การเป็นคนที่มีเสน่ห์

การเป็นคนที่มีเสน่ห์ ทุกคนต่างมีความปรารถนาที่จะให้มีคนรัก ชื่นชอบ อยากเป็นคนที่มีรูปร่าง หน้าตาดี ผิวพรรณผุดผ่องหรือที่เรียกว่า "หล่อ" หรือ "สวย" ถือเป็นเพียงรูปธรรม คนที่รูปร่างไม่หล่อ ไม่สวย แต่รู้จักการแต่งตัว มีบุคลิก ลักษณะที่ดี อ่อนน้อมถ่อมตน เป็นคนมีนิสัยดี ร่าเริง แจ่มใส วาจาไพเราะอ่อนหวาน มีคำพูดเป็นที่ต้องหูจับใจของ ผู้ที่ได้ยิน ได้ฟัง มีน้ำใจ มีคุณธรรม เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ โอบอ้อมอารี มักจะเป็นคนที่มีคนอยากจะคบหาด้วย เพราะลักษณะดังกล่าวจะทำให้เป็นคนที่น่ารัก น่านับถือ น่านิยมชมชอบ หรืออาจเรียกว่า "คนมีเสน่ห์" ดังนั้น "คนมีเสน่ห์" จึงไม่ใช่เพียงรูปร่างหน้าตาดีเท่านั้น ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะประพฤติตนให้เป็น คนที่มีเสน่ห์ได้ เท่ากัน

1 เสน่ห์ที่กาย

มนุษย์เราสามารถรับรู้สิ่งรอบตัวด้วยสายตาเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น การที่จะปรับปรุงบุคลิกภาพให้เป็นคนที่มีเสน่ห์สามารถปฏิบัติได้ จึงประกอบด้วยคุณลักษณะดังต่อไปนี้

  • คนที่มีเสน่ห์จะมีนิสัยร่าเริงอยู่เสมอ ยิ้มแย้มแจ่มใสกับทุกคนด้วยความจริงใจ คนที่หน้าตาสดชื่นยิ้มแย้มแจ่มใสจะทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกสบายใจ อยากพูดคุยด้วย ดังนั้น เมื่อตื่นนอนต้องพยายามทำจิตใจให้สดชื่น และรักษาความสดชื่นให้ได้ทั้งวัน ควรนึกแต่เรื่องที่ดีๆ ยิ้มกับตนเอง ยิ้มกับกระจก ยิ้มกับคนในบ้าน ยิ้มกับเพื่อน พยายามระงับความโกรธ ความขุ่นเคือง อย่าให้สิ่งเหล่านี้มาทำลายสุขภาพจิตของตนเอง
  • คนที่มีเสน่ห์จะยกมือไหว้หรือรับไหว้ด้วยความนอบน้อม การยกมือไหว้เป็นวัฒนธรรมอันดีงามของไทย เป็นการแสดงการทักทาย การคารวะเคารพนับถือ ผู้อายุน้อยกว่าจะเป็นฝ่ายยกมือไหว้ผู้ใหญ่ก่อน การไหว้ต้องทำให้สวยงาม ทำด้วยความเต็มใจ มิใช่ทำเพื่อให้เสร็จๆ ไป ผู้รับไหว้ก็ต้องรับไหว้ด้วยความเต็มใจ ซึ่งจะมองออกจากการแสดงออกของผู้ไหว้และผู้รับไหว้
  • คนที่มีเสน่ห์จะมีความสง่างาม วางตัวเหมาะสม มีบุคลิกภาพที่สุภาพ ผึ่งผายจะดูแล้วมีเสน่ห์กว่าคนที่มีกิริยาที่หลุกหลิก เช่น นักเรียนของโรงเรียน ทหาร ตำรวจ และถูกฝึกให้เป็นคนมีความสง่างาม
  • คนที่มีเสน่ห์จะรู้จักการแต่งกายให้ถูกกาลเทศะ รัดกุม และเหมาะสมกับรูปร่างของตนดังสุภาษิตไทยที่ว่า "ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง" สามารถใช้ได้จนถึงปัจจุบัน ถ้ารู้จักการแต่งกาย การเลือกเสื้อผ้า หรือรูปแบบที่เหมาะสมกับตนเองแล้ว อาจจะดูดีกว่าคนที่มีรูปร่างหน้าตาดี แต่แต่งกายไม่เหมาะสมแต่มิได้หมายความว่าต้องใส่เสื้อผ้าดี ราคาแพงเสมอไป แต่ควรรู้จักเลือกแบบให้เหมาะสมกับตนเอง เลือกสีให้เข้ากับผิวพรรณ และแต่งกายให้ถูกกับสถานที่ กาลเทศะและโอกาส

2 เสน่ห์ที่ปาก

การพูดมีความจำเป็นสำหรับทุกคน เพราะต้องการสื่อสารในชีวิตประจำวัน ดังนั้น จึงควรพูดให้ผู้ฟังหรือคู่สนทนารู้สึกประทับใจ ซึ่งเรียกว่า "วาจาต้องใจ" การพูดเพื่อให้เป็นเสน่ห์แก่ตัวเองเป็นสิ่งที่ควรจะฝึกและปฏิบัติให้ได้เป็นประจำ

  • คนมีเสน่ห์เมื่อพูดกับคลใด จะให้ความสนใจกับผู้พูดด้วยความตั้งใจ เมื่อมีคนพูดด้วยเราต้องรับฟังด้วยความสนใจ เพราะผู้ฟังแสดงอาการไม่สนใจ ผู้พูดก็จะไม่อยากพูด และเสียกำลังใจในการพูด ดังนั้น การเป็นผู้ฟังที่ดีก็เป็นเสน่ห์ในตัวอย่างหนึ่ง
  • คนมีเสน่ห์จะพูดในสิ่งที่ผู้ฟังอยากได้ คนเราถ้าหากได้รับฟังในสิ่งที่ตนเองไม่อยากฟังอาจไม่ให้ความสนที่จะฟัง หรืออาจเกิดความรำคาญเมื่อได้ฟัง ดังนั้น การจะพูดอะไรไปนั้นก็จะต้องดูหรือสังเกตผู้ฟังด้วยว่ามีความสนใจเรื่องที่ตนเองพูดหรือไม่
  • คนที่มีเสน่ห์จะรู้จักว่าควรพูดหรือควรฟังในสิ่งใด ในการสนทนากันนั้น ควรแบ่งกันพุดไม่ควรแย่งกันพูดหรือแย่งคุยคนเดียว ซึ่งจะต้องดุจาก สถานการณ์ด้วยว่าช่วงใดมีบทบาทเป็นผู้พูด หรือช่วงใดควรมีบทบาทเป็นผู้ฟัง
  • คนที่มีเสน่ห์จะหลีกเลี่ยงการนินทาคนอื่น การนินทาเป็นสิ่งที่คู่มนุษย์มานาน แต่ถ้าเราพยายามหลีกเลี่ยงการนินทาคนอื่น หรือเบี่ยงเบนไปพูดคุย เรื่องอื่น หากไม่นินทาคนอื่นก็จะทำให้เราเป็นคนที่มีจิตใจดี และไม่เป็นการสร้างศัตรู เพราะหากผู้ถูกนินทาทราบก็จะทำให้เกิดความไม่พอใจต่อเราได้
  • คนที่มีเสน่ห์จะเป็นคนที่มีอารมณ์ขัน อารมณ์ขันจะช่วยสร้างบรรยากาศในการสนทนา หรือการพูดคุยอย่างหนึ่ง แต่ต้องกระทำให้ถูกกาลเทศะ คนที่มีอารมณ์ขันจะพูดคุยสนุกสนาน มักมีคนชอบพูดคุยด้วยเพราะจะทำให้คนที่สนทนาด้วยสนุกสนานและอารมณ์ดี

3 เสน่ห์ที่ใจ

คนที่มีเสน่ห์ที่กาย เสน่ห์ที่ปากแล้วถือยังไม่ครบองค์ประกอบ เพราะนั่นคือ "การดีภายนอก" ถือเป็นรูปธรรมที่มองเห็น แต่เสน่ห์ที่ใจถือเป็น "การดีภายใน" ดังนั้น คนเราจึงควรที่จะมีทั้งการตีภายนอกและการดีภายใน

  • คนที่มีเสน่ห์จะคอยดูแลเอาใจใส่และเอื้ออาทรต่อบุคคลรอบข้าง อาจทำได้ง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น ช่วยหยิบสิ่งของให้ ช่วยเป็นธุระในบางเรื่อง ให้ ถามถึงทุกข์สุข ช่วยเปิดประตู ช่วยถือของ เป็นต้น การทำเช่นนี้เป็นการสร้างความประทับใจให้แก่ผู้อื่นได้เป็นอย่างดี
  • คนที่มีเสน่ห์จะทำตัวเป็น "ผู้ให้" มากกว่า "ผู้รับ" การให้เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง การให้มีทั้งการให้สิ่งของ การให้ความช่วยเหลือ และการให้อภัย คนทั่วไปมักจะชอบการให้ แต่ก็ไม่สมควรเป็นผู้รับเพียงฝ่ายเดียว ควรจะเป็นผู้ให้บ้าง แต่ควรจะเป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ
  • คนที่มีเสน่ห์จะต้องมีความกตัญญูกตเวที ดังพุทธศาสนสุภาษิตบทหนึ่ง กล่าวว่า "ความกตัญญูกตเวที เป็นเครื่องหมายของคนดี" "กตัญญู" คือ การรู้จักบุญคุณ "กตเวที" คือ การตอบแทนคุณคนเราต้องมีความกตัญญูกตเวทีต่อทุกคนที่มีคุณแก่เรา แม้จะมีคุณต่อเราเพียงเล็กน้อย ก็ไม่ควรที่จะลืมบุญคุณนั้น
  • คนที่มีเสน่ห์จะไม่แสดงอาการโกรธเคือง อาฆาต จองเวรผู้อื่น เมื่อมีผู้ทำให้โกรธ แต่ไม่โกรธ หรืออาฆาตจองเวรผู้อื่น นั่นถือว่าเราชนะแล้ว คือ "การชนะใจตนเอง" เพราะการโกรธ อาฆาต จองเวร จะทำให้เราไม่สบายใจ อาจเป็นการสร้างศัตรูได้ ดังนั้น จึงควรระงับความโกรธด้วยความไม่โกรธ ระงับความอาฆาตจองเวรด้วยความไม่อาฆาตจองเวรเพราะ "เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร"
  • คนที่มีเสน่ห์จะให้ความเคารพนับถือบิดา มารดา ครูอาจารย์ การให้ความเคารพต้องมาจากจิตใจ จึงจะทำให้เกิดความรู้สึกที่ดี นักเรียนอาจเคยไดยิน คำพูดที่ว่า "แม้แต่พ่อแม่ของเขาเองเขายังไม่เคารพหรือทำสิ่งที่ไม่ดีต่อพ่อแม่ได้ แล้วเราเป็นใคร ดังนั้น สักวันหนึ่งเขาอาจทำสิ่งที่ไม่ดีกับเราได้" คนลักษณะนี้เพื่อจะไม่นิยมที่จะคบค้าสมาคมด้วย เป็นคนที่ขาดเสน่ห์