ความคิดที่แตกต่าง

10 ความแตกต่าง ระหว่าง คนรวย กับ คนชั้นกลาง

ผมได้อ่านหนังสือเล่มเล็ก ๆ เล่มหนึ่งเขียนโดย Keith Cameron Smith เรื่องความแตกต่างที่โดดเด่น 10 ข้อ ระหว่างคนรวยกับ คนชั้นกลาง และเห็นว่ามันมีความเป็นจริงอยู่พอสมควรจากการสังเกตของผม ดังนั้น จึงขอนำมาเผยแพร่เพื่อที่ว่า เราจะได้รู้ว่า เราอยู่ในด้านไหนของสังคม และจะต้องทำอย่างไรเพื่อที่ว่าเราจะได้ย้ายจาก การมีแนวโน้มที่จะเป็นคนชั้นกลางสู่การเป็นคนรวย

ความแตกต่างข้อแรกก็คือ เศรษฐีนั้นคิดยาวแต่คนชั้นกลางคิดสั้น ว่าที่จริง คนที่คิดสั้นที่สุดก็คือคนจน พวกเขามัก จะคิดอะไร แบบวันต่อวันทำนองหาเช้ากินค่ำ คนชั้นกลางนั้นมักจะคิดเป็นเดือนต่อเดือน นั่นคือคิดถึงวันเงินเดือนออก แต่คนรวยจะต้อง คิดยาวเป็นปี ๆ หรือเป็นสิบ ๆ ปี ในใจของคนจนนั้น เขามักคิดแต่เฉพาะเรื่องของความอยู่รอดเป็นหลัก ในขณะที่คนชั้นกลางคิดถึง เรื่องความสุขสบายจากการจับจ่ายใช้สอยสินค้า ส่วนคนรวยนั้น เป้าหมายของพวกเขาชัดเจน เขาต้องการความเป็นอิสระทางการเงิน การคิดยาวนั้นมีพลังมหาศาล เพราะมันจะทำให้เขาอดออม และลงทุนระยะยาว ซึ่งจะทำให้เงินงอกเงยแบบทบต้นเป็นเวลานาน และนี่คือสูตรสำคัญที่สุดในการที่จะทำให้คนมั่งคั่ง

ข้อสอง คนรวยพูดเกี่ยวกับเรื่องไอเดีย คนชั้นกลางพูดเกี่ยวกับสิ่งของ และคนจนพูดถึงเรื่องของคนอื่น นี่คงไม่ได้หมายถึงว่า คนรวยไม่พูดเกี่ยวกับ เรื่องของสิ่งของหรือคนอื่น แต่หมายถึงว่า คนรวยจะพูดถึงเรื่องของคนอื่น น้อยกว่าคนจน และมักจะเป็น คนที่มีแนวความคิดดี ๆ หรือมีมุมมองต่าง ๆ มากกว่าคนชั้นกลางและคนจน เบื้องหลังของนิสัย ในเรื่องนี้คงอยู่ที่ว่า คนรวยนั้น มักจะมีความคิดสร้างสรรค์มากกว่าคนจนซึ่งมักจะชอบ "ซุบซิบนินทา" เป็นนิจสิน ในขณะที่คนชั้นกลาง อาจจะเน้นการ ทำงานประจำ ชอบพูดถึงเรื่องรถยนต์ ดนตรี การพักผ่อนหย่อนใจ เป็นต้น

ข้อสาม คนรวยยอมรับการเปลี่ยนแปลง คนชั้นกลางต่อต้านการเปลี่ยนแปลง คนชั้นกลางรู้สึกว่า การเปลี่ยนแปลง จะคุกคามชีวิต ความเป็นอยู่ที่ตนเอง เคยชิน ในขณะที่คนรวยนั้น คิดว่าการเปลี่ยนแปลง อาจนำมาซึ่งชีวิตที่ดีกว่า เขาคิดว่า ในการเปลี่ยนแปลงนั้น มักมีโอกาสที่เขาอาจจะฉกฉวยได้ เบื้องหลังนิสัยนี้อาจจะมาจาก การที่คนรวยมีความมั่นใจสูงกว่า คนชั้นกลางที่มักจะกลัวว่า ตนเองจะไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสิ่งใหม่ ๆ ได้

ข้อสี่ คนรวยกล้ารับความเสี่ยงที่ได้มีการพิจารณาและไตร่ตรองดีแล้ว คนชั้นกลางกลัวที่จะรับความเสี่ยง นี่เป็นนิสัยที่เป็น จุดอ่อนมากที่สุดของ คนชั้นกลาง ในความเห็นของผม คนที่ไม่ยอมรับความเสี่ยงเลยนั้น จะพลาดที่จะได้ผลตอบแทนที่ดีโดยสิ้นเชิง ในขณะที่คนที่กล้ารับความเสี่ยงอย่าง ที่ได้มีการศึกษา มาเป็นอย่างดี จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้โดยที่ความเสี่ยงจริง ๆ นั้นจะมีน้อยมาก ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนที่สุดก็คือ คนชั้นกลางส่วนใหญ่นั้น มักจะกลัวการลงทุนในหุ้น หรือตราสารการเงิน ที่มีความผันผวนของราคาโดยที่เขาไม่พยายามศึกษาว่า ในระยะยาวแล้ว มันอาจจะมีความคุ้มค่ากว่าการฝากเงินในธนาคารมาก ในอีกมุมหนึ่ง คนที่กล้ารับความเสี่ยงอย่าง "บ้าบิ่น" เช่นคนที่เล่นหุ้นวันต่อวันเองก็ไม่ใช่นิสัยของคนรวย คนรวยนั้นจะต้องรับความเสี่ยงเฉพาะที่มีการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว

ข้อห้า คนรวยเรียนรู้และเติบโตตลอดชีวิต คนชั้นกลางคิดว่าการเรียนรู้จบที่โรงเรียน นิสัยการเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ นี้ ผมคิดว่าเป็นหัวใจเศรษฐีจริง ๆ เพราะในความรู้สึกของผมเอง การเรียนรู้จากโรงเรียน เป็นเพียงพื้นฐานที่เรา นำมาศึกษาต่อ ด้วยตนเองได้ และเวลาหลังจากการเรียนในโรงเรียนนั้น ยาวมากเป็นหลายสิบปี ดังนั้น ความรู้ส่วนใหญ่ จึงควรที่จะเกิดขึ้น หลังจากที่เราเรียนจบจากโรงเรียน โดยนัยของข้อนี้ คนรวยจึงน่าจะมีนิสัยรักการอ่าน หรือการหาความรู้ต่อไปเรื่อย ๆ ในขณะที่คนชั้นกลางนั้น พอเรียนจบก็มักจะไม่สนใจอ่านหนังสือหรือหาความรู้ใหม่ ๆ และความรู้ที่ผมคิดว่า คนชั้นกลางพลาดไป เพราะไม่มีการสอนในโรงเรียนก็คือ ความรู้ทางด้านการเงิน ที่คนรวยมักจะศึกษาต่อ เพราะเห็นถึง ความสำคัญและ อาจนำไปสู่ความร่ำรวยได้

ข้อหก คนรวยทำงานเพื่อหากำไร คนชั้นกลางทำงานเพื่อจะได้ค่าจ้าง คนรวยมองว่านี่คือ หนทางที่จะ ทำให้รวยได้มากกว่า แม้ว่าจะมีความเสี่ยง ในขณะที่คนชั้นกลางนั้น มักจะไม่กล้าเสี่ยง และอาจจะมีความคิดสร้างสรรค์น้อยกว่า จึงมุ่งไปที่การหางาน ที่จะมีรายได้แน่นอน แต่รายได้จากการใช้แรงงาน ของตนเองนั้น มีน้อยคนที่จะทำให้ตนเองรวยได้

ข้อเจ็ด คนรวยเชื่อว่าพวกเขาจะต้องใจบุญสุนทาน คนชั้นกลางคิดว่าพวกเขาไม่มีปัญญาที่จะทำบุญ ข้อนี้ผมเองคงไม่มีคอมเม้นท์อะไร ส่วนหนึ่งผมเองก็ไม่แน่ใจ เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องของแต่ละคน ที่ไม่ค่อยบอก หรือรู้กันยกเว้นกรณีที่เป็นการบริจาคใหญ่ ๆ อย่างกรณีของบัฟเฟตต์หรือบิลเกต

ข้อแปด คนรวยมีแหล่งรายได้หลากหลาย คนชั้นกลางมีเพียงหนึ่งหรือสองแหล่ง ข้อนี้ก็เช่นกัน ผมเองไม่แน่ใจว่า คนรวยมีรายได้จากหลายแหล่ง เพราะรวยแล้วจึงไปลงทุนในทรัพย์สินหลาย ๆ อย่าง หรือมีทรัพย์สินหลายอย่าง จึงทำให้รวย แต่ที่ผมเห็นชัดเจนก็คือ คนชั้นกลางนั้น มักไม่ลงทุนในทรัพย์สินที่มีความเสี่ยงทำให้รายได้มักจะมาจากเงินเดือนเป็นหลัก

ข้อเก้า คนรวยเน้นการเพิ่มขึ้นของความมั่งคั่งของตนเอง คนชั้นกลางเน้นการเพิ่มของเงินเดือน เป้าหมายของคนรวยนั้น อยู่ที่ว่าตนเองมีความมั่งคั่ง เพิ่มขึ้น มากน้อยแค่ไหนโดยมองที่ภาพรวม ดังนั้น ถ้าเขามีหุ้นอยู่ การที่หุ้นมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเขาก็มีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นโดยที่เขาไม่ต้องเสียภาษี แต่คนชั้นกลางพยายามทำงาน เพื่อให้มีเงินเดือนสูงขึ้น แต่เขาอาจจะลืมไปว่า เขาจะต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นด้วย สรุปก็คือ คนรวยเน้นการลงทุนใช้เงินทำงานแทนตนเอง คนชั้นกลางเน้นการใช้แรงงานของตนเอง

สุดท้าย ข้อสิบ คนรวยชอบตั้งคำถามที่เป็นบวกและสร้างกำลังใจ เช่น ฉันจะสร้างรายได้เป็นเท่าตัวในปีนี้ได้อย่างไร? ในขณะที่คนชั้นกลางชอบตั้งคำถามที่เป็นลบและเสียกำลังใจเช่น จะหาเงินมาจ่ายหนี้ค่าบัตรเครดิตเดือนนี้ได้อย่างไร ?

และนั่นก็คือความแตกต่าง 10 ข้อระหว่างคนรวยกับคนชั้นกลางที่มีคนตั้งข้อสังเกตไว้ ซึ่งผมเชื่อว่าส่วนใหญ่น่าจะเป็นจริง แน่นอน คนรวยบางคนก็มีคุณสมบัติที่เป็นแบบคนชั้นกลาง และคนชั้นกลางจำนวนมากก็มีนิสัยแบบคนรวย แต่ถ้าเราอยากรวย ผมคิดว่า การยึดนิสัยแบบคนรวยน่าจะทำให้เรามีโอกาสมากกว่า

 

ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

17 ข้อคิดความแตกต่างระหว่างคนรวยกับคนจน


ผมอ่านหนังสือ "ไขความลับสมองเงินล้าน" ของ T.Harv Eker ซึ่งเป็นนักเขียน นักพูด นักสร้างแรงบันดาลใจเกี่ยวความสำเร็จทางการเงินแล้วชอบกฎเกณฑ์วิธีคิดของเขามากๆ เชิญเสพฟรีโดยไม่ต้องเสียตังค์ซื้อหนังสือได้เลย

17 ข้อคิดความแตกต่างระหว่างคนรวยกับคนจน

  1. คนรวยเชื่อว่า "ฉันควบคุมชะตาชีวิตของตัวเอง" คนจนเชื่อว่า "ฉันถูกลิขิตให้เป็นอย่างนี้"
  2. คนรวยเล่นเกมการเงินเพื่อที่จะเอาชนะ คนจนเล่นเกมการเงินเพื่อไม่ให้แพ้
  3. คนรวยทุ่มเทเพื่อความรวย คนจนแค่อยากรวย
  4. คนรวยคิดการใหญ่ คนจนคิดการเล็ก
  5. คนรวยมุ่งความสนใจไปที่โอกาส คนจนมุ่งความสนใจไปที่อุปสรรค
  6. คนรวยชื่นชมผู้ร่ำรวยและประสบความสำเร็จคนอื่นๆ คนจนชิงชังผู้ร่ำรวยและประสบความสำเร็จ
  7. คนรวยคบหาสมาคมกับคนที่มองโลกในแง่ดีและประสบความสำเร็จ คนจนขลุกอยู่กับคนที่มองโลกในแง่ร้ายหรือไม่ประสบความสำเร็จ
  8. คนรวยเต็มใจโปรโมทตัวเองและคุณค่าของตนเอง คนจนมองการขายและโปรโมชั่นในแง่ลบ
  9. คนรวยมองปัญหาเป็นเรื่องเล็ก คนจนมองปัญหาเป็นเรื่องใหญ่
  10. คนรวยเป็นผู้รับที่ยอดเยี่ยม คนจนเป็นผู้รับที่ยอดแย่
  11. คนรวยเลือกที่จะได้รับเงินตามผลงาน คนจนเลือกที่จะได้รับเงินตามระยะเวลาที่ทำงาน
  12. คนรวยเลือก "ทั้งสองทาง" คนจนเลือก "ทางใดทางหนึ่ง"
  13. คนรวยสนใจมูลค่าทรัพย์สิน คนจนสนใจแต่รายได้จากการทำงาน
  14. คนรวยเก่งเรื่องการบริหารเงิน คนจนเก่งเรื่องการบริหารเงินแบบผิดๆ
  15. คนรวยให้เงินทำงานหนักเพื่อตัวเอง คนจนทำงานหนักเพื่อให้ได้เงิน
  16. คนรวยมุ่งไปข้างหน้าแม้จะหวาดกลัว คนจนปล่อยให้ความกลัวหยุดยั้งตนเอง
  17. คนรวยเรียนรู้และเติบโตอยู่ตลอดเวลา คนจนคิดว่าตัวเองรู้ดีอยู่แล้ว