ภาพแห่งตน ภาพลักษณ์ของตนเอง Self Image

เทคนิคการสร้างภาพลักษณ์ของตนเอง (Self Image) ให้ประทับใจ

อาภรณ์ ภู่วิทยพันธุ์

คุณเข้าใจคำว่าภาพลักษณ์ของตนเอง (Self Image) มากน้อยแค่ไหน และคุณคิดว่าภาพลักษณ์ของตนเองมีความสำคัญบ้างหรือไม่ ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจความหมายของคำว่าภาพลักษณ์กันก่อนดีกว่า

ภาพลักษณ์ของตนเอง (Self Image) หมายถึง บุคลิกลักษณะ ความสามารถหรือสิ่งที่คุณเป็นและแสดงออกมา ซึ่งจะส่งผลต่อ การรับรู้ของ ผู้พบเห็นเกี่ยวกับลักษณะ บุคลิกภาพ และศักยภาพของตัวคุณ

ภาพลักษณ์ของตนเองสำคัญไฉน…หลายคนอาจคิดไม่ถึงว่า ภาพลักษณ์ของตนเองเป็นสิ่งสำคัญมาก จนทำให้ไม่ใส่ใจ และไม่ดูแล ตนเอง โดยไม่สนใจว่าคนอื่นจะมองหรือคิดอย่างไร คุณรู้ไหมว่าภาพลักษณ์ที่ดูไม่ดีจะส่งผลต่อการติดต่อประสานงาน การขอความร่วมมือ และความช่วยเหลือต่าง ๆ จากบุคคลอื่น การที่คุณมีภาพลักษณ์และการแสดงออกที่ดี จะเป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดใจ ให้ผู้ที่พบเห็น หรือคนที่ติดต่อด้วยอยากเข้าใกล้ อยากให้ความร่วมมือ และความช่วยเหลือกับ คุณเอง ในที่สุดจะนำคุณไปสู่ความสำเร็จ ในหน้าที่การงานที่คุณได้รับการยอมรับ การสนับสนุน ความร่วมมือช่วยเหลือจากทั้งลูกค้า หัวหน้างาน เพื่อนร่วมงาน ลูกน้อง และคนรอบข้างของตัวคุณเอง

ดังนั้นการสร้างภาพลักษณ์ของตัวคุณจึงเป็นที่สิ่งสำคัญ แบบว่าภาพลักษณ์ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ทั้งนี้การทำให้ภาพลักษณ์ของตนเองดูดี และเป็นที่ประทับใจ แก่ผู้พบเห็นนั้นไม่ยาก หากคุณคิดจะปรับเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้คุณมีบุคลิกภาพและภาพลักษณ์ที่ดี ดังต่อไปนี้

การจัดแต่งทรงผม เสื้อผ้า และใบหน้า
คนทำงานหลายคนอ้างว่า ไม่มีเวลาที่จะใส่ใจต่อการจัดแต่งทรงผม เสื้อผ้า และใบหน้า คุณเชื่อไหมว่าบางคนเดินเข้ามาทำงาน ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้าดูเหมือนไม่ได้รีด ใบหน้าดูมอมแมมหรือไม่ชวนมอง ภาพที่พบเห็นเหล่านี้เป็นภาพ ที่ไม่น่าดูและ ไม่มีเสน่ห์ชวน ให้อยากพูดคุยหรือช่วยเหลือเอาซะเลย ดังนั้นขอให้คุณเริ่มเอาใจใส่กับเรื่องเหล่านี้ โดยการจัดแต่งทรงผมให้ดูเหมาะสม การสวมเสื้อผ้าที่สะอาดและถูกกาลเทศะ รวมทั้งการดูแลใบหน้าให้สดใส ถ้าเป็นผู้หญิงอาจแต่งหน้าให้ดูสวยงาม แต่ถ้าเป็นผู้ชายควร โกนหนวดเคราให้เรียบร้อยแลดูสะอาดอยู่เสมอ เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นภาพลักษณ์ภายนอกของคุณ ที่จะทำให้ผู้ที่พบเห็น เกิดความ ประทับใจ และอยากเข้ามาพูดคุย หรือติดต่อสมาคมด้วย

การเดิน การนั่ง และการยืน

ท่วงท่าในการแสดงออกไม่ว่าจะเป็นการเดิน การนั่ง และการยืนเป็นสิ่งที่สำคัญมากต่อบุคลิกภาพที่คนอื่นมองคุณเอง ขอให้คุณสำรวจว่าคุณมีท่าเดิน ท่านั่ง และท่ายืนอย่างไร คุณไม่ควรเร่งรีบเดิน หรือเดินแบบปลงชีวิต หรือเดินแบบห่อตัว รวมทั้งยืนและนั่งหลังค่อมหรือเชิดหน้าจนเกินไป ดิฉันขอเสนอแนะว่าคุณควรจะมีท่าเดิน นั่งและยืนให้สง่า หลังตรง เวลาเดินให้แขนแกว่งไปมาอย่างพอเหมาะ คุณเชื่อไหมว่าท่วงท่าที่แสดงออกมาไม่ว่าจะเป็นการเดิน การนั่ง และการยืนสามารถบ่งบอกถึงบารมีหรือตำแหน่งหน้าที่การงานของคุณได้

การใช้น้ำเสียง และคำพูด

เสน่ห์ที่ดึงดูดใจให้คุณเป็นคนน่าคบหาก็คือ การพูด พบว่าคำพูดสามารถทำให้เปลี่ยนจากมิตรเป็นศัตรู และเปลี่ยนจาก ศัตรูไปเป็น มิตรได้ ดังนั้นคุณควรจะใช้คำพูดที่ไพเราะ สุภาพ ถูกกาลเทศะ คุณไม่ควรใช้คำพูดที่ก้าวร้าวหรือดูถูกผู้อื่น รวมทั้งการใช้น้ำเสียง และจังหวะในการพูดสื่อสารกับคนอื่น ควรมีจังหวะจะโคนเพื่อจูงใจและเชิญชวนให้ผู้ฟังสนใจและมีความคิด ความรู้สึกคล้อย ตาม ในสิ่งที่พูด ขอให้คุณตระหนักไว้เสมอว่า คำพูดที่คุณพูดอย่างสุภาพ ไพเราะ และถูกต้องตามกาลเทศะนั้น จะทำให้คุณเอง มีเสน่ห์ชวน พูดคุยด้วย ทำให้ผู้ฟังมีความรู้สึกเป็นกันเองและเป็นมิตรด้วย นอกจากนี้คำพูดและน้ำเสียงยังสามารถทำนายถึงนิสัยคุณได้อีกด้วย เช่น คนที่พูดเร็ว จะมีนิสัยใจร้อน รีบเร่งทำงานให้เสร็จ ส่วนคนที่พูดช้า แบบค่อย ๆ เรียบเรียงคำพูดนั้น จะเป็นคนที่คิด และทำอะไรช้าตามไปด้วย

คุณลักษณะส่วนบุคคล

คุณลักษณะส่วนบุคคล หรือ Personal Attribute เป็นทัศนคติ ความคิด ความเชื่อ หรือแรงจูงใจที่มีอยู่ภายในตัวคุณเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณมีและ ถูกปลูกผังจนติดเป็นนิสัย คุณลักษณะส่วนบุคคลจึงจัดได้ว่าเป็นภาพลักษณ์ที่คนอื่นมองตัวคุณอย่างหนึ่ง ผู้ที่มีคุณลักษณะส่วนบุคคลที่ดี จะทำให้คนอื่นอยากเข้าใกล้ อยากคบหาและพูดคุยด้วย คุณลักษณะส่วนบุคคลที่สำคัญและขอนำเสนอ ได้แก่

* การควบคุมอารมณ์และความเครียด การแสดงกิริยา คำพูด แลพฤติกรรมอย่างเหมาะสมเมื่อคุณเผชิญกับสภาวะความเครียดและปัญหาที่รุมเร้าคุณอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจะทำให้คุณมีจิตใจที่สงบ มีสติรู้ว่าควรจะแก้ไขปัญหาด้วยวิธีการใด

* การมองโลกในแง่ดี เป็นการคิด ทำ และพูดแต่สิ่งดี ๆ และสร้างสรรค์กับตนเอง และผู้อื่น ไม่มองตนเองและคนอื่นในแง่ไม่ดี มีความมั่นใจและศรัทธาในตนเอง และผู้อื่นอย่างจริงใจ คนที่มองโลกในแง่ดีจะทำให้มีเสน่ห์ชวนอยู่ใกล้ด้วย เนื่องจากเวลาที่พูดคุยด้วยแล้วจะรู้สึกสบายใจ รู้สึกว่าชีวิตนี้ยังมีหวัง

ภาพภายในใจ

เหตุใด ภาพแห่งตน (Self-Image) จึงเป็นส่วนสำคัญหลักในบุคลิกภาพของคุณ

ภาพแห่งตน (self-image) ของคุณคือ ลักษณะที่คุณมองเห็นและคิดเกี่ยวกับตัวเอง หลายคนเรียกมันว่า "กระจกใน" คุณมองกระจกในทุกสถานการณ์ และเห็นว่า คุณควรจะลงมือทำอย่างไรกับเหตุการณ์ต่างๆเหล่านั้น ลักษณะที่คุณประพฤติออกมาหรือพฤติกรรมของคุณจะสอดคล้องกับ ภาพและความรู้สึก ที่คุณบันทึกหรือสร้างขึ้นอยู่ภายในความคิดจิตใจ
คุณมองเห็นตัวเองอย่างไรล่ะ?: ตัวอย่างเช่น หากคุณมองเห็นตัวเองเป็นคนสุขุมเยือกเย็น มั่นใจ และมีความสามารถในการขายไม่ว่าจะเป็นด้านใดๆแล้วละก็ เมื่อคุณลงมือทำจริงๆคุณจะรู้สึก สุขุมเยือกเย็น มั่นใจ และมีความสามารถ คุณจะรู้สึกเป็นบวกและมีความสุข คุณจะทำอะไรๆได้ดีและได้รับผลลัพธ์ที่ดีกลับมา แต่จะเป็นด้วยเหตุใดก็ตามมันก็ไม่ได้หมายว่าจะเป็นเช่นนั้นทุกครั้งไป บางครั้งมันก็จะมีลักษณะที่ขึ้นๆลงๆได้ เมื่อคุณเห็นภาพแห่งตนของตัวคุณชัดเจน นั่นคือในจิตใจของคุณนั้นคุณมองเห็นตัวเองเป็นคนดีและมีความสามารถในด้านนั้นๆ ก็จะไม่มีอะไรสามารถที่จะมารบกวนภาพในใจของคุณนั้นได้

เปลี่ยนภาพแห่งตนของคุณเสีย: การพัฒนาในทางที่ดีขึ้นที่ทำได้รวดเร็วที่สุดเพื่อที่จะได้ผลดีต่อการขายของคุณได้จากการเปลี่ยนภาพแห่งตนของคุณเสีย นาทีที่คุณ มองเห็น ตัวเอง แตกต่างออกไป คุณก็จะปฏิบัติออกมาแตกต่างออกไปด้วย และด้วยการที่คุณแสดง พฤติกรรมแตกต่าง ออกไป จากเดิมคุณก็จะได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างออกไปจากเดิม

เรื่องจริงของ ไบรอัน เทรซี่: ไบรอัน เทรซี่ เป็นนักขาย นักบริหาร นักเขียน และนักพูดที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่งในสหรัฐอเมริกา และทั่วโลก ซึ่งผมได้แปล หนังสือของเขา มาหลายเล่มที่วางอยู่ในท้องตลาด เช่น เป็นสุดยอดนักขายดาวจรัสแสง เป็นเศรษฐีเงินล้านด้วยตนเอง และคัมภีร์แห่งความสำเร็จ และกำลังจากออกมาใหม่จากชื่อเรื่อง Maximum Achievement และ Million Dollar Habits หลายปีมาแล้ว ตอนที่เขายังคงขายแบบเดิน ตามสำนักงาน หรือตามบ้านคนนั้น ตอนท้ายของการนำเสนอให้กับ คนที่เขาคิดว่า อยากให้เป็นลูกค้านั้น เขาก็จะยื่นโบชัวร์สินค้าให้แล้วบอกว่า "ช่วยคิดดูหน่อยนะครับ" เท่านั้นเอง ภาพแห่งตนของเขาตอนนั้น ทำให้เขาไม่กล้าที่จะขอให้ลูกค้าสั่งซื้อสินค้าของเขา ตลอดทั้งวันเขาจะไปตามสำนักงานของบริษัทนั้น บริษัทนี้เพื่อเสนอ ขายสินค้าแล้ว ก็ทิ้งสมุดเล่มเล็กๆเอาไว้ให้พวกนั้นอ่านต่อ นั่นทำให้เขาขายอะไรไม่ได้เลย พอเขาโทรศัพท์กลับไปถามคนที่เขาไปหา ก็จะได้รับคำตอบว่า ยังไม่สนใจ

จุดเปลี่ยน: ตอนนั้น ไบรอัน รู้สึกหมดเรี่ยวหมดแรงและสิ้นหวัง เขาต้องทำงานแบบหาเช้ากินค่ำทีเดียว ถ้าไม่ทำก็อดตาย แม้ว่าเขาจะไปพบลูกค้ามากมาย เพื่อขายของ เขาก็ไม่ได้มีลูกค้าที่ซื้อสินค้าเขามากมายแต่อย่างใดเลย อยู่ดีๆวันหนึ่งเขาเกิด ความสว่างขึ้นมา ในสมองซึ่งทำให้ชีวิตของเขา ไม่เหมือนเดิม อีกต่อไป เขาตระหนักได้ว่า การที่ขายไม่ออกก็เป็นเพราะเขาไม่กล้า ขอให้ผู้คนสั่งซื้อนั่นเอง มันไม่ได้อยู่ที่ตัวของคน จะซื้อแต่ปัญหามันอยู่ที่ตัวของเขาเอง นั่นแหละ เขาจำจะต้องเปลี่ยนภาพแห่งตน ของเขาเสียใหม่ซึ่งก็จะทำให้เขาเปลี่ยนพฤติกรรมได้ นี่แหละเป็นวิธีเดียวเท่านั้นหากเขาต้องการขายได้มากๆ

ตัดสินใจ: วันต่อมาเลย เขาตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวว่าต่อไปนี้เขาจะไม่โทรกลับไปหาคนที่เขาไปพบ ราคาข้าวของที่ขาย ก็ไม่มากมาย เท่าไหร่อยู่แล้ว และพวกนั้นก็ได้ยินและเข้าใจทุกอย่างที่เขาเสนอให้ฟังหมดแล้วด้วย ดังนั้นก็ต้องตัดสินใจได้แล้ว ไม่ต้องมาไตร่ตรอง อะไรอีก ป่วยการที่เขาจะทิ้งข้อมูล เอาไว้ให้พวกนั้นคิดอีกตั้งหลายวัน เขาจำได้ว่าครั้งแรกที่เขาไปเสนอขายใหม่ พอพูดจบ คนที่นั่งฟังเขาจะบอกว่า "ขอคิดดูก่อนนะครับ" เขายิ้มแล้วบอกว่า เขาจะไม่โทรกลับมาอีก เพราะว่างานของเขายุ่งมากแล้ว ก็บอกต่อว่า "ผมคิดว่าท่านรู้ข้อมูลทุกอย่างสำหรับการตัดสินใจทั้งหมดแล้วครับ ทำไมไม่สั่งซื้อเสียเลยล่ะครับ?" เขาจำได้ว่าคนๆนั้นยักไหล่หน่อยหนึ่งแล้วก็พูดว่า "โอเค ผมเอาก็แล้วกัน จะจ่ายกันยังไงล่ะ?" วันนั้นเขาเพิ่มยอดขายให้ตัวเอง ถึงสามเท่า ยอดขายของเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนสิ้นเดือน ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการฝ่ายขาย มีลูกน้อง 42 คน อัตราการขายเฉพาะส่วนตัวของเขาเพิ่มเป็น 15 ชิ้นต่อสัปดาห์ รายได้ของเขาเพิ่มขึ้นเป็นสองสามเท่า และไม่ต้องกังวลในเรื่องเงินแบบก่อนๆอีกต่อไป สิ่งที่เขาทำก็แค่เพียงเปลี่ยน ภาพที่เขามองเห็นตัวเองที่อยู่ข้างในนิดเดียวเท่านั้น คุณเองก็ทำได้เช่นกัน ลองทำดูครับ

เริ่มแรก มองตัวเองให้เห็นว่าคุณเป็นคนอย่างที่คุณต้องการจะเป็น เช่น เป็นคนมั่นใจ เข้มแข็ง เป็นคนเก่งในสาขาอาชีพของคุณ ทุกแง่ทุกมุม คนที่คุณ มองเห็น หรือรู้สึกนั่นแหละคือตัวคุณในไม่ช้า ต่อไป ค้นหาและระบุให้ได้ว่า มุมไหนสถานการณ์ไหน ในการขายเป็นจุดอ่อนของคุณ ปรับตรงนั้นเสียข้างใน จิตใจแล้ว ฝึกฝนฝึกปรือ ถามผู้รู้ ทำ ทำ ทำ ทำทุกวันจนกว่าจะได้ผล ถ้าไม่ฝึกแล้วจะได้มาอย่างไรล่ะ?ขอให้โชคดีครับ ให้เริ่มต้นปีด้วย ความสุขความสำเร็จ มันจะเป็นของคุณตลอดไป

ขอให้ท่านรู้สึกได้ว่าชีวิตของท่านเปี่ยมพลังอยู่แล้ว จงใช้ชีวิตอย่าง เปี่ยมพลัง!!!
ด้วยรัก


พันโท ภูมิสิษฐ์ ชินบุตรวงศ์/อานันท์ ชินบุตร
www.anantpowerful.com