงต่อการขาด วิตามินทุกชนิด
หมอหลายท่านนิยมจ่ายวิตามินเม็ดสีชมพูให้ผู้สูงวัย เรียกง่ายๆแบบชาวบ้านว่า วิตามินบำรุงประสาท นั่นก็คือส่วนผสมของ วิตามินบี 1 บี 6 และบี 12 หรือวัน-ซิกซ์-ทเวลฟ์
การค้นพบวิตามินตัวนี้ค่อนข้างแปลง คือนักวิจัยค้นพบสารสามตัวพร้อมกันได้แก่ ไพริดอกซีน (Pyridoxine) ไพริดอกซามิน (Pyridoxamine) และไพริดอกซาล(Pyridoxal)
ทั้งสามตัวมีฤทธิ์เหมือนกัน พบในอาหารชนิดเดีนวกันตามธรรมชาติ นักวิทยาศาสตร์จึงถือว่า สารทั้งสามเป็นวิตามินตัวเดียวกัน เรียกเหมาโหลว่า วิตามินบี 6
วิตามินบี 6 มีชื่อเป็นทางการว่า ไพริดอกซีน เป็นสารที่ละลายดีในน้ำ ค้นพบในปีค.ศ.๑๙๓๔ และสกัดได้ในปีค.ศ.๑๙๓๙ โดยนักวิจัยหลายท่าน
ในปีเดียวกัน เยอรมันและอเมริกาก็ประสบผล สำเร็จในการสังเคราะห์วิตามินนี้ขึ้นได้
งานหลักของสารกลุ่มนี้ คือการช่วยงานใน ปฏิกิริยาเปลี่ยนแปลงโปรตีนและกรดอะมิโนหลายตัว มันไม่ได้ช่วยปลดปล่อยพลังงานโดยตรง เหมือนวิตามินบีตัวอื่นๆ แต่มันก็ช่วยทางอ้อม โดยการเคลื่อนย้ายไนโฏตรเจนจากกรดอะมิโน ทำให้ร่างกายผลิตพลังงานได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ วิตามินบี 6 ยังช่วยผลิตภูมิคุ้มกัน ผลิตสารสีแดงบนเม็ดเลือด และยังช่วยผลิตฮอร์โมนหลายตัว
การที่เราไม่รู้จักวิตามินบี 6 เพียงพอ เคยทำให้ทารกในอดีตจำนวนมากเกิดอาการชักเกร็ง เพราะได้รับนมผงที่ขาดวิตามินบี 6 อันเป็นผลจากกรรมวิธีการผลิตที่ทำลายวิตามิน
ถ้าคุณได้รับวิตามินบี 6 ไม่เพียงพอ คุณจะปรากฏอาการแบบที่เรียก "ชราภาพ" หลายประการ เช่น ภูมิคุ้มกันต่ำลง ติดเชื้อ ป่วยเป็นโรคง่าย สภาพจิตเสื่อมโทรม มีปัญหาเกี่ยวกับโรคหัวใจ อาจเกิดเนื้องอกหรือมะเร็ง นี่เป็นคำบอกเล่าจากนักวิจัยมหาวิทยาลัยทัฟห์แห่งสหรัฐอเมริกา
งานวิจัยใหม่ๆแสดงให้เห็นว่า วิตามินบี 6 เกี่ยวกับโรคหัวใจแนบแน่นกล่าวคือ มันมีส่วนช่วยในการขจัดโฮโมซีสเทอีนที่เป็นพิษ จึงช่วยลดความเสี่ยงจากโรคหัวใจได้
หญิงบางคนมีอาการหงุดหงิด เศร้าซึมก่อนประจำเดือนมา อาจหายได้ด้วยการรับประทานวิตามินบี 6 วันละ ๕๐ มิลลิกรัมทุกๆวัน
ในวงการแพทย์นิยมจ่ายวิตามินบี 6 เสริมในหญิงมีครรภ์ เพื่อลดอาการแพ้ท้อง อาการไม่สบายระหว่างมีประจำเดือน ในคนที่ไวต่อผงชูรส แต่ยังเป็นที่ถกเถียงถึงคุณประโยชน์ เพราะข้อมูลสนับสนุนยังไม่เพียงพอ
แหล่งสำคัญในอาหาร
วิตามินบี 6 มีในอาหารทุกชนิดเช่นเดียวกับกรดแพนโทเทนิก
พืชเป็นแหล่งอาหารชั้นดีไม่แพ้เนื้อสัตว์ต่างๆ แต่พบว่าในพืช มักเป็นวิตามินบี 6 ในรูปไพริดอกซีน
ส่วนในสัตว์จะเป็นอีกสองตัวที่เหลือ
แต่ไม่ว่าจะเป็นไพริดอกซีน ไพริดอกซามีน หรือไพริดอกซาล ล้วนมีประสิทธิภาพเท่าเทียมกัน เพราะทุกตัวจะเปลี่ยนรูปเป็นโคเอนไซม์ที่ขยันขันแข็งเรียกว่า "ไพริดอกซีน-๕๐-ฟอสเฟต"
ข้าวซ้อมมือ เม็ดถั่ว เมล็ดพืช เป็นแหล่งวิตามินบี 6 ที่ดี ผักทั่วไปมีน้อยลงมาหน่อย แต่ถ้ากินผักมากๆ ก็จะได้บี ๖ เพียงพอ การสีข้าวหรือการบดแป้งจะทำให้วิตามินบี 6 สูญเสียไปส่วนหนึ่ง
เกิน
วิตามินบี 6 ละลายไดดีในน้ำ และถูกขับออกมาพร้อมน้ำจากร่างกาย คือปัสสาวะนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม หากได้รับบี ๖ สูงกว่าปรกติ ร้อยเท่าขึ้นไป เช่นกินวันละ ๕๐๐ มิลลิกรัม อาจก่ออันตรายต่อปลายประสาท เช่น มือชา หรือเสียวแปลบจนเดินไม่ได้ แต่อาการจะหายไป เมื่อหยุดกินวิตามินขนาดสูง
วิตามินบี 6 ขนาดสูงยังทำให้เสี่ยงต่อนิ่วในไต เพราะมันเร่งการขับสารออกซาเลต ซึ่งจะจับตัวเป็นก้อนนิ่ว
ขาด
มีการสำรวจในอเมริกาในปีค.ศ.๑๙๘๐ ทำทั่วประเทศพบว่า ประชาชนครึ่งหนึ่งได้รับวิตามินบี 6 ไม่ถึงร้อยละ ๗๐ ของปริมาณ ที่ควรได้รับ
ในปีค.ศ.๑๙๙๐ มีการสำรวจซ้ำ พบว่าประชาชนก็ยังขาดบี ๖ เหมือนเดิมเพราะพฤติกรรมการบริโภคของประชาชนไม่ดีขึ้น มีแต่จะแย่กว่าเก่า
และยังพบว่ากลุ่มคนที่มีวิตามินบี 6 ในกระแสเลือดน้อยผิดปรกติ คือ หญิงมีครรภ์ คนชรา ผู้ติดสุราเรื้อรัง และ Down Syndrome (โรคพิการทางสมองทำให้ปัญญาอ่อน)
แล้วทำไมคนเราจึงเสี่ยงต่อการขาดบี ๖
เพราะในชีวิตจริง คนส่วนใหญ่กินผักน้อยเกินไป และไม่กินข้าวซ้อมมือเลยตลอดชีวิต
คนไทยก็อีหรอบเดียวกับฝรั่ง คนไทยรุ่นใหม่ไม่ค่อยกินผักจิ้มน้ำพริกเหมือนปู่ย่า ข้าวซ้อมมือหายจาก ตลาดไปนานแล้ว เพิ่งจะกลับฟื้นฟูกันใหม่ แต่ก็กินกันในคนหมู่น้อย โอกาสขาดวิตามินบี 6 จึงมีมาก
ขาดแล้วเป็นอย่างไร
มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์วอชิงตันได้ทดลองจำกัดปริมาณวิตามินบี 6 ในอาหารเลี้ยงลิงทดลอง พบว่าเกิดอาการหลอดเลือดแข็งตัว และในหนูทดลองเกิดภาวะความดันโลหิตสูง
การทดลองทั้งในคนและสัตว์ พบอาการช้ำบนผิวหนัง โลหิตจาง หลอดเลือดหัวใจผิดปรกติ เนื้อเยื่อตับเปลี่นแปลง ระบบประสาทแปรปรวน
ในมนุษย์ การขาดวิตามินตัวนี้ อาจก่อผลต่อระบบประสาท จิตใจซึมเศราและโรคลมชัก (พบได้ในเด็กอ่อน) ผิวหนังหยาบกร้าน เป็นแผลที่ลิ้น โลหิตจาง ร่างกายจะลดการสร้างเซลล์ เม็ดเลือดขาวที่ช่วยงานในระบบภูมิคุ้มกันโรค
เมื่อให้วิตามินบี 6 อาการดังกล่าวก็หายไป
การขาดวิตามินบี 6 เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น คนที่เป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง
คนชราที่เบื่ออาหาร นอกจากจะได้รับวิตามินน้อยแล้ว ยังดูดซึมและใช้ประโยชน์จากวิตามินน้อยลงด้วย
ยาบางชนิดเช่นยาคุมกำเนิด สเตียรอยด์ ยาปฏิชีวนะ ชื่อไอโซไนอาซิด และ เพนิซิลลามีน ก็จะทำให้ร่างกายต้องใช้บี ๖ เพิ่มมากขึ้น ถ้าคุณกินยาดังกล่าว ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร ในเรื่องการเสริมวิตามินบี 6
หากต้องเสริมวิตามินบี 6 แพทย์มักจ่ายไพริดอกซีนในขนาด ๑๐-๕๐ มิลลิกรัมต่อวัน คนบางคนมีความต้องการใช้บี ๖ สูงเป็นพิเศษตั้งแต่เกิด และบางคนทีเป็นโรคโลหิตจางชนิดพิเศษ ก็ต้องเสริมวิตามินบี 6 ด้วย
โดยธรรมชาติเมื่อคนเราแก่ตัวลง เราจำเป็นต้องใช้วิตามินบี 6 สูงกว่าหนุ่มสาวราว ๒๐%
แต่ในชีวิตจริงคนแก่จะทานอาหาร น้อยกว่าหนุ่มสาว ดังนั้นคนแก่จึงมีปัญหาเกี่ยวกับจิตประสาท และภูมิคุ้มกันต่ำลง
บางคนเห็นพ่อแม่ผู้เฒ่าของตัวเอง อารมณ์แปรปรวน ขี้น้อยใจ หลงลืมแทนที่จะคิดถีงภาวะขาดวิตามิน กลับนึกรำคาญคนแก่และ ไม่คิดหาทาง ปรับภาวะโภชนาการให้ดีขึ้น ปล่อยให้คนแก่ผจญโรคอันเกิดจากทุพโภชนาการต่อไป
วิตามินบี 6 (Pyridoxine)
วิตามินบี 6 มีส่วนประกอบที่สำคัญ 3 ชนิด คือ ไพริดอกซีน (Pyridoxine) ไพริดอกซาล (Pyridoxal) และไพริดอกซามัน (Pyridoxamine)วิตามิน บีหก ไม่มีกลิ่น มี รสเค็ม ละลายในน้ำได้ และละลายในสารละลายที่เป็นกรดและด่างปานกลาง แต่สลายตัวได้ง่ายเมื่อถูกแสงแดด ไพริดอกซีน ทนต่อความร้อนมากกว่าไพริดอกซาลและไพริดอกซามิน วิตามินบี 6 พบใน ตับ เครื่องในสัตว์ เนื้อ ปลา นม ไข่แดง ข้าวโพด ข้าวโอ๊ต ข้าวซ้อมมือ รำข้าว จมูกข้าวสาลี มันฝรั่ง ถั่วสด ถั่วเมล็ดแห้ง เมล็ดงา กล้วย แคนตาลูป กะหล่ำปลี น้ำเต้า เห็ด และบริวเวอร์ยีสต์ แต่ที่มีมาก ได้แก่ เนื้อ ข้าวกล้องทั้งเม็ด (ยังไม่ขัดสี) ตับแห้ง และบริวเวอร์ยีสต์ วิตามินบี 6 เป็นตัวสำคัญที่จะทำให้การดูดซึมของวิตามิน บี12 เข้าสู่ร่างกายได้เต็มที่และสมบูรณ์ ,ช่วยวิตามิน เอฟ (Linoleic acid หรือ Unsaturated fatty acid) ปฎิบัติหน้าที่ดีขึ้น , วิตามิน บีหก นี้เป็นส่วนประกอบของโคเอนไซม์ที่สำคัญตัวหนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่เผาผลาญ และใช้คาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีน ให้เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย , การสร้างเซโรโทนิน (serotonin) ซึ่งเป็นฮอร์โมน ช่วยในการหดตัวของกล้ามเนื้อเรียบ และมีผลต่อการควบคุมการทำงานของสมองและเนื้อเยื่อ , การสร้างสารภูมิคุ้มกันโรค และสังเคราะห์สารแรกเริ่มของวงแหวนเฟอร์ไฟริน (porphyrinring) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของเฮโมโกลบิน ,การสร้างกรดอะมิโนที่ไม่จำเป็นต่อร่างกาย ,ช่วยในการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเม็ดโลหิตแดง , ช่วยในการปล่อยน้ำตาล (Glycogen) จากตับและกล้ามเนื้อออกมาเป็นกำลังงาน ,ช่วยในการเปลี่ยนทริพโตฟาน (Tryptophan) เป็นไนอะซินหรือวิตามิน บีสาม ,วิตามิน บีหก เป็นตัวสำคัญในการสังเคราะห์ และควบคุมการปฎิบัติหน้าที่ของ DNA และ RNA ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการบ่งบอกพันธุกรรม ,ช่วยในการควบคุมความสมดุลของน้ำในร่างกาย และส่งเสริมการทำงานของระบบประสาท กล้ามเนื้อ และกระดูก ,ป้องกันการคลื่นไส้ระหว่างตั้งครรภ์ ,มีผลในการรักษาโรคเสื่อมสมรรถภาพของอวัยวะต่าง ๆ โรคหัวใจ และเบาหวาน ,มีผลในการลดระดับคอเลสเตอรอล ,ป้องกันอาการตื่น และไม่สงบของประสาท นอนไม่หลับ , มีคุณสมบัติเป็นยาขับปัสสาวะธรรมชาติ,ช่วยลดอาการบวมในระยะก่อนมีประจำเดือน ถ้าขาด วิตามินบี 6 ทำให้มีน้ำตาลในเลือดต่ำ อ่อนเพลีย น้ำหนักลด นิ่วในไต ฟันผุ ติดโรคง่าย เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียนอาจจะเกิดผมร่วง บวมระหว่างตั้งครรภ์ เป็นรอยแตกรอบ ๆ ปาก และตา ปากเปื่อย ริมฝีปากและลิ้นเป็นแผล ชาและเป็นตะคริวที่ขา และแขน ความจำเสื่อม การมองเห็นจะไม่เป็นปกติ ประสาทอักเสบ ไขข้ออักเสบ หัวใจจะไม่ปกติ จะมีอาการเกี่ยวกับประสาทด้วย กระวนกระวาย ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ ซึมเศร้า มือเท้าตายเป็นการชั่วคราว ปัสสาวะมากกว่าปกติ ถ้าปล่อยให้ขาดวิตามิน บีหก ตลอดเวลาที่ตั้งครรภ์อาจจะทำให้เด็กตายในท้องก่อนคลอด หรือเด็กอาจจะมีอาการชักแล้วแท้ง บางคนมีอาการแสดงของคราบไขมันที่ผิวหนังบริเวณรอบตา บริเวณคิ้ว และมุมปาก (Seborrheic dermatitis)เด็กที่ขาดวิตามิน บีหก จะมีอาการชัก มีอาการอักเสบของประสาทชั่วขณะ
* ข้อมูลทั่วไป
o วิตามินบี 6 มีส่วนประกอบที่สำคัญ 3 ชนิด คือ ไพริดอกซีน (Pyridoxine) ไพริดอกซาล (Pyridoxal) และไพริดอกซามัน (Pyridoxamine) มีสูตรโครงสร้างประกอบด้วยวงแหวนไพริดิน (Pyridine)วิตามิน บีหก ถ้าทำให้เป็นผลึกจะเป็นสีขาว ไม่มีกลิ่น มี รสเค็ม ละลายในน้ำได้ และละลายในสารละลายที่เป็นกรดและด่างปานกลาง แต่สลายตัวได้ง่ายเมื่อถูกแสงแดด ไพริดอกซีน ทนต่อความร้อนมากกว่าไพริดอกซาลและไพริดอกซามิน วิตามินบี 6 จัดอยู่ในวิตามินประเภทละลายในน้ำ (Water- Soluble) เป็นสมาชิกสำคัญของวิตามิน บีรวม (B Complex) วิตามินบี 6 คงทนต่อความร้อนได้ดี และประมาณ 60 % ของ วิตามินบี 6 ในเลือดอยู่ในรูปของ Pyridoxal phosphate (PLP) เป็นโคเอนไซม์ที่ช่วยในปฎิกิริยาการเมแทบอลิซึม ของกรดอะมิโน คาร์โบไฮเดรต และกรดไขมันในร่างกาย
o ประวัติ
+ ค. ศ. 1934 กีเยอร์กี รายงานว่ามีสารอย่างหนึ่งในวิตามิน บี เมื่อหนูขาวขาดสารนี้ จะมีการอักเสบของผิวหนัง หนังจะหนาและลอกตามบริเวณเล็บ มือ จมูก ปาก รอบ ๆ ตา และเรียกชื่อวิตามินนี้ว่า วิตามิน บีหก
+ ค.ศ. 1938 แฮริส และฟอล์กเกอร์ สามารถแยกออกเป็นสารบริสุทธิ์
+ ค.ศ. 1939 คุนห์ และ เวนด์ สามารถสังเคราะห์ ขึ้นมาเป็นสารบริสุทธิ์ได้
* ประโยชน์ต่อร่างกาย
o เป็นตัวสำคัญที่จะทำให้การดูดซึมของวิตามิน บี12 เข้าสู่ร่างกายได้เต็มที่ และสมบูรณ์
o Decarboxylation ของกรดอะมิโนหรือเมตาบอลิซึมของไขมันและ กรดนิวคลิอิค (Nucleic acid)
o ช่วยวิตามิน เอฟ (Linoleic acid หรือ Unsaturated fatty acid) ปฎิบัติหน้าที่ดีขึ้น
o วิตามิน บีหก นี้เป็นส่วนประกอบของโคเอนไซม์ที่สำคัญตัวหนึ่งซึ่งทำหน้าที่เผาผลาญ และใช้คาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีน ให้เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
o การสร้างเซโรโทนิน (serotonin) ซึ่งเป็นฮอร์โมน ช่วยในการหดตัวของกล้ามเนื้อเรียบ และมีผลต่อการควบคุมการทำงานของสมองและเนื้อเยื่อ
o การสร้างสารภูมิคุ้มกันโรค และสังเคราะห์สารแรกเริ่มของวงแหวนเฟอร์ไฟริน (porphyrinring) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของเฮโมโกลบิน
o การ สร้างกรดอะมิโนที่ไม่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น อะลานีน กรดกลูทามิก กรดแอสพาร์ทิก ในตับโดยอาศัยปฎิกิริยาเคลื่อนย้ายหมู่อะมิโน (Transamination)
o ช่วยในการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเม็ดโลหิตแดง
o ช่วยในการปล่อยน้ำตาล (Glycogen) จากตับและกล้ามเนื้อออกมาเป็นพลังงาน
o ช่วนในการเปลี่ยนทริพโตฟาน (Tryptophan) เป็นไนอะซินหรือวิตามิน บีสาม
o วิตามิน บีหก เป็นตัวสำคัญในการสังเคราะห์ และควบคุมการปฎิบัติหน้าที่ของ DNA และ RNA ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการบ่งบอกพันธุกรรม
o ช่วยในการควบคุมความสมดุลของน้ำในร่างกาย และส่งเสริมการทำงานของระบบประสาท กล้ามเนื้อ และกระดูก
o ป้องกันการคลื่นไส้ระหว่างตั้งครรภ์
o มีผลในการรักษาโรคเสื่อมสมรรถภาพของอวัยวะต่าง ๆ โรคหัวใจ และเบาหวาน
o มีผลในการลดระดับคอเลสเตอรอล
o ป้องกันอาการตื่น และไม่สงบของประสาท นอนไม่หลับ
o มีคุณสมบัติเป็นยาขับปัสสาวะธรรมชาติ
o ช่วยลดอาการบวมในระยะก่อนมีประจำเดือน
* แหล่งที่พบ
o เมล็ด พืช เมล็ดพืชชั้นในทั้งหลาย เช่น เมล็ดแอพริคอท เมล็ดแตงโม เมล็ดพลับ เมล็ดถั่วอัลมอนด์และจำพวกเมล็ดพืชอื่นๆเช่น เมล็ดทานตะวัน ข้าว ถั่ว และถั่วแมคคาดาเมีย
* ปริมาณที่แนะนำ
ทารก 0.3 - 0.6 มิลลิกรัม /100 กรัมของโปรตีน / วัน
เด็ก 0.6 - 1.2 มิลลิกรัม /100 กรัมของโปรตีน / วัน
ผู้ชาย 2.2 มิลลิกรัม / วัน
ผู้หญิง 2 มิลลิกรัม / วัน
หญิงตั้งครรภ์ +0.6 มิลลิกรัม / วัน
หญิงให้นมบุตร +0.5 มิลลิกรัม / วัน
o วิตามิน นี้ทำหน้าที่ส่วนใหญ่เกี่ยวกับปฎิกิริยาการเมแทบอลิซึมของโปรตีน เพราะฉะนั้นถ้ากินอาหารโปรตีนมากจะต้องได้รับวิตามินนี้มากด้วย ปริมาณวิตามิน บีหก ที่จัดว่าเป็นปริมาณปลอดภัยคือ วิตามินบีหก 2 มิลลิกรัม สำหรับการได้รับโปรตีนจากอาหาร 100 กรัม
o เกลือและสังกะสี เป็นอาหารที่สามารถปฎิบัติงานแทนวิตามิน บีหก ได้ในหลาย ๆ สถานการณ์
* ผลของการขาด
o น้ำตาลในเลือดต่ำ อ่อนเพลีย น้ำหนักลด นิ่วในไต ฟันผุ ติดโรคง่าย เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน
o อาจ จะเกิดผมร่วง บวมระหว่างตั้งครรภ์ เป็นรอยแตกรอบ ๆ ปาก และตา ปากเปื่อย ริมฝีปากและลิ้นเป็นแผล ชาและเป็นตะคริวที่ขา และแขน ความจำเสื่อม การมองเห็นจะไม่เป็นปกติ ประสาทอักเสบ ไขข้ออักเสบ
o หัวใจจะไม่ปกติ จะมีอาการเกี่ยวกับประสาทด้วย กระวนกระวาย ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ ซึมเศร้า
o มือเท้าตายเป็นการชั่วคราว
o ปัสสาวะมากกว่าปกติ
o ถ้า ปล่อยให้ขาดวิตามิน บีหก ตลอดเวลาที่ตั้งครรภ์อาจจะทำให้เด็กตายในท้องก่อนคลอด หรือเด็กอาจจะมีอาการชักแล้วแท้ง ดังนั้นสำหรับหญิงมีครรภ์ควรจะแน่ใจว่าได้ วิตามิน บีหก เพียงพอเพื่อว่าเด็กในท้องจะได้รับวิตามินชนิดนี้พอเพียง
o บางคนเกิดโลหิตจางแบบ Microcytic hypochromic anemia คือเม็ดเลือดแดงมีขนาดเล็กซึ่งรักษาโดยให้เหล็ก กรดโฟลิค หรือวิตามิน บีสิบสอง ไม่ได้ผล แต่ถ้าให้วิตามิน บีหก รักษา อาการจะหายไป
o บางคนมีอาการแสดงของคราบไขมันที่ผิวหนังบริเวณรอบตา บริเวณคิ้ว และมุมปาก (Seborrheic dermatitis)
o เด็กที่ขาดวิตามิน บีหก จะมีอาการชัก มีอาการอักเสบของประสาทชั่วขณะแต่ไม่รับรองว่าถ้าชักบ่อย แล้วทำให้เกิดความพิการของสมองหรือไม่
ผลของการได้รับมากไป
o จาก การศึกษาพบว่าถึงแม้ฉีดเข้าเส้นไปในปริมาณ 200 มิลลิกรัม ก็ไม่มีพิษเกิดขึ้นและการได้รับทางปากในปริมาณ 100 - 300 มิลลิกรัมต่อวัน ก็ไม่ปรากฎว่าการเป็นพิษเกิดขึ้นเช่นกัน แต่ถ้ากินขนาดเป็นกรัม หลายเดือน เช่นขนาด 6 กรัมนาน 2 เดือน เพื่อรักษาอาการปวดท้องก่อนการมีประจำเดือน จะมีผลต่อระบบประสาท มีอาการเดินเซ รอบ ๆ ปาก มือ และเท้าชา ตรวจร่างกายพบว่าเสียความรู้สึกในการรับรู้ตำแหน่งการสั่นสะเทือนของปลายแขน และขา ความเจ็บปวด ความรู้สึกร้อน การรับรู้สัมผัส และการสะท้อน (Reflex) อาการจะดีขึ้นเมื่อหยุดวิตามิน บีหกแล้ว 6 เดือน
ข้อมูลอื่นๆ
o การ ดูดซึม ร่างกายจะดูดซึม วิตามิน บีหกจากอาหารได้เร็วที่ลำไส้เล็กตอนต้น เมื่อเข้าไปในร่างกายจะเปลี่ยนไปเป็น โคเอนไซม์ ในรูปของ ไพริดอกซาลฟอสเฟต ที่เหลือจากความต้องการของร่างกายจะถูกขับออกมาทางปัสสาวะภายใน 8 ชั่วโมง หลังจากบริโภค และไม่เก็บสะสมไว้ที่ตับในรูปของวิตามิน บีหก หรือในรูปของกรดไพริดอกซิก ถ้าไม่ปัสสาวะไม่มีสารประกอบตัวนี้แสดงว่าร่างกายได้รับวิตามิน บีหกไม่พอ
+ เด็ก ที่กินอาหารสำเร็จรูปที่มีวิตามินนี้น้อย หรือกินนมที่ถูกความร้อนนานเกินไป ปกติในน้ำนมคน และน้ำนมวัวมีวิตามิน บีหกเพียงพอแต่ถ้าถูกความร้อนนาน วิตามิน บีหก จะถูกทำลาย
+ ผู้ที่กินยาเม็ดคุมกำเนิดเป็นประจำ ยาเม็ดคุมกำเนิดเป็นฮอร์โมนเพศ ที่จะเพิ่มการเปลี่ยนทริปโทเฟนเป็นไนอาซิน มากขึ้น ดังนั้นความต้องการวิตามินบีหกของผู้ที่กินยาเม็ดคุมกำเนิด จะสูงกว่าปกติ ถ้ารับประทานในปริมาณปกติ อาจจะเกิดการขาดได้
o สารหรืออาหารเสริมฤทธิ์
+ วิตามิน บีรวม (B Complex)
+ วิตามิน บีหนึ่ง บีสอง บีห้า
+ วิตามิน ซี วิตามิน เอฟ (Linoleic acid)
+ แมกนีเซียม โปตัสเซียม
o สารหรืออาหารต้านฤทธิ์
+ ยาพวกคอร์ติโซน (Cortisone)
+ ฮอร์โมน เอสโทรเจน (Estrogen)
+ ยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน
o การประเมิน
+ Plasma PLP หาโดยวิธี Radioenzymatic และ HPLC แต่ตัวที่จะบ่งบอกภาวะของวิตามิน บีหกดีที่สุด ได้แก่ การวัด Enzyme activity of erythrocyte aspartate aminotransferase (AST) ก่อนและหลังการกระตุ้นด้วย PLP ค่าปกติของวิตามิน บีหก ในพลาสม่า 5-30 ng/mL และ AST activity เพิ่มขึ้นด้วย PLP < 50 % ถ้ามากกว่า 50 % หมายความว่าขาด
+ ดัชนีบ่งชี้ภาวะวิตามิน บีหก โดยทั่ว ๆ ไปจะใช้วิธีการวัดปริมาณวิตามิน บีหกโดยตรง (Vitamer forms of vitamin b6) หรือใช้วิธีวัด Functional test ซึ่งเป็นวิธีวัดทางอ้อมโดยวัดการทำงานของ Enzyme ที่ขึ้นอยู่กับปริมาณวิตามิน บีหก (Activity of vitamin B6 depen dent enzyme) ซึ่งเป็นการประเมินภาวะวิตามิน บีหกใน Body fluid ได้ดังต่อไปนี้
1. วัดปริมาณ Pyridoxal phosphate (PLP) ในเม็ดเลือดแดง หรือ พลาสมา ซึ่งเป็นการวัดปริมาณ Pyridoxal phosphate โดยตรงและยังมีวิธีการวัด Activity ของ Enzyme ที่ขึ้นอยู่กับวิตามิน บีหกในรูปแบบของ Pyridoxal phosphate โดยทางอ้อม เพราะ Enzyme เหล่านี้จะทำงานได้ดีก็เพราะมี Pyridoxal phosphate เพียงพอ นอกจากนั้นยังขึ้นอยู่กับปริมาณอาหารโปรตีนที่บริโภค และสภาพแวดล้อมที่มีผลต่อการทำงานของ Enzyme alkaline phosphate วิธีการวัดปริมาณ Pyridoxal phoshate ในพลาสมาเป็นการวัดที่นิยมใช้กันมากเมื่อไม่นานนี้ สามารถใช้เลือกที่เจาะจากปลายนิ้วในการวิเคราะห์ซึ่งจะให้ผลเหมือนกันกับ เลือดที่เจาะจากหลอดเลือด Pyridoxal phosphate ค่อนข้างอยู่ตัวสามารถเก็บพลาสมาไว้ได้ที่ - 20 ซ เป็นเวลานาน
2. วัดปริมาณวิตามิน บีหก หรือ Metabolite ส่วนใหญ่ของ Pyridoxine คือ 4 - Pyridoxic acid ในปัสสาวะ ความเข้มข้นของ Metabolites ในปัสสาวะจะสะท้อนให้เห็นถึงผลของการบริโภคอาหารที่มีวิตามิน บีหกเมื่อเร็ว ๆ นี้มีมากกว่าที่จะบอกถึง สภาวะของการสะสมวิตามินไว้ในเนื้อเยื่อ เมื่อปริมาณ Pyridoxic acid ในปัสสาวะต่ำกว่า 1 มิลลิกรัม/วัน จะถือว่าขาดวิตามิน บีหก การเก็บปัสสาวะจะใช้วิธีการเก็บในรอบ 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นการยากที่จะเก็บได้ถูกต้องครบถ้วน จำเป็นต้องติดตามควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด วิธีการนี้จึงเหมาะที่จะใช้ในคลินิก หรือ โรงพยาบาล
3. วัด Activity ของ Enzyme aminotransferase ในเม็ดเลือดแดง หลักการเหมือนกันกับการประเมินวิตามิน บีหนึ่ง และบีสอง Enzyme aminotransferase ในเม็ดเลือดแดงมีสองชนิด คือ Erythrocyte aspartate aminotransferase (EAST) และ Erythrocytealanine aminotransferase (EALT) วัด Activity ของ Enzyme ในหลอดทดลองโดยการเติมและไม่เติม Pyridoxal 5 phosphate ซึ่งเป็น Coenzyme ของ Enzyme transaminase
เมื่อคำนวณค่า Activation Coefficient ได้สูงกว่า 1.5 แสดงว่ามีการขาดวิตามิน บีหก
การประเมินภาวะโภชนาการของวิตามิน บีหก โดยการวัดการทำงานของ Enzyme transaminase เป็นการประเมินทางอ้อม และจะสะท้อนให้เห็นถึงภาวะของวิตามิน บีหก ที่ได้มาจากอาหารที่บริโภคในระยะยาว ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติของช่วงอายุ ของเม็ดเลือดแดง
4. Tryptophan load test เป็นการทดสอบ Function ของ Enzyme หลาย ๆ ชนิดโดยเฉพาะอย่างยิ่ง Enzyme kyureninase ซึ่งมีความไวโดยเฉพาะต่อการขาด วิตามิน บีหกโดยการวัดปริมาณกรด Kyurenic และ Xanthurenic ในปัสสาวะก่อนและหลังการให้รับประทานกรดอะมิโน Tryptophan การเก็บปัสสาวะจะใช้วิธีเก็บปัสสาวะ 24 ชั่วโมง วิธีการประเมินโดยวิธีนี้จะสามารถตรวจสอบการขาดวิตามิน บีหก ได้ตั้งแต่เริ่มแรก แต่ก็มีปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่มีผลต่อการทดลองนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเก็บตัวอย่างปัสสาวะ ทำให้มีข้อจำกัดต่อการที่จะนำวิธีการทดสอบนี้ไปประยุกต์ใช้
+ วิธีการที่ใช้ในการประเมินภาวะวิตามิน บีหก ในปัจจุบันนี้ คือการวิเคราะห์ปริมาณ Pyridoxal phosphate vitamer forms ของวิตามิน บีหก ในพลาสมา