บุคลิกภาพความเป็นชายและความเป็นหญิง
บุคลิกภาพความเป็นชาย (Masculinity) และความเป็นหญิง (Femininity) แชบลิน (Chaplin) ได้ให้ความหมายไว้ใน Dictionary of Psychology ว่า ความเป็นชาย (Masculinity) หมายถึง สถานภาพหรือเงื่อนไขของร่างกายที่ทำให้ปรากฏคุณลักษณะของเพศชาย ความเป็นหญิง (Femininity) หมายถึง คุณภาพของคุณลักษณะพิเศษที่ทำให้ปรากฏ เป็นเพศหญิง หรือคุณภาพหรือ สถานภาพเริ่มต้นของเพศหญิง
มิลเลอร์และเครม (Miller and Keame) ได้ให้ความหมายของความเป็นชาย และความเป็นหญิงไว้ใน Encychopedia and Dictionary of Medecine Nursing and Allied Health ดังนี้ ความเป็นชาย หมายถึง ขบวนการที่เกี่ยวกับคุณภาพ ของเพศชาย ความเป็นหญิง หมายถึงคุณภาพทั่วไปของคุณลักษณะความเป็นหญิง
เดโช สวานนท์ กล่าวว่า หญิงมีความสุข เก็บตัว ควบคุมจริตกิริยาได้ดีกว่า ชายโดยทั่วไป ทั้งนี้อาจมีกรณีพิเศษเป็นส่วนน้อยที่เด็กหญิงประพฤติเยี่ยงเด็กชาย และโดยนัยตรงกันข้ามเด็กชายประพฤติเยี่ยงเด็กหญิง เหตุที่ความผิดแผกระหว่าง ทั้งสองเพศมีขึ้นก็เนื่องด้วยวัฒนธรรมของสังคมเป็นไปอย่างนั้น
สุพัตร พูลเกษ กล่าวว่า ความเป็นชายหรือหญิงนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัย 7 อย่างด้วยกันได้แก่ ลักษณะของโครโมโซม ชนิดของต่อมเพศ ลักษณะของเครื่อง เพศภายใน ลักษณะมองเห็นภายนอก สภาพของฮอร์โมน การกำหนดเพศ และการอบรมเลี้ยงดู สำหรับในทางปฏิบัตินั้น พบว่าปัจจัยสองประการ ได้แก่ การกำหนดเพศและการอบรมเลี้ยงดูนั้นมีความสำคัญมากที่สุด
สมโภชน์ สุขวัฒนษ กล่าวว่า โดยธรรมชาติคนเราเกิดมาไม่ว่าจะเป็นเพศหญิงหรือชาย จะมีฮอร์โมนทั้งสองเพศอยู่ในตัวคนเดียวกันเสมอ เพียงแต่อะไรมาก อะไรน้อยเท่านั้น เมื่อเติมโตขึ้นลักษณะทางกายที่แสดงออกจะเป็นชายหรือหญิง ก็จะแสดงออกแตกต่างกัน ตามฮอร์โมนเพศชายหรือเพศหญิง แต่ในเรื่องของทางจิตใจนั้น เชื่อว่าการเลี้ยงดูของพ่อแม่เป็นตัวกำหนดบทบาที่สำคัญ ความเป็นชายหรือหญิงจะสมบูรณ์เมื่อร่างกายและจิตใจ สัมพันธ์กันเป็นอย่างดี
บาร์แกน (Bakan) ได้ให้ความหมายของความเป็นชาย (Masculinity) ด้วยคำว่า Agency และความเป็นหญิง (Femininity) ด้วยคำว่า Communion ซึ่ง Agency หมายถึง การแสดงคุณลักษณะของการป้องกันตนเอง อันได้แก่ การป้องกันตนเอง (Self-Protection) การรักษาผลประโยชน์ของตนเอง (Self-Assertion) การทำตัวให้กว้างขวาง (Self-Expersion) มีลักษณะแบ่งแยกและมีแรงจูงใจใฝ่รู้ และ Communion หมายถึง การแสดงคุณลักษณะในการเกี่ยวพันระหว่างสิ่งต่าง ๆ อันได้แก่ การติดต่อ (Contact) การเปิดเผย (openness) การร่วมมือ (Union) ขาดการแบ่งแยก (The Lack of Separations) และไม่รักษาสัญญาที่จะร่วมมือกัน (Noncontractual Cooperation)
การพัฒนาแบบทดสอบวัดความเป็นชายและความเป็นหญิง
การพัฒนาแบบทดสอบวัดความเป็นชายและความเป็นหญิง โดยอาศัยแนวความคิดและความเชื่อต่าง ๆ ที่แตกต่างกันออกไป ดังที่นำเสนอต่อไปนี้
1. ลักษณะเป็นมิติเดี่ยว (Unidimensionality)
หมายถึง ลักษณะรวมของคุณลักษณะต่าง ๆ ของบุคลิกภาพที่แสดงถึงความเป็นชายและความเป็นหญิง ซึ่ง ลิฟส์ และคอลวิลล์ (Lips and Colwill) กล่าวว่า หมายถึง ความเกี่ยวพันของตนเองกับลักษณะรวมของทัศนคติและพฤติกรรม ซึ่ง เทอร์แมนและไมล์ส (Terman and Miles) เป็นคนแรกที่ศึกษาถึงลักษณะความเป็นชายและความเป็นหญิงของคนในสังคมอเมริกา สรุปว่า เราสามารถทดสอบลักษณะความเป็นชายในกลุ่มตัวอย่าง ที่เป็นปกติที่แสดงลักษณะเฉพาะ ซึ่งประกอบด้วย คนสนใจในพฤติกรรมที่กล้าหาญและการผจญภัย ชอบงานกลางแจ้งและกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหว สนใจในงานช่างกลและเครื่องกลไกต่าง ๆ สนใจสิ่งที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ ปรากฏการทางพิสิกส์ การประดิษฐ์และเหตุการณ์ปัจจุบัน ชอบงานธุรกิจ งานพาณิชย์และการใช้เครื่องมือต่าง ๆ สำหรับกลุ่มผู้หญิง แสดงลักษณะเฉพาะซึ่งแสดงความสนใจในงานบ้าน เครื่องประดับตกแต่งและความสวยงาม อาชีพที่สนใจเป็นพิเศษก็คืองานที่ทำอยู่กับโต๊ะทำงาน งานนอกบ้านรวมถึงการรับใช้และปรนนิบัติ พิถีพิถันกับความงาม ชอบช่วยเหลือและมักเป็นทุกข์กังวลกับสิ่งปลีกย่อย ที่กล่าวมานั้นเป็นเพียงลักษณะรองเท่านั้น แต่สิ่งที่สำคัญคือเรื่องของอารมณ์ซึ่งเป็นตัวกำหนดโดยตรง ซึ่งผู้ชายจะแสดงออกทั้งทางตรงและทางอ้อม ลักษณะเด่นคือ ถือความคิดของตนเป็นใหญ่ มีความก้าวร้าว มีความอดทนสูงและกล้าหาญ กิริยาแข็งกระด้างกว่าทั้งคำพูดและความรู้สึก ผู้หญิงแสดงออกในลักษณะที่แสดงความเมตตาสงสารมากกว่า เห็นอกเห็นใจผู้อื่น ขี้อาจ จู้จี้และชอบความสวยงาม มีอารมณ์อ่อนไหวมากกว่า เคร่งครัดในเรื่องของจริยธรรม มีการควบคุมอารมณ์และกิริยาได้น้อยกว่า โดยที่เทอร์แมนและไมล์ส (Terman and Miles) ได้พัฒนาแบบทดสอบ Terman-Miles Attitude Interest Analysis Test เป็นแบบทดสอบวัดลักษณะความเป็นชายและความเป็นหญิงในลักษณะทั่ว ๆ ไป โดยใช้ความแตกต่างระหว่างเพศของกลุ่มตัวอย่าง แบบทดสอบมีการวัด 7 ลักษณะ ได้แก่ การจัดหมวดหมู่ของคำ แบบหยดหมึก (Ink Blot) แบบสอบถามส่วนตัว แบบสำรวจความสนใจ แบบสำรวจตนเอง อารมณ์และทัศนคติเกี่ยวกับความงาม และความคิดเห็นต่าง ๆ การหาค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบหาโดยใช้วิธีแบบแบ่งครึ่ง (Split-Half) ได้ค่าตั้งแต่ 0.32 ถึง 0.90
2. คุณลักษณะในสองทิศทาง (Bipolarity Concept)
อิงลิสซ์ และอิงลิสซ์ (English and English) ได้ให้นิยามคุณลักษณะสองทิศทางไว้ว่า เป็นมิติของบุคลิกภาพที่ไม่ใช่สถานภาพเดียว ที่ไม่ได้เกิดจากจุดเริ่มต้นที่ศูนย์ไปยังจุดอื่น ๆ แต่เริ่มต้นจากจุดปลายสุดของสิ่งหนึ่งไปยังสิ่งที่ตรงข้าม (Opposite) กับสิ่งนั้น และมีความสัมพันธ์กันในทางลบ
ลิฟส์และคอลวิลล์ (Lips and Colwill) กล่าวว่า เป็นโครงสร้างเดียวซึ่งเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามจากลักษณะความเป็นชายสูงไปยังลักษณะความเป็นหญิงสูง ที่สามารถสันนิษฐานได้ด้วยจุดกึ่งกลาง
คอนสแตนติโนเปิล (Constantinople) กล่าวถึงโครงสร้างของแบบทดสอบวัดความเป็นชายและความเป็นหญิงของคุณลักษณะสองทิศทาง (Bipolality) ว่าตั้งอยู่บนข้อตกลงเบื้องต้น 3 ประการคือ
1. ความต่อเนื่องของคุณลักษณะสองทิศทางของเพศเดียวกัน ขึ้นอยู่กับเกณฑ์ที่มีความสัมพันธ์กันของแบบทดสอบวัดความเป็นชายและหญิง และข้อสอบที่คัดเลือกได้ควรมีประสิทธิภาพในการจำแนกการตอบของทั้งสองเพศได้
2. สิ่งที่แสดงถึงลักษณะตรงข้ามกันในการตอบแบบทดสอบวัดความเป็นชายและความเป็นหญิง มีทางให้เลือกสองทิศทาง
3. การใช้คะแนนผลรวมของแบบทดสอบคาดคะเนบุคลิกภาพความเป็นชายและความเป็นหญิง ขึ้นอยู่กับลักษณะสองทิศทางเพียงอย่างเดียว
แคปแลนด์และซิดนีส์ (Kaplan and Sadney) ได้กล่าวถึงความแตกต่างของแบบทดสอบวัดบทบาททางเพศในลักษณะสองทิศทางว่าแบบดั้งเดิมว่า เป็นคุณศัพท์ที่มีคำตรงข้ามกัน เช่น
การบังคับ (Forceful) ___ ___ ___ ___ ___ ___ ___ความอ่อนโยน (Gentle)
ซึ่งถ้าบุคคลใดมีลักษณะทั้งสองประการอยู่ในตัวก็จะให้คะแนนตรงจุดกึ่งกลาง ซึ่งทำให้ไม่สามารถจำแนกบุคคลที่มีลักษณะความเป็นชายและหญิง (Androgyny) ได้อย่างถูกต้อง ซึ่ง เบ็ม (Bem) คอนสแตนติโนเปิล (Constantinople) สแปน, เฮมริชส์ และสแตปป์ (Spance, Helmrich and Stapp) ได้ปฏิเสธลักษณะของแบบทดสอบดังกล่าว และถือว่าลักษณะความเป็นชายและหญิงนั้นเป็นอิสระจากกัน ซึ่งแบบทดสอบตามแนวคิดดังกล่าวจะมีลักษณะดังนี้
สูง ___ ___ ___ ___ ___ ___ ___ต่ำ
การบังคับ (Force Full)
สูง ___ ___ ___ ___ ___ ___ ___ต่ำ
ความอ่อนโยน (Gentle)
และจากแนวคิดดังกล่าว เบ็ม (Bem) ได้พัฒนาแบบทดสอบวัดบทบาททางเพศในลักษณะของแบบทดสอบวัดความเป็นชายและหญิง โดยกล่าวว่า ลักษณะความเป็นชายและหญิงนั้นเป็นอิสระจากกัน เป็นไปได้ที่บุคคลจะมีลักษณะความเป็นชาย (Masculinity) ลักษณะความเป็นหญิง (Femininity) และลักษณะความเป็นชายหญิง (Androgyny) ลักษณะความเป็นชายและความเป็นหญิงนั้นเป็นลักษณะเฉพาะของบุคคล และพบว่า
1. ลักษณะของความเป็นชายและหญิงนั้นหาได้ตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ (Empirically) และตามหลักตรรกวิทยา (Logically) ซึ่งเป็นอิสระจากกัน
2. มโนภาพ (Concept) ทางจิตวิทยาของลักษณะความเป็นชายหญิง (Androgyny) เชื่อถือได้ว่าเป็นมิติเดียว
3. คะแนนจากแบบแผนทางเพศ (Sex Type) สูง ไม่ได้สะท้อนให้เห็นถึงลักษณะทั่วไปในความโน้มเอียงในการตอบสนองความปรารถนาทางสังคมโดยตรง แต่เป็นลักษณะเฉพาะของความโน้มเอียงในความเป็นตัวของตัวเองที่เหมาะสมสำหรับแบบแผนทางเพศ (Sex Types) ที่เป็นมาตรฐาน และได้พัฒนาแบบทดสอบชื่อว่า เบ็ม เช็ก โรล อินเวนทอรี่ (Bem Sex Role Inventory) ลักษณะของแบบทดสอบประกอบด้วยข้อสอบ จำนวน 60 ข้อ ซึ่งเป็นคำคุณศัพท์ แต่ละข้อมี 7 สเกล โดยให้ตอบว่ามีมากหรือน้อยในลักษณะของคุณศัพท์เหล่านั้น โดยแบ่งเป็นวัดลักษณะความเป็นชาย (Masculinity) 20 ข้อ ความเป็นหญิง (Femininity) 20 ข้อ และวัดลักษณะกลาง ๆ ทั่ว ๆ ไป (Neutral) 20 ข้อ ซึ่ง กลูโคลซ์ (Grudreau) ได้หาความเที่ยงตรงของแบบทดสอบโดยทดสอบกับกลุ่มตัวอย่างที่เป็นตำรวจชายซึ่งถือว่ามีลักษณะของความเป็นชาย จำนวน 36 คน และกลุ่มตัวอย่างที่เป็นแม่บ้านซึ่งถือว่ามีลักษณะความเป็นหญิง จำนวน 36 คน พบว่า ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างคะแนนจากแบบทดสอบวัดความเป็นชายและความเป็นหญิงมีค่า r เท่ากับ -0.91
การแปลความหมายของคะแนน
1. มีลักษณะความเป็นชาย (Masculine) เมื่อได้คะแนนจากแบบทดสอบวัดความเป็นชายสูงและคะแนนจากแบบทดสอบวัดความเป็นหญิงต่ำ
2. มีลักษณะความเป็นหญิง (Feminine) เมื่อได้คะแนนจากแบบทดสอบวัดความเป็นหญิงสูงและคะแนนจากแบบทดสอบวัดความเป็นชายต่ำ
3. มีลักษณะความเป็นชายหญิง (Androgyny) เมื่อได้คะแนนจากแบบทดสอบวัดความเป็นชายสูงและคะแนนจากแบบทดสอบวัดความเป็นหญิงสูง
4. มีลักษณะไม่แตกต่าง (Undifferentiate or Undeterminate) เมื่อได้คะแนนจากแบบทดสอบวัดความเป็นชายต่ำและคะแนนจากแบบทดสอบวัดความเป็นหญิงต่ำ
3. ลักษณะในหลายมิติ (Multidimension)
เบอร์นาร์ด (Bernnard) มีแนวความคิดว่า ความเป็นชายและความเป็นหญิงน่าจะมีลักษณะในหลายมิติ (Multidimensional) จึงได้วิเคราะห์องค์ประกอบของแบบทดสอบ Stong Vocational Interest Blank (SVIB.MF) , Minnesota Multiphasic Personality Inventory (MMPI.MF) , California Psychological Inventory (CPI,Fe) , Guilford Temperament Survey (G.M) ได้องค์ประกอบของความเป็นชายและหญิงใน 5 องค์ประกอบดังต่อไปนี้
1. สนใจในความงาม (Aesthetic Interest) ประกอบด้วยความสนในศิลปที่ดี อักษรศาสตร์และอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการค้นคว้า
2. สนใจในสิ่งที่ต้องใช้กำลัง (Manual and Physical) เช่น การประกอบอาชีพความบันเทิงและสิ่งที่เกี่ยวข้องกับอันตราย
3. มีความอ่อนไหวสูง (Hypersensitivity) คือมีลักษณะของความกังวลหรือมีอาการโรคจิตของความวิตกกังวล
4. ขี้อาจและเก็บความรู้สึกในใจ (Timidity and Sintimentality) คือมีลักษณะของความคิดสูงในการพิจารณาผลกระทบต่าง ๆ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับร่างกายภายนอก
5. ความหุนหันพลันแล่น (Temerity) คือกล้าแนะนำและเอะอะอึกทึก
เบอร์นาร์ด (Bernard) ได้วิเคราะห์องค์ประกอบของแบบทดสอบ Minnesota Multiphasic Personality Inventory (MMPI) และ Bem Sex Role Inventory (BSRI) ในสเกลวัดความเป็นชายและความเป็นหญิงจากนิสิตจำนวน 207 คน เป็นชาย 90 คน หญิง 117 คน ได้องค์ประกอบของความเป็นชายและความเป็นหญิงใน 7 องค์ประกอบดังต่อไปนี้
1. สนใจในความสวยงาม (Aesthetic Interest)
2. ชอบสิ่งที่ต้องใช้กำลัง (Manual and Physical Interest)
3. มีความอ่อนไหวสูง (Hypersensitivity)
4. ทำตัวเป็นเครื่องมือ (Instrumental - Agentic)
5. แสดงความปรารถนาอยู่ร่วมกัน (Expressive - Communal)
6. ขี้อาจและเก็บความรู้สึก (Timidity and Sentimentality)
7. ความหุนหันพลันแล่น (Temerity)
บาร์ซิลส์ วิลลิงส์ และวอทเทอร์ (Barzins, Willing and Watter) ได้วิเคราะห์องค์ประกอบของแบบทดสอบ Bem Sex Role Inventory ได้องค์ประกอบของความเป็นชายและความเป็นหญิงใน 7 องค์ประกอบ โดยแบ่งเป็น
องค์ประกอบของลักษณะความเป็นชาย มี 4 องค์ประกอบ คือ
1. ความมีอำนาจในสังคม (Social Ascendency) ประกอบด้วยความเป็นผู้นำ (Leader) แสดงความมีอำนาจเหนือ (Dominant) มีลักษณะเป็นหัวหน้า (Forceful) มีความก้าวร้าว (Agressive) ถืออภิสิทธิ์ (Assertive) และมีบุคลิกภาพเข้มแข็ง (Strong Personalities)
2. ความเป็นอิสระ (Autonomy) ประกอบด้วย การพึ่งตนเอง (Independent) ความพึงพอใจในตนเอง (Self-Suffecient) มีความมั่นใจในตนเอง (Self-Relaint) และมีแบบอย่างเฉพาะตัว (Individualistic)
3. มีอำนาจในการตัดสินใจด้วยปัญญา (Intellectual Ascendency) ประกอบด้วยการปกป้องความเชื่อของตนเอง (Defends own Beliefs) และการยืนยันความตั้งใจ (Willing to take a stand)
4. มีเลือดนักสู้ (Physical Boldness) ประกอบด้วย มีความเป็นนักกีฬา (Athletic) และชอบการแข่งขัน (Competitive)
องค์ประกอบของลักษณะความเป็นหญิง มี 3 องค์ประกอบคือ
1. มีความผูกพันกับครองครัว (Nurturant Affiliation) ประกอบด้วย มีความนุ่มนวล (Tender) เมตตากรุณา (Compassionate) ให้ความอบอุ่น (Warm) สุภาพอ่อนโยน (Gentle) เห็นอกเห็นใจ (Sympathetic) แสดงความรักใคร่ (Affectionate) มีความเข้าใจเพื่อนมนุษย์ (Understanding) และอ่อนไหวต่อความต้องการต่าง ๆ (Sensitive to the needs of others)
2. ตามใจตนเอง (Self-Subordination) ประกอบด้วยมีความรักเด็ก (Child Like) เชื่อคนง่าย (Gullible) และชอบการประจบประแจง (Flatherable)
3. ความสนใจตนเอง (Introvation) ประกอบด้วย การพูดจานุ่มนวล (Solf Spoken) และขี้อาย (Shy)
นอกจากนี้ยังได้วิเคราะห์องค์ประกอบของแบบทดสอบ Personality Research Form (PRE ANDRO) ได้องค์ประกอบของลักษณะความเป็นชายและความเป็นหญิงใน 6 องค์ประกอบ ดังนี้
องค์ประกอบของลักษณะความเป็นชาย 4 องค์ประกอบคือ
1. มีอำนาจในสังคมและการตัดสินใจด้วยปัญญา (Social Intellectual Ascendency)
2. มีความเป็นอิสระ (Autonomy)
3. การปรับทิศทางต่ออันตราย (Orientation Toward Risk)
4. มีแบบอย่างเฉพาะตัว (Individualism)
องค์ประกอบของลักษณะความเป็นหญิงมี 2 องค์ประกอบ คือ
1. มีความปกป้องทนุถนอม (Nurturance)
2. มีความผูกพันรักใคร่และชอบตามใจตนเอง (Affiliative Conceress and Self Subordination)